เรื่องผีพันทิป

กระทู้ผีพันทิป : นางรำปริศนา…ผู้มารำโดยไร้คู่

เรื่องเล่าสยองขวัญ กระทู้ผีพันทิป นี้มาจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 2279458 สาวมัธยมปีที่ 5 เล่าถึงประสบการณ์ที่ตนได้มีโอกาสแสดง “รำกฤษฎาภินิหาร” ในวันเปิดตัวอาคารใหม่ที่โรงเรียน โดยปกติการแสดงชุดนี้จะรำกันเป็นคู่ แต่ในการแสดงวันนั้นกลับมีบุคคลปริศนาที่ไม่ครบคู่ โผล่ออกมารำร่วมกับพวกเธอ ที่ซึ่งมีพยานรู้เห็นกันทั้งโรงเรียน

เรื่องเล่า กระทู้ผีพันทิป นางรำคนที่ 3

สำหรับเรื่องราวที่นำมาเล่าในวันนี้ เป็นเรื่องเล่าสยองขวัญที่เราเจอมากับตัว ในช่วงม.5 เราได้เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงในพิธีเปิดตัวอาคารเรียนหลังใหม่ที่พึ่งสร้างเสร็จ โดยในส่วนของการแสดงมีอยู่หลายชุด หนึ่งในนั้นคือการ “รำกฤษฎาภินิหาร” ซึ่งเป็นเรากับเพื่อนสาวกระเทยอีกนางหนึ่งรำคู่กัน โดยปกติเราเองก็มีความเชื่อในสิ่งที่เรียกว่า “พ่อแก่” ซึ่งเปรียบเสมือนครูบาอาจารย์สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพ หากทำอะไรไม่ถูกต้องก็จะยกมือไหว้ขอขมาแก่ท่านเสมอ

อย่างไรก็ตาม มีอะไรบางอย่างที่เรารู้สึกไม่สบายใจ บางอย่างที่ทำให้รู้สึกกังวลกำลังก่อตัวขึ้น เวลาที่ไปซ้อมรำกฤษฎาภินิหารทุกครั้งที่ห้องนาฏศิลป์ แต่พอหันไปมองเพื่อนกระเทย นางกลับดูเฉยๆ เราก็พยายามจะบอกตัวเองว่าคงคิดมากเกินไป ห้องที่ว่านี้จะมีลักษณะเป็นห้องที่กรุล้อมรอบไปด้วยบานกระจกขนาดใหญ่ทั่วทุกทิศ โดยที่ด้านหลังของห้องจะมีแท่นวางองค์พ่อแก่ ชฎาต่างๆ และมีหุ่นพระหุ่นนางอยู่เคียงกัน ทุกครั้งที่เรามาซ้อมบรรยากาศค่อนข้างจะวังเวง เนื่องจากนักเรียนชั้นมัธยมปลายนั้นเลิกเรียน 5 โมงเย็น กว่าจะได้ลงมาซ้อมที่ห้องนาฏศิลป์ เด็กๆรุ่นน้องที่ซ้อมเสร็จก่อน ก็พากันกลับบ้านหมดแล้ว

ในเย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียน เราลงมาซ้อมคนเดียว ขณะที่ซ้อมรำไปอยู่นั้น ก็รู้สึกขนลุกพิกลเหมือนกับว่ามีใครอีกคนกำลังจ้องมองมาทางเราอย่างเงียบๆ เวลาที่ขยับตัวหรือคอเอี้ยวไปมา หางตาก็เหมือนจะเหลือบไปเห็นคล้ายกับใครบางคนมายืนรำอยู่ข้างๆ แว่บไปแว่บมา จนพาลให้คิดว่าความเหนื่อยล้าคงทำให้ตาฝาด กระทั่งเพื่อนกระเทยเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วทักถามอย่างประหลาด… “เมื่อกี้ครูมาช่วยดูการซ้อมให้เหลือ มองเข้ามาจากข้างนอก เห็นรำท่าเดียวกันเลย” เท่านั้นแหละเหงื่อทุกเม็ดในร่างเราก็พร้อมใจกันผุดออกมาท่วมตัว จนดูเหมือนเดื่อนมันจะสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางเราไม่ดี จึงได้พากันยุติการซ้อม

และแล้ววันที่ต้องขึ้นแสดงก็กำลังจะมาถึง คืนก่อนที่จะถึงเช้าวันแสดงเราตั้งใจที่จะเข้านอนแต่หัวค่ำเพื่อจะรีบตื่นแต่เช้ามืด ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นไม่รู้แน่ชัดว่ากี่โมงกี่ยาม เราลุกงัวเงียขึ้นมาแล้วพบว่าหน้าต่างบานหนึ่งถูกเปิดทิ้งเอาไว้ และแสงจากด้านนอกได้สาดส่องเข้ามาตกที่กลางห้อง แต่ที่แปลกจนทำให้ตาสว่างเป็นปลิดทิ้งก็คือเงาที่ฉายอยู่บนแสงนั่น มันดูคล้ายกับนางรำในชุดทรงเครื่องกำลังหักงอแขนเป็นวงตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางห้อง บอกตรงๆว่าขนลุกเลยค่ะ นึกอะไรไม่ออกก็ต้องพึ่งบทสวดสุดคลาสสิคอย่าง “นโมตัสสะ” สามจบแล้วรีบมมุดใต้ผ้าห่มทันที

กระทั่งเช้าตี 5 ก็ออกจากบ้านเพื่อที่จะรีบไปเตรียมตัวแต่งหน้าทำผมที่โรงเรียน ขณะจะออกจากบ้านนั่นเอง หมาเจ้ากรรมก็พากันหอนระงมดั่งสนั่นราวกับนัดกันมาตั้งแต่หัวซอยยันท้ายซอย ในเวลาแบบนี้ยิ่งทำให้ใจคอไม่ดี ในที่สุดเราก็ไปถึงโรงเรียนและตระเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย ตอนนี้อยู่ในชุดขนาดเต็ม สำหรับชุดในการแสดงนี้ หากใครอยากลองนึกภาพตาม ให้ดูอ้างอิงจากชุดแสดงเป็นนางสีดาจากรามเกียรติ์ดู เป็นลักษณะใกล้เคียงแบบนั้น อย่างไรก็ตาม เรารู้สึกไม่สบายตัวแปลก แน่นจุกอยู่แถวหน้าอก ทั้งๆที่ชุดก็ไม่ได้เล็กหรือคับแต่อย่างใด จนเพื่อนกระเทยที่ต้องรำคู่กันมาพูดเปรยๆว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ขอให้อยู่รำให้จบตลอดรอดฝั่งนะ” ดูเผินๆก็เหมือนคำให้กำลังใจกัน แต่ก็แอบแฝงอะไรที่ชวนลึกลับอยู่ในที

ในที่สุดเวลาเริ่มการแสดงก็มาถึง เวลาเก้านาฬิกาที่ซึ่งเป็นเวลาพิธีเปิดตามกำหนดการ การแสดงชุดแล้วชุดเล่าต่างผ่านพ้นไปด้วยดี จนมาถึงชุดของเรา เราพยายามตามที่ซ้อมมาอย่างเต็มที่ที่สุด จนกระทั่งผ่านไปได้สักพักหนึ่ง เราก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง อะไรที่ว่านั่นคือการที่มีนางรำอีกคนขึ้นมารำด้วยบนเวที! แม้จะมองไม่เห็นกะตา แต่ต้องมีคนที่ 3 อยู่บนเวทีวันนั้น และไม่ว่าเสียงอึกทึกและเสียงจากเครื่องดนตรีจะดังสนั่นเพียงใด เรายังคงได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาดของใครคนนั้นอยู่ข้างหูเสมอ จนทำให้มือไม้ชักจะเย็นชาขึ้นมา เพื่อนที่รำคู่กันก็เอ่ยขึ้นมาว่า…ให้พยายามเข้านะ จนกว่าจะจบ กระทั่งเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการแสดง มีอยู่จังหวะหนึ่งที่เราเผลอเอี้ยวหัวผิดทาง จู่ๆก็มีเสียงกระซิบแหวกอากาศและเสียงดังรอบข้างเข้ามา “ตั้งใจ..รำหน่อยสิ..” พร้อมกันนั้นก็มีแรงบางอย่างที่มองไม่เห็นค่อยๆดัดหัวเราให้เอียงกลับไปในทิศทางที่ถูกต้องช้าๆ…. ถึงตอนนั้นก็แทบจะกลั้นความสั่นไว้ไม่อยู่แล้ว แต่ในที่สุดทุกอย่างก็จบลงด้วยดี มีเพียงเรานั่นเองที่ทรุดลงไปกับพื้น จนสตาฟท์รอบๆต้องหามลงมาจากเวที

กระทั่งอาจารย์ได้เข้ามาดูอาการ พร้อมๆกับที่เพื่อนคู่รำก็ตามมาสมทบ อาจารย์สอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่เพื่อนกระเทยชิงตอบแทนขึ้นทันควัน “อาจารย์…มีใครก็ไม่รู้ขึ้นมารำกับพวกเราด้วย” พอได้ฟังแบบนั้น เราถึงกับตาโพลงแล้วถามขึ้นด้วยตกใจ ว่ามีคนเห็นเหมือนกันด้วยเหรอ?

“เออสิ เราเห็นเขาในชุดไทยเดินตามตั้งแต่ช่วงแต่งตัวกันแล้ว กระทั่งถึงเวลาแสดง เขาก็ขึ้นไปรำข้างๆแกร บางจังหวะก็เหมือนประคองรำไปด้วย”

ยิ่งฟังก็ยิ่งสยอง วันนั้นเราไม่เป็นอันทำอะไร กลัวจนตัวสั่นจนต้องโทรให้แม่มารับกลับ อย่างไรก็ตาม เรามาโรงเรียนได้ตามปกติในวันถัดมา มีอาจารย์ท่านหนึ่งที่ได้ชมการแสดงเมื่อวานเจอเราแล้วก็ทักขึ้นว่า…
“ปกติกฤษดาภินิหารเค้ารำกันเป็นคู่ไม่ใช่หรือ ทำไมงานเมื่อวานมีกัน 3 คน ??”
เราเองก็อยากจะถามเหมือนกันว่าทำไม แล้วเธอคนนั้นเป็นใคร… หลังจากนั้น เราก็ชวนเพื่อนที่รำคู่กันไปทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้ผู้หญิงคนนั้น ขอขมาลาโทษหากได้ล่วงเกินสิ่งใดไป อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เราต้องทำใจอยู่พักใหญ่กว่าจะกล้าเข้าห้องนาฎศิลป์ได้ โชคยังดีที่ตั้งแต่คราวนั้น ก็ไม่เคยเจออะไรแบบนั้นอีกเลย อาจารย์และพี่ๆน้องๆชาวนาฏศิลป์เชื่อกันว่าวิญญาณผู้หญิงคนนั้น คงปรารถนาให้การแสดงของเราออกมาดี อย่างไม่ผิดพลาด จึงมาคอยช่วยเหลือมากกว่าจะมีเจตนาไม่ดี

ขอขอบคุณที่มากระทู้ผีพันทิป : https://pantip.com/topic/34965979

อ่านเรื่องผี เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

27/12/2019

เรื่องผีพันทิป | หอพักมีประวัติย่านศาลายาที่เจ้าของไม่ยอมบอก

เรื่องเล่านี้มีฉากหลังเป็นหอพักใกล้กับมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง แถวศาลายา ซึ่งมีนักศึกษามาใช้บริการเช่าพักกันมาก เรื่องผี พันทิป เรื่องนี้ สมาชิก Pantip หมายเลข 2255784 ได้ออกมาเล่าประสบการณ์ชวนสยองในช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ว่าการได้เข้าไปพักในห้องหนึ่งของหอนั้น ต้องพบเจอกับเรื่องอะไรที่สุดสะพรึงบ้าง

เรื่องผี พันทิป ในหอพักเรื่องนี้มีอยู่ว่า…

เรื่องเล่าสยองขวัญ กระทู้ผีพันทิป เรื่องนี้ มันเริ่มมาจากครั้งที่ผมกับแฟนได้ย้ายที่พักอาศัยไปอยู่ที่หอพักแห่งใหม่แถวศาลายา โดยหอที่ว่าอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ดังนั้นจึงมีบรรยากาศเป็นเหมือนหอพักนักศึกษากลายๆ เนื่องด้วยราคาที่ไม่แพงมากนัก จึงมีนักศึกษาจากสถาบันที่ว่าเช่าที่นี่อยู่มาก น่าเสียดายอยู่นิดหน่อยที่ว่าหอนี้ไม่มีคนรู้จักกับผมอยู่เลย อย่างไรก็ตามเรื่องแปลกมันก็เริ่มขึ้นตอนที่เราย้ายข้าวของเข้าไปที่ห้องในหอใหม่ หลังสาละวนอยู่กับการจัดแจงข้าวของและกวาดถูพื้น เราไปพบกับ “เหรียญ 10 บาท” จำนวนหนึ่งวางเรียงรายที่ใต้เตียงนอน หลังจากนำออกมานับๆดูพบว่ามีจำนวน 18 เหรียญ อย่างไรก็ตาม อาจจะเนื่องด้วยที่เราทั้งคู่เป็นคริสตศาสนิกชน เลยมองข้ามในแง่ของไสยศาสตร์แบบไทยๆไป (มาทราบความหมายในภายหลังว่า มันคือเงินสำหรับซื้อที่จากคนตาย) ด้วยความที่ไม่ได้เอะใจ สุดท้ายก็นำเหรียญเหล่านั้นไปหยอดเครื่องซักผ้าอัตโนมัติใต้หอโดยไม่นึกไม่ฝันว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องเล่าผีสุดหลอน

หลังเข้ามาอยู่ที่นี่แล้วก็ไม่ได้เจออะไรแปลกๆ แต่แล้ววันหนึ่งขณะกำลังนอนอยู่ที่เตียง ในสภาวะที่กึ่งหลับกึ่งตื่น จะว่าเป็นฝันก็อาจจะใช่…แต่ ภาพมันดูสมจริงราวกับสิ่งที่เห็นมันเกิดขึ้นตรงหน้า มีร่างผู้หญิงนางหนึ่งที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน กำลังอยู่ที่ปลายเตียง! ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะสื่อสารอะไรบางอย่าง แต่ฟังไม่ได้ศัพท์เลยสักคำ โดยพูดออกเสียงซ้ำไปซ้ำมาอยู่พักหนึ่ง ในขณะที่ผมเองกลับไม่ได้ตกใจอะไร แต่พยายามถามและทำความใจ จู่ๆเธอก็หยุดพูด ลุกขึ้นแล้วพุ่งตัวเจ้ามาที่ผม! ผมเลยตกใจจนสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า เมื่อกี้ตัวเองฝันไป

แต่เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านั้น ขณะที่ผมกำลังพยายามจะหลับต่อ ตาก็ไปสะดุดเข้ากับภาพสะท้อนจากกระจกบานใหญ่ที่ตู้เสื้อผ้า ซึ่งมันกำลังสะท้อนภาพของฝั่งตรงข้าม ทำให้มองเห็นพื้นที่ส่วนห้องน้ำซึ่งผนังอยู่ติดกับเตียงด้านที่ผมนอน สิ่งที่ดึงดูดสายตาผมก็คือ มือนิรนามข้างหนึ่งที่เกาะขอบประตูห้องน้ำ โผล่ออกมาให้เห็นนิ้วมือซึ่งระบุไม่ได้ว่าหญิงหรือชายในความมืดสลัว แล้วกำลังเกร็งนิ้วและต้นแขนที่หลบเข้าไปด้านหลัง คล้ายกับพยายามที่จะตะเกียกตะกายออกมาให้พ้นจากประตูห้องน้ำที่ว่านั้น! ผมสะดุ้งลุกขึ้นแล้วรีบกระโจนไปเปิดไฟห้องน้ำดูทันที แต่กลับพบแต่เพียงความว่างเปล่า ขณะเดียวกันกับที่แฟนซึ่งยังนอนอยู่บนเตียงทักถามขึ้น ผมได้แต่กลบเกลื่อนไปว่า ตัวเองปวดท้องหนักและรีบจะเข้าห้องน้ำ เพราะไม่อยากให้รู้ แฟนผมเป็นคนกลัวเรื่องเล่าผีมากๆ

กระทั่งคืนถัดมาคืนหนึ่ง ผมก็ฝันประหลาดเหมือนกับครั้งก่อน แล้วก็สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเหมือนเดิมไม่มีผิด ตอนนั้นราวตีสองได้ ผมมองไปทางกระจกที ห้องน้ำที ด้วยคิดว่าจะมีมือปริศนาโผล่ออกมาอีก แต่ก็ไม่มีกระทั่งเริ่มสังเกตความผิดปกติบางอย่างขึ้นที่ผ้าม่านริมหน้าต่าง มันพริ้วไหวแปลกๆ ทั้งๆที่หน้าต่างปิดสนิท แล้วจู่ๆมันก็ค่อยนูนขึ้น คล้ายกับมีอะไรดันขึ้นมาจากหลังผ้าม่าน จนในที่สุดก็เห็นชัดว่ามันเป็นรูปร่างคล้ายใบหน้าคน! ผมสตั๊นท์ไปเลยเมื่อเห็นรอยที่ว่าจนนอนไม่หลับ ครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่อย่างนั้นด้วยความระแวงจนเช้า จนได้ไปเล่าเรื่องผีนี้ให้เพื่อนฟัง ก็ได้คำแนะนำมาว่าให้นำสิ่งของวัตถุบูชาที่นับถือไปไว้ใต้หมอนตอนนอน ซึ่งในที่นี้ผมเลือกเป็นไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจออะไรแปลกๆอีก

แต่ เรื่องผี พันทิป เรื่องนี้ยังคงดำเนินต่อไป จนเหตุการณ์ครั้งถัดมานั้น มันเกิดขึ้นในวันที่ผมและแฟน ต่างแยกย้ายกันกลับบ้านในช่วงวันหยุด ซึ่งมีเพื่อนที่เป็นนักดนตรีคนหนึ่งมีงานต้องมาเล่นใกล้กับมหาวิทยาลัย จึงมาขอรบกวนนอนที่ห้องผมคืนนึง สำหรับผมแล้วยินดีด้วยซ้ำ จะได้มีคนช่วยดูห้องให้ ทำให้เราได้กลับไปพักผ่อนที่บ้านอย่างสบายใจ แต่แล้ว…กลางดึกคืนนั้นเองที่มีสายโทรศัพท์จากเพื่อนคนนี้ดังขึ้น ผมดูเวลาปรากฎว่าตีสาม มันเรื่องด่วนอะไรถึงขนาดต้องโทรมาในเวลาแบบนี้ ทันทีที่ผมรับสายก็รับรู้ได้ถึงความกระอักกระอ่วนใจที่จะพูดของเพื่อน คล้ายกับไม่แน่ใจว่าจะพูดหรือควรพูดดีหรือเปล่า บางทีอาจจะไม่มั่นใจในสิ่งที่เจอหรือเห็นมาด้วยซ้ำ จนในที่สุดเหมือนตัดสินใจได้แล้ว เลยบอกว่า “เรื่องนี้..ไว้คุยตอนเช้าดีกว่า” ก็เลยตัดบทจบแต่เพียงแค่นั้น แม้ผมจะพอเดาได้ว่าเรื่องอะไร แต่ก็เห็นด้วยสุดๆว่าเรื่องนี้…ควรคุยกันตอนเช้าแล้ว

กระทั่งเช้านั้นเพื่อนผมก็โทรมา แล้วเริ่มเล่าให้ฟังยาวเหยียด โดยจับใจความได้ว่า… เมื่อคืนเพื่อนคนนี้กลับมาจากเลิกงานเล่นดนตรีแล้ว ก็อาบน้ำและเข้านอนตามปกติ จนกระทั่งมาตื่นเอาตอนที่ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเคาะกับประตูกระจกทางระเบียงด้านหลัง แต่พอลองไปชะโงกดูก็ไม่เห็นอะไร เสียงก็เงียบไป บางทีอาจจะเป็นเสียงนกที่มาทำรังแถวนั้น หรืออาจะแมวก็ได้ แต่พอกลับมาที่เตียงสักพักก็ดังขึ้นอีก ก็เดินไปเดินมาอยู่ 4-5 รอบได้ จนในที่สุดเลยจะเดินออกไปเปิดดูให้รู้แน่ชัด ขณะกำลังจะเปิดนั่นเอง เสียงเคาะก็ย้ายไปดังขึ้นที่ประตูหน้าห้องทันที! จังหวะนั้นเพื่อนคนนี้ก็ไม่รอช้า ไปเปิดประตูหน้าทันที แต่สิ่งที่ปรากฎตรงหน้าไม่ใช่นกหรือแมว กลับเป็นหญิงสาวในชุดนักศึกษาก้มหน้าก้มตาอยู่ใต้ผมยาวดำ เลยทักถามไปว่า “มาหาใครรึเปล่าครับ” แต่ไม่มีเสียงตอบรับ แล้วอยู่ๆเธอก็วิ่งหายไปทางบันไดหนีไฟของตึก เพื่อนก็งงๆกับเหตุการณ์อยู่ซักพัก แต่แล้วก็อดขนลุกซู่ขึ้นมาไม่ได้ เพราะนึกถึงคำที่ผมเคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ไม่ได้ว่า “หอนี้ไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จัก” เพื่อนผมก็เลยโทรมาตอนตีสามเพื่อจะถามนั่นเอง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามตอนนั้น และเก็บของออกจากหอกลับไปเงียบๆ

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นผมกับแฟนยังคงอยู่ที่หอนั้นพักหนึ่ง จนในที่สุดเราก็ย้ายหอกันอีกครั้ง วันที่จะย้ายออกเราสองคนช่วยกันเก็บข้าวของกันจนเรียบร้อย จนมาถึงเตียงเจ้าปัญหา…อาจจะดูไม่ดีต่อเจ้าของหอไปบ้าง แต่ความจริงก็คือว่าปกติเราจะรีดเสื้อผ้ากันบนที่นอนนั่นแหละ เลยเป็นเหตุให้ทิ้งรอยคล้ำไหม้ไว้เป็นหย่อมๆ เลยคุยกันว่าเราน่าจะพลิกที่นอนกลับด้านเพื่อกลบเกลื่อนรอยที่ว่านั่น แต่สิ่งที่เราสองคนเจอที่อีกด้านหนึ่งของที่นอนซึ่งเราสองคนนอนกันมาทุกวัน มันเป็นอะไรที่สะพรึงและสยองกว่ารอยไหม้เตารีดด้านบนมากมายนัก เพราะมันมีผ้ายันต์สีแดงบ้าง ขาวบ้าง ติดอยู่กับเตียงเป็นสิบๆแผ่น! ผมก็ได้แต่พูดบอกกับแฟนว่า…มันก็เป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อนั่นแหละ แต่ละคนก็มีแตกต่างกันไป

บทสรุปเรื่องเล่าผี Pantip…

จนเมื่อเราได้ย้ายไปอยู่ที่หอใหม่แล้ว ผมยังมีโอกาศได้แวะเวียนมา เลยถือโอกาสถามกับคนดูแลหอที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีว่า… ที่นี่เคยมี “เรื่องเล่าผี” รึเปล่า? และคำตอบของเขาก็ไม่ทำให้ผมแปลกใจแม้แต่น้อย เขาเล่าว่า

“เมื่อราว 2 ปีก่อน มีคดีสะเทือนใจเกิดขึ้น นักศึกษาสาวท้องแล้วคิดสั้น กินยาตายทั้งกลมอยู่ในห้องเช่าที่ว่านั้น ผ่านไปหลายวันถึงพึ่งมีคนมาเจอเพราะกลิ่น”

“แต่รู้มั้ย? ถึงห้องนั้นจะมีประวัติแบบนั้น ก็มีคนย้ายเข้าย้ายออกห้องที่ว่าอยู่เสมอ เป็นเพราะอะไรน่ะเหรอ…ก็เรื่องเงินๆทองๆล้วนๆ เจ้าของเค้าก็รู้ดี แต่ก็ยังเปิดให้เช่าต่อไป ชโดยไม่ทำอะไรเลย เพราะจะได้หลอกกินเงินมัดจำล่วงหน้าฟรีๆยังไงล่ะ ก็เหมือนที่เราโดนมานั่นแหละ”

ขอบคุณแหล่งที่มา : https://pantip.com/topic/38639861

กระทู้ผีพันทิป เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

20/12/2019

เรื่องผีพันทิป | พระธุดงค์ครั้งแรกกับประสบการณ์หลอนนอกวัด

ประสบการณ์ “ธุดงค์ครั้งแรก” เรื่องผีพันทิป จากสมาชิกหมายเลข 2830723 ซึ่งได้เล่าเอาไว้ในเว็บไซต์ Pantip.com ในแท็กเรื่องเล่าสยองขวัญ บอกเล่าเหตุการณ์ของหลวงพี่ท่านหนึ่ง (ซึ่งปัจจุบันเป็นหลวงพ่อที่น่าเคารพนับถือ) ในสมัยที่ตัดสินใจที่จะออกไปแสวงหาและขัดเกลาจิตใจด้วยการออกธุดงค์ป่าเป็นหนแรก ซึ่งย่อมมีความกังวลหรือกลัวเกิดขึ้นบ้าง กระทั่งในคืนแรกที่ท่านไปปักกลดและพบเจอกับกลุ่มวัยรุ่นที่มาตั้งวงกันกลางป่าใกล้กับจุดที่ท่านนั่งสมาธิ เหตุการณ์สยองที่ท่านไม่เคยลืมก็เกิดขึ้น!

เรื่องผีพันทิป : ธุดงค์ครั้งแรก มีอยู่ว่า…

เรื่องเล่าผี เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของหลวงพี่ท่านหนึ่ง จากวัดในเชียงใหม่ ซึ่งมีสมาชิกพันทิปท่านนึงนำเรื่องราวมาบอกเล่าไว้ ย้อนกลับไปเมื่อราวสามสิบปีที่ผ่านมา ขณะนั้นท่านได้บวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดมาได้ 5 พรรษาแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาศได้ออกธุดงค์ตามที่ตั้งใจไว้ ด้วยความที่อะไรๆยังไม่ค่อยลงตัว แม้ว่าการออกธุดงค์จะไม่ข้อบังคับปฏิบัติของวัดแห่งนี้ แต่ก็พระรุ่นพี่ที่บวชมาก่อน แก่พรรษากว่า ได้ออกธุดงค์กันไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตามหลวงพี่ท่านเห็นว่าเวลานี้ถึงสมควรแก่เวลา ที่จะเดินทางออกไปฝึกจิตฝึกใจ ปฏิบัติธรรมตามลำพัง เพื่อมีเวลาในการพินิจพิจารณาสิ่งต่างๆตามหลักธรรม

ในที่สุดก็มาถึงวันที่ต้องออกเดินทาง หลวงพี่นำของใช้ติดตัวสำหรับการออกเดินทางธุดงค์เพียงเท่าที่จำเป็น โดยมากเป็นเครื่องใช้สำหรับการพักแรมในป่า ท่านออกเดินทางเท้าไปเพียงองค์เดียวด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น ผ่านชุมชนอยู่อาศัยและหมู่บ้านหลายแห่ง ก็ได้รับความเคารพนับถือด้วยความยกย่อง บ้างก็นำอาหารแห้งและนำดื่มมาถวาย หลวงพี่รู้สึกได้ว่าท่านคิดไม่ผิดที่ได้เดินทางออกมาขัดเกลาจิตใจเพียงลำพัง เป็นประสบการณ์ใหม่ๆที่หาไม่ได้หากปฏิบัติธรรมอยู่เพียงแค่ในวัด โดยไม่นึกไม่ฝันว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ท่านได้พบเจอเรื่องเล่าผี

กระทั่งตกบ่าย หลวงพี่เริ่มมองหาจุดที่เหมาะสมจะเป็นที่พักแรมสำหรับคืนแรก หลังจากเดินเท้าอยู่ครู่หนึ่งก็พบเข้ากับเชิงเขาที่มีพื้นที่ราบเรียบ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจากสายตาจะดูเหมือนเชิงเขาที่ว่าอยู่ไม่ไกลนัก หากแต่ความจริงก็พบว่ามันอยู่ห่างออกไปพอสมควร ซึ่งก็ถือเป็นอีกประสบการณ์ที่ได้รับ จนมาถึงเชิงเขาก็พบว่าเป็นจุดที่เหมาะสมมากเนื่องจากอยู่มนจุดที่สูงมีทิวทัศน์ที่สวย ในขณะที่จุดนี้ก็อยู่ห่างจากชุมชนออกไปไกลพอที่จะแสวงหาความสงบได้ หลวงพี่ปักกลดลงใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านแผ่ปกคลุมไปรอบๆ ท่านก็เริ่มนั่งสมาธิ ทำกรรมฐานขัดเกลาจิตใจอย่างที่ได้ตั้งใจไว้ กระทั่งฟ้าเริ่มมืดลงก็ชวนให้สมาธิของท่านหลุดออกมาบ้าง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาพักแรมกลางป่าเขาตามลำพัง ย่อมเกิดความกังวลหรือกลัวขึ้นมาบ้าง อย่างไรก็ตามท่านไม่ปล่อยให้โอกาสในการขัดเกลาทิ้งไป ท่านเริ่มเข้าสมาธิอีกครั้ง จนเวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่ทราบได้ กระทั่งท่านได้ยินเสียงกลุ่มมอเตอร์ไซค์ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คล้ายกับขี่ขึ้นมาทางเขาที่ท่านพำนักอยู่

หลวงพี่ยังคงอยู่ในสมาธิอยู่ ในขณะที่ก็เพ่งจิตใจเพื่อติดตามเสียงที่เกิดขึ้น กระทั่งมันบ่งบอกให้ทราบว่าเหล่ารถจักรยานยนต์หลายคันได้ขี่ผ่านไปไม่ไกล ราวๆไม่เกินร้อยเมตร เสียงรถก็ดับลงแล้วตามมาด้วยเสียงกลุ่มชายวัยรุ่นคึกคะนองพูดคุยกันเสียงดังโหวเหวก แมไม่เห็นด้วยตาแต่ท่านได้ยินเสียงจุดกองไฟชัดเจน สักพักก็ตามมาด้วยเสียงร้องรำทำเพลงและเครื่องดนตรีกันอย่างครึกโครม ดูเหมือนพวกเขาจะมาตั้งวงดื่มกันกลางป่าเขากันในเวลาดึกๆดื่นๆเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามเสียงอึกทึกฟังไม่ได้ศัพท์ดำเนินต่อไปอีกราวๆชั่วโมง แล้วจู่ๆโดยที่ไม่มีสัญญาณบอก เสียงผู้คนเหล่านั้นก็ดับหายไปแบบทันทีทันใด กระทั่งเสียงปะทุของท่อนฟืนในกองไฟก็ไม่มี….

เรื่องผีพันทิป ในกระทู้ดังกล่าวยังเล่าต่อไปว่า… จังหวะนั้นเองหลวงพี่ท่านนี้รู้สึกแปลกใจ จึงลืมตาขึ้นท่ามกลางแสงสลัวจากดวงจันทร์ที่สาดส่องลงมา ก่อนจะหันมองไปทางต้นเสียงเมื่อครู่ แต่แล้วก็ได้พบเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิด จุดที่ควรจะมีกลุ่มวัยรุ่นตั้งวงสังสรรค์รอบกองไฟ กลับไม่มีใครอยุ่ตรงนั้นสักคน มีเพียงกลุ่มควันก้อนใหญ่ลอยอยู่หลังดับไฟ ซึ่งตอนนี้มันรวมรวมตัวจับกันแล้วกลายเป็นรูปลักษณ์ที่ดูคล้ายกับหน้าคน! ใบหน้านั้นค่อยๆหันมาทางหลวงพี่ ตอนนี้ท่านทำได้เพียงนั่งตัวแข็งเกร็งด้วยความกลัว ควันก้อนนั้นก็ค่อยจับตัวกันใหญ่ขึ้นจนดูแล้วเหมือนกับเป็นร่างผู้ชายสีขมุกขมัว ร่างนั่นค่อยๆเดินมาทางนี้ทีละน้อย มือข้างนึงก็กุมท้องไปด้วยซึ่งมีของเหลวสีแดงสดไหลเยิ้มออกมาอย่างน่าหวาดหวั่น หลวงพี่พยามตั้งสติและสมาธิเพื่อต่อสู้กับความกลัวในใจท่าน

ในตอนนั้นเองที่มีหยดน้ำหยดลงมาขัดจังหวะจากด้านบน ท่านแหงนหน้าขึ้นไปมองตามสัญชาตญาณ แต่ไม่พบอะไรนอกจากกิ่งไม้และใบไม้ กระทั่งก้มหน้ากลับลงมา ก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติ เพราะสิ่งที่อยู่ต่อหน้าท่านตอนนี้คือร่างของชายจากกลุ่มควันที่ลอยห่างออกไปเมื่อครู่ มานังประจันหน้าอยู่ในระยะเผาขนแล้ว! สภาพของร่างนั้นดูน่าสังเวชจากของเหลวสีชาดที่ไหลย้อยออกจากช่วงท้องอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด นี่ไม่ใช่คนแต่เป็นผีแน่ๆ ท่านหลับตาลงทันที…แล้วถามออกไปว่า

“โยมมีเรื่องอะไรที่อาตมาพอจะช่วยได้บ้างหรือไม่”

ไม่มีเสียงใดๆขานตอบรับ มีเพียงเสียงลมหายใจฟืดฟาด ตามด้วยเสียงคล้ายกับใครกำลังกินอะไรอย่างเอร็ดอร่อย ในจังหวะเดียวกันกับที่มีกลิ่นคาวเหม็นตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ หลวงพี่หรี่ตาขึ้นมามองแวบนึง และได้เห็นภาพที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาปรากฎอยู่ตรงหน้า ร่างที่ว่ากำลังเลียลิ้นดื่มกินของเหลวสีแดงจากช่องท้องตัวเอง! จนเปรอะเปื้อนไปทั้งปาก ท่านเห็นแล้วรีบเอ่ยขึ้นว่า

“อาตมาไม่ได้มีวิชาอาคมอะไร อาตมาไม่สามารถจะสื่อสารกับโยมได้ อย่างไรก็ตามแม้จะไม่รู้ว่าอะไรทำให้โยมตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ สิ่งที่อาตมาจะพอทำได้คือ…สวดแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้ หากขาดเหลืออะไร ขอให้โยมบอกอาตมาเถิด…”

บทสรุป เรื่องผี Pantip จากปากคำของชาวบ้าน

คืนนั้นหลวงพี่ก็อยู่สวดแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้ร่างนั้น กระทั่งรู้สึกตัวอีกทีร่างนั่นก็หายไปแล้ว เช้าวันถัดมาหลวงพี่ก็ออกธุดงค์ต่อไป ในภายหลังหลวงพี่ก็ทราบเรื่องราวว่า ในบริเวณที่ท่านปักกลดในคืนนั้น เคยมีเหตุที่วัยรุ่นมามั่วสุมตั้งวงกัน แล้วเกิดมีการทะเลาะกันรุนแรงถึงขนาดใช้อาวุธมีด จนเป็นเหตุให้หนึ่งในนั้นสิ้นชีพอยู่บนเขาที่ว่านั่น อย่างไรก็ตามหลังจากวันนั้นท่านก็ไม่ได้พบเจอร่างนั่นหรือเหตุการณ์เรื่องเล่าผีใดๆอีกเลย ตลอดทางการธุดงค์ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดใน กระทู้ผีพันทิป นั้น

ขอขอบคุณที่มา เรื่องผี Pantip : https://pantip.com/topic/38065663

กระทู้ผีพันทิป เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

06/12/2019

ซื้อบ้านจากสัปเหร่อ.. โดยไม่รู้ว่าฝาบ้านรีไซเคิลจากฝาโลงศพ

เรื่องนี้มาจากมีแขกรับเชิญรายหนึ่ง โทรมาเล่าเรื่องบ้านของตนในรายการ “อังคารเช็คดวง” (วันที่ 28 ส.ค. และ 4 ก.ย. 61) ของคุณมดดำ ซึ่งเรื่องนี้ก็สร้างความตื่นตกใจกันทั้งสตูดิโอ กับความเฮี้ยนและราคาที่ที่ได้ซื้อมา

อ่านเรื่องผี…บ้านพร้อมที่ดินจ.สระแก้ว 15 ไร่ ราคาแค่ 8หมื่น! แต่ไม่รู้ว่าอาถรรพ์แรงมาก

เจ้าของเรื่องเริ่มต้นว่า… พื้นเพอยู่สระแก้วอยู่แล้ว และคุณแม่ได้ไปซื้อที่ดินมารวม 15 ไร่ ในราคาเพียงแค่ 8 หมื่นบาท!! แถมยังมีบ้านที่ปลูกไว้อีกหลัง เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นความโชคดีมาก เพราะปัจจุบันพื้นที่ในจ.สระแก้วราคาแพงขึ้นมากเนื่องจากถูกประกาศให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ หากแต่ถ้าไม่มี “ของแถม” ที่ไม่พึงประสงค์มาด้วยเพียบ โดยซื้อมาเมื่อไม่นานมาก ราวๆ 8 ปีที่แล้ว ตกไร่ละไม่ถึง 8 พันบาทเท่านั้น

ความน่ากลัวเริ่มขึ้น คุณแม่ไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าของเดิมเป็นใครทำอะไรมาก่อน มารู้ภายหลังว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของสัปเหร่อ เรื่องเกิดตั้งแต่เจ้าของเรื่องอายุได้ 15-16 ปี เดิมทีครอบครัวถือว่ามีฐานะ และอบอุ่น แต่เมื่อเข้าไปอยู่บ้านหลังนี้

เดิมทีบ้านหลังนี้ซื้อมาตั้งใจจะให้เช่า แต่พอซื้อมาแล้วคุณแม่กลับตัดสินใจจะเข้าไปอยู่เอง บ้านหลังนี้เป็น 2 ชั้น มี 3 ห้องนอน แต่ผนังฝาบ้านดูแปลกๆ คือจะมีไม้บางอย่างบุไว้ คนเฒ่าคนแกบอกว่า มันคือไม้ฝาโลง! ตอนแม่ซื้อไม่ได้ปรึกษาใครเลย ทั้งๆที่ในซอยนั้นก็มีประวัติเด็กฅาย เด็กหายอยู่บ่อยๆ ซึ่งปัจจุบันซอยนั้นก็มีบ้านเพียง 3 หลังเท่านั้นที่ยังอยู่กันได้

เหตุการณ์แปลกๆ คืนแรกที่ไปนอนก็เจอเลย เจ้าของเรื่องเล่าว่า ตนขึ้นไปนอนบนบ้านชั้นบนอยู่ดีๆ พอมองขึ้นไปบนขื่อ ก็เจอผู้หญิงผมยาวห้อยหัวลงมา! เรียกว่าเห็นจังๆกับตา ตนเลยร้องดังลั่น คุณแม่กับพ่อก็มาถามว่าเห็นอะไร แต่ก็ไม่มีคนเชื่อในตอนนั้น ตอนเช้าไปดูเสาตะเคียนกลางบ้านและขื่อนั้น ก็พบว่ามีน้ำมันไหลออกมา เลยจะหาผ้า 7 สีมาผูก แต่แม่ก็ไม่เห็นด้วยที่จะทำอะไรโดยที่ไม่รู้ชัด

ในขณะที่เล่าในรายการ หมอดูที่รับเชิญมาในสตูดิโอทักว่า… ในบ้านหลังนี้ยังมีวิญญาณผู้ชายที่เฮี้ยนกว่าอีก ซึ่งตรงกับคำให้การผู้เล่าว่า เคยนอนๆอยู่แล้วมีอาการเหมือนถูกข่นขืม! โดยผีผู้ชาย อาการคือจะกึ่งหลับกึ่งตื่น แล้วเหมือนมีคนมาหายใจแผ่วๆบริเวณหู หรือซอกคอ ซึ่งก็อธิบายไม่ได้ อาจเป็นเพราะเหนื่อยล้าไปเองก็ไม่ทราบ ตนก็จะอธิษฐานถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วก็จะหลุดออกมาได้ และเคยถูกเสียงเรียกอยู่บ่อยๆ แต่ตนทำเป็นไม่สนใจ บ้างก็มีครั้งนึงเคยขึ้นไปนอนชั้นบน ก็เคยเจอผู้ชายนุ่งโจงกะเบน กับนุ่งชุดขาว

มีเหตุการณ์ที่น้องสาวเคยละเมอ เดินลงบันไดมาเอง ซึ่งอันที่จริงไม่มีสติ น่าจะตกบันไดไปแล้ว เป็นอยู่ปีกว่าๆ จนแม่ทนไม่ไหวจะพาไปหาหมอรักษา แต่มีคนทักว่าอาจถูกผีเรียกหรือสิงออกไปหา ให้ระวัง แล้วครั้งหนึ่งแม่ก็เคยได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้อยู่หน้าบ้าน หลังจากสอบถามบ้านที่อยู่แถวนั้นได้ความว่า เคยได้ยินเช่นกันอยู่เป็นประจำ จนทำให้แม่เริ่มเชื่อ และคิดว่าอาจเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ได้

ซึ่งทางหมอดูในสตูฯได้ทักถามอีกว่า น้องจะไม่เคยเดินละเมอออกไปถึงหน้าบ้านเลยใช่มั้ย? คำตอบจากเจ้าของเรื่องคือ..ใช่ โดยหมอดูอธิบายเสริมว่า เป็นเพราะเจ้าที่ของบ้านยังดีอยู่ เลยช่วยเหลือ รั้งไว้ไม่ให้น้องออกไปตามเสียงเรียกของผู้หญิง หากออกไปคงไม่รอด…

ภาพรวมคือหลังเข้าไปอยู่แต่ละคนก็เริ่มเปลี่ยนไป คุณพ่อกลายเป็นละคน จากคนไม่กินเหล้า ก็ติดเหล้า

ครั้งนึงมีคนมาขุดหาหน่อไม้ในบริเวณพื้นที่บ้าน แล้วไปเจอห่อผ้าขาวถูกฝังอยู่ในดิน ภายในนั้นเป็นกระดูกศผเด็ก! ทีแรกแม่คิดไปว่าอาจจะเป็นญาติพี่น้องของเจ้าของเดิม แต่พอเจอห่อที่ 2 ห่อที่ 3 อีก..ก็เริ่มคิดว่ามันไม่ใช่ละ เลยนำกุมารมาตั้งในบ้านเพื่อจะได้บูชาเด็กเหล่านั้น

แต่พ่อเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ครั้งนึงพ่อเคยพูดลบหลู่หรือท้าทายอะไรสักอย่าง หลังขับรถออกไปก็เจออุบัติเหตุ ปากแตกจนพูดไม่ได้เลยทีเดียว

ครั้งนึงแม่เคยนำพระมาตั้งศาลพระภูมิ ปรากฎว่าศาลพระภูมิก็หัก แม่เลยทำการรื้อไม้ฝาโรงที่ผนังบ้านออก รวมทั้งทำลายจอมปลวกที่อยู่กลางบ้าน ในวันนั้นหลังเจ้าของเรื่องเลิกโรงเรียน ก็รู้สึกเหมือนมีคนมะสกิดมาเรียกให้รีบกลับบ้าน ปรากฏว่าบ้านไฟไหม้บริเวณหลังบ้าน เลยเรียกเพื่อนบ้านที่มีเพียง 3 หลังให้มาช่วยได้ทัน

พ่อเคยทรุดหนักไปเฉยๆ ตัวเหลือง จนต้องไปนอนโรงบาลจากอาการไตวายเฉียบพลันอยู่เป็นเดือน จนคิดว่าไม่รอดแล้ว ปั๊มหัวใจอยู่ 3 ครั้ง แต่ในครั้งสุดท้ายนั้นเองที่พ่อฟื้นกลับมา

มีครั้งหนึ่งที่ตนโดนกับตัวเองอย่างจัง มีคนทักว่าตนดูแปลกไป สงสัยว่าจะโดนของ ซึ่งมาคิดดูภายหลังตนไม่แน่ใจว่าไปโดนหรือไปเหยียบของจากตรงไหน คุณแม่ก็เลยพาไปรดน้ำมนต์ที่วัด

แต่ทันทีที่ถูกน้ำก็กรีดร้อง ซึ่งตนก็รู้ตัวในขณะนั้น ว่าพระใช้บางอย่างคล้ายหอกในการขับไล่ ยิ่งไล่ตนก็ยิ่งร้อง พระบอกว่า…บางอย่างในตัวนั้นมันสู้ มันขัดขืน เลยแนะนำให้ไปหาอาจารย์ท่านนึงช่วยไว้ โดยบอกให้เข้าใจตรงกันว่า ไม่สามารถทำให้หายได้ เพียงแต่บรรเทาเรื่องร้ายๆไปบ้าง ยังต้องผัวผันกันอยู่ มันเป็นส่วนหนึ่งของกรรม ซึ่งตนเองก็ถึงกับเคยถูกรถชนจนปลิว แต่โชคดีที่ก็ยังรอดมาได้

จากนั้นมาตนจะมีความรู้สึกบางอย่าง ที่มักจะฝันเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า ตนมีแฟนอยู่และหลังจากย้ายเข้าไปเป็นสะใภ้ ปรากฎว่าญาติในบ้านสามีก็ฅายโหงถึง 3 ราย! แม้ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่ แต่ตนก็เคยฝันเห็นหรือมีลางว่า จะเกิดอุบัติเหตุกับคนเหล่านั้น และเคยบอกสามีไปให้เตือนว่าให้มีสติ หลังเกิดเรื่องต่างๆขึ้น มันทำให้ตนกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับสามีขึ้นเช่นกัน เป็นสิ่งที่กังวลใจมากที่สุด ตนมักจะฝันเห็นมีคนมาเตือนเรื่องต่างๆ เช่น อย่าใส่เสื้อผิดสี หรือผิดด้าน เพราะจะทำให้ถูกสิ่งไม่ดีตาม

ตามความเห็นของหมอดูบอกว่า สิ่งที่อยู่ในบ้านคืออวิชชาที่ถูกสะกดเก็บไว้จากเจ้าของเดิม ซึ่งเขาไปแต่ตัวของยังคงอยู่ เท่าที่เห็นคือเจ้าของเดิมมีปัญหาด้านสุขภาพที่เริ่มไม่ไหว และทางญาติเขาก็ไม่เอา ก็เลยต้องขาย ซึ่งยังเห็นอีกว่ามีเด็กอยู่นอกบริเวณบ้านอีกเยอะ อย่างน้อยๆคือ 9-12 ไม่ใช่แค่ 3

ซึ่งพวกเด็กมักจะมาเล่นหรือมาให้ลาภ เวลาการเงินฝืดๆมักจะได้ลาภลอยแต่จะเป็นเงินร้อน คือได้ไวหมดไว ซึ่งผู้เล่าก็ยืนยันว่าคุณแม่ถูกหวยบ่อย มากบ้างน้อยบ้าง ถูกบ่อยจนคนในละแวกนั้นรู้ข่าวก็ซื้อน้ำแดงมาถวายเพื่อขอเลขเด็ด

หมอดูยังบอกอีกว่าบ้านหลังนี้คู่รักจะอยู่ไม่ได้ บ้านจะลุกเป็นไฟ ทางเจ้าของเรื่องก็เล่าว่า ตอนตนอายุ18-19 จู่ๆคุณแม่ก็เลิกกับพ่อ ทั้งๆที่อยู่มาไม่มีเคยมีปัญหามาตลอด และแม่ก็ออกจากบ้านไป หมอดูเสริมอีกว่า…ให้คุณแม่ระวังสุขภาพไว้ เพราะว่าการที่แม่ถูกหวยบ่อยๆ และสัญญาว่าจะนำของมาถวาย ถึงแม้จะออกไปจากบ้านแล้ว แต่ยังมีกรรมผูกพัน จะถูกกินผลบุญไปเรื่อยๆ เจ้าของเรื่องบอกว่า..แม่เคยโทรมาเล่าว่าปัจจุบันแม่เป็นมะเร็งปากมดลูก

ตอนนี้พ่อกลายเป็นคนเก็บตัว และโมโหร้าย ทั้งๆที่เคยรักและเป็นห่วงลูกๆ พ่อจะทะเลาะกับน้องชายเป็นประจำ

แต่หลังจากนั้นก็ยังเกิดเรื่องขึ้นอีก เคยมีหลานชายไปขอนอนที่บ้านหลังนั้น ซึ่งก็ไปเป็นครั้งแรก โดยตนได้ไปเปิดห้องห้องหนึ่งให้ ห้องที่โดยปกติคุณพ่อจะปิดอยู่ตลอด ด้านเป็นห้องพระ และกุมารต่างๆ แล้วหลังจากนั้น 1 อาทิตย์ก็เจออุบัฅิเหตุ ฅายคาที่!

ปัจจุบันตนไม่ได้อยู่ในบ้านนั้นกับพ่อและน้อง แต่เมื่อกลับไปที่บ้าน อยู่ดีๆก็แท้งค์ลูก หมอดูบอกว่าไม่ควรให้ใครเข้าไปใกล้หรือข้องเกี่ยว

ทางแก้ไขหมอดูบอกว่าเป็นเรื่องยาก ในใต้เสาที่มีน้ำมันตก เชื่อว่ามีกระดูกหลากหลายที่ถูกฝังอยู่อีก นอกเหนือจากเด็ก รวมทั้งผีฅายทั้งกรม ทำได้เพียงหมั่นทำบุญบ้าน ทำกุศลเผื่อแผ่โดยห้ามใช้วิธีไล่ หรือปัดรังควาญ ไม่สามารถไล่ได้เพราะพื้นที่กว้าง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยทำบุญเลย

หมอดูบอกอีกว่าทางแก้ที่สำคัญอีกอย่างคือเจ้าของเดิม เพราะเป็นคนที่รู้ดีสุดว่าฝังอะไรไว้ตรงไหน แต่ก็ไม่ทราบได้ว่าปัจจุบันไปอยู่ที่ไหน

สืบสายมาภายหลังว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวเคยเป็นสนามรบเขมรแดง ซึ่งเต็มไปด้วยศผผีฅายโหง และบ้านที่อยู่กันได้ก็ล้วนแต่เป็นคนเล่นของ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เจ้าของเดิมขายที่ดินตรงนี้และย้ายไป เพราะของทับกัน

ปัจจุบันมีคนเข้ามาติดต่อซื้อ ประเมิณมูลค่าแล้วหลายล้านบาท ซึ่งหากหาทางแก้ไขได้ ก็ถือว่ายิ่งกว่าถูกหวย!

เข้าไปติดตามเรื่องราวเต็มๆกันต่อได้ที่ Youtube Chanel : Atimeonline รายการ อังคารเช็คดวง

อ่านเรื่องผีจากพันทิป เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

29/11/2019

เรื่องเล่าผี: เมื่อที่บ้านฉันขาย “โลงศพ”

เรื่องเล่าผี เรื่องนี้เดิมทีมีที่มาจากรายการ the shock ในปี 2015 ซึ่งเจ้าของเรื่องเล่าชื่อ “คุณหมวย” ได้โทรไปบอกเล่าประสบการณ์ผีๆ จากการที่ที่บ้านทำกิจการเปิดร้าน “ขายโลงศพ” และได้พบเจอกับสิ่งที่อธิบายไม่ได้หลายเหตุการณ์

เรื่องเล่าผี จากปากคำของลูกสาวร้านขายโลงมีอยู่ว่า…

เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ที่ได้พบเจอมาในชีวิตของ “หมวย” ซึ่งเล่าเรื่องผีผ่านรายการชื่อดังอย่าง “the shock” ว่าเดิมทีหมวยอาศัยอยู่กับคุณยายในภาคเหนือ แต่แล้วตอนประถมปีที่ห้า หมวยต้องย้ายไปอยู่กับแม่ที่จ.นครราชสีมา ซึ่งที่นั่นเป็นกิจการร้านขายโลงศพ โดยเป็นอาคารพาณิชย์สองชั้น ร้านนี้จะติดกันสองคูหา โดยที่คูหาแรกจะเต็มไปด้วยโลงศพแบบต่างๆที่วางเรียงรายกันแน่น จนมีเพียงทางเดินแคบๆให้เดินเข้าไปได้เท่านั้น ส่วนอีกคูหาจะเป็นส่วนที่จัดวางสินค้าสังภัณฑ์สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่างๆ ตอนมาแรกๆหมวยยอมรับว่ารู้สึกกลัวมาก เพราะนอกจากบ้านที่เต็มไปด้วยโลงศพแล้ว ตามแต่ละมุมของอาคารจะมีผ้ายันต์แปะเอาไว้จนทั่ว อย่างไรก็ตามหมวยก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยพบเจอหรือไม่เข้าใจในเรื่องเหล่านี้ เวลาที่หมวยได้ไปยังสถานที่แปลกถิ่นใดๆ ก็มักจะบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทาง หรืออธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองอยู่เสมอ ด้วยถูกสอนมาเช่นนั้น

กระทั่งช่วงบ่ายของวันหยุดวันหนึ่ง ขณะที่หมวยอยู่ในอาคารคูหาแรกคนเดียวซึ่งเป็นที่ที่ใช้จัดเรียงโลง โดยที่ทั้งแม่กับอาทำธุระขายของกันอยู่อีกคูหาหนึ่ง ตอนที่ตนกำลัง่องกระจกอยู่นั้นก็มีเสียงเสียงหนึ่งกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู เรียกด้วยชื่อของเธอ “หมวย….” แม้จะเป็นแค่ลมเย็นเพียงแผ่วเบา แต่มันทำให้หมวยถึงกับขนลุกชูชันขึ้นทั้งตัว ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้นนอกจากเธอ และถึงว่าจะเป็นช่วงบ่ายแต่เนื่องจากโลงที่ตั้งเรียงรายแน่นขนัด จนแม้แต่แสงแดดก็ส่องเข้ามาไม่ถึง ห้องด้านในจึงมืดขมุกขมัว ชวนให้หมวยนึกได้เพียงว่า….นี่ไม่น่าจะใช่เสียงคนแล้วล่ะ เป็นที่มาของ เรื่องเล่าผี เรื่องแรกของหมวย

แต่ไม่ทันที่เธอจะได้คิดไปมากกว่านั้น เสียงเดิมก็แว่วเข้ามาอีก แต่คราวนี้ไม่ต้องรอให้คิดออก เธอมั่นอย่างนึงว่า…อยู่ตรงนั้นไม่ได้แล้ว! กระทั่งวิ่งหนีมาหาแม่ที่อีกคูหานึงที่อยู่ติดกัน หมวยถามแม่อย่างไม่ค่อยอยากได้คำตอบ อาจจะเพราะรู้อยู่แล้ว

“เมื่อกี้…แม่ได้ไปเรียกหนูรึเปล่า!”

แน่นอนว่าเปล่า! แม่ไม่ได้เดินเข้าไปในนั้นด้วยซ้ำ อีกทั้งเธอย่อมจำเสียงของแม่ได้ เสียงของแม่ค้าที่มีเอกลักษณ์ที่หนักหน่วงตามแบบฉบับ ซึ่งต่างกับเสียงหวานเย็นเยียบที่เธอได้ยินอย่างชัดเจน หากใครได้ทันฟังเรื่องผีเดอะช็อคเรื่องนั้นกัน คงต้องขนลุกอยู่แน่ๆ

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ว่านั้นยังคงคาอยู่ในใจของหมวยมาอีกหลายปีกระทั่งขึ้นม.ปลาย เย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียน หมวยกลับบ้านมาแล้วขึ้นไปชั้นสองยังห้องของเธอที่อยู่ทางด้านหลัง วันนั้นอากาศร้อน เธอจึงเปิดประตูห้องนอน รวมถึงประตูห้องนอนใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าและประตูกระจกระเบียงห้องนั้น เพื่อให้อากาศไหลผ่าน เนื่องจากประตูทั้งสามบานตั้งอยู่ในแนวเดียวกัน เธอล้มตัวลงนอนด้วยความเพลียอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงใครบางคนเดินผ่านไปสู่ทางเดิบนชั้นสอง ตรงไปทางระเบียง เธอเข้าใจว่าคงเป็นแม่ของเธอเลยทักออกไปว่า “แม่เหรอ จะเก็บผ้าห่มที่ตากไว้ใช่มั้ย ไม่ต้อง…เดี๋ยวหนูเก็บเอง”

แต่ครั้นพยายามจะลุกเธอก็ลุกไม่ขึ้น ทำได้เพียงลืมตามองไปทั่วๆ จนสังห็นเงาดำๆวิงไหวไปมารอบเตียง ทั้งยังกระโดดขึ้นลงเตีงของเธอ เสียงเด็กเล่นหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน หากแต่เธอไม่ได้สนุกด้วย จู่ๆก็มีเสียงผู้ชายมาตะคอกใส่ข้างหูเธอ เป็นภาษาที่เธอไม่รู้จัก หมวยพยายามดิ้นรนขยับร่างแต่ไม่มีการตอบสนอง จะร้องตะโกนออกไปก็ทำไม่ได้ เสียงยังคงดังอย่างต่อเนื่องและดูเหมือนจะดังขึ้นกว่าเดิม หมวยพยายามตั้งสติและพูดในใจว่า “ไม่ก็หรอก ถ้าแน่จริง จะทำอะไรก็ทำสิ” ในที่สุดเธอก็กลับมาขยับร่างกายได้อีกครั้ง ดูเหมือนความมุ่งมั่นกล้าหาญของเธอจะได้รับรางวัลตอบแทน

หลังพยายามตั้งสติอยู่นาน คิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น พอมองไปรอบๆห้องก็สังเกตว่า หน้าต่างห้องเธอเปิดอยู่และวิวที่อยู่ข้านอกก็เป็นตึกโรงพยาบาลพอดี ใช่แล้วอาคารหลังนี้อยู่ติดกบรั้วโรงพยาบาลแห่งหนึ่งนั่นเอง อีกทั้งหน้าต่างห้องยังตรงกับห้องดับจิตพอดีอีกด้วย มันเรียงเป็นแนวกันไปจนถึงหน้าระเบียง อาจจะเป็นนี่ก็ได้ ที่เค้าเรียกกันว่า “ทางผีผ่าน” สินะ บางทีมันอาจจะบังเอิญเชื้อเชิญให้วิญญาณเข้ามา แล้วเธอไปนอนขวางทางพอดีก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม…นี่ยังไม่ใช่ เรื่องเล่าผี สุดท้ายของเธอ!

หลังจากวันนั้นหมวยก็ย้ายไปนอนกับแม่และน้องที่อีกตึกหนึ่ง ซึ่งห้องนอนมีเตียงขนาดใหญ่ 2 เตียงติดกัน คืนนั้นมีหมวย แม่ น้อง และอาสาวอยู่ด้วยกัน แม้จะมีคนอยู่เยอะ แต่จะว่าไปแล้ว หมวยรู้สึกว่าอาคารหลังนี้น่ากลัวกว่าหลังที่ใช้เก็บโลงศพที่เธอเคยนอนอีก แม้จะอธิบายไม่ได้แต่เธอรู้สึกได้ ที่บริเวณเพดานมุมห้องจะมีรอยคราบที่เกิดจากน้ำฝนซึมลงมาจากโดนฝ้า แต่ความรู้สึกลึกลับที่สัมผัสมันก็ทำให้หมวยมองเห็นรูปใบหน้าผู้หญิงที่มีแววตาเศ้าสร้อย และแล้วก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้

ขณะที่เธอนอนอยู่ จู่ๆก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงคนคุยกัน เสียงนั้นหมวยรู้จักดีเป็นเสียงของแม่และอา แต่บทสนทนานี่สิแปลก เพราะหลังพยายามจับใจความเงี่ยหูฟัง พบว่าคนทั้งคู่กำลัง “เล่าเรื่องผี” กันอยู่นี่สิ แถมเรื่องที่เล่าก็ชวนสยองจนขนลุกไปทั้งตัว หากแต่หมวยก็ไม่กล้าลุกขึ้นมาดูหรือถาม เพราะเกรงว่าพอลุกขึ้นมาแล้ว…จะเห็นว่าแม่กับอานอนอยู่เฉยๆนี่สิ! และเช้าวันนั้นหมวยก็ถามแม่กับอาว่า

“เมื่อคืนนึกยังไงกัน ถึงลุกขึ้นมาเล่าเรื่องผีกันกลางดึก”

คำตอบที่ออกมาจากปากคนทั้งคู่ ทำให้หมวยสะพรึงยิ่งกว่าเรื่องผีไหนๆ

“เปล่า ไม่มีนะ…ใครจะลุกขึ้นมาทำอะไรแบบนั้น ก็นอนกันปกติดีนี่”

บทสรุปของ เรื่องผีเดอะช็อค …

ภายหลังนี้ให้คนเช่า โดยได้สามีภรรยาคู่หนึ่งเป็นผู้เช่าซึ่งก็พบเจอกับเรื่องที่ไม่สามาถอธิบายได้เช่นกัน คืนหนึ่งผู้ชายนอนๆอยู่ก็มีผีผู้หญิงมานอนกอดด้วย! หรือคนผู้หญิงที่เคยเห็นผีสาวนั่งอยูริมระเบียง อย่างไรก็ตาม มันเป็นความเคยชินของหมวยไปแล้ว โดยปกติเวลาก่อนที่จะขายโลงได้หรือมีคนมาซื้อ มักจะเกิดเหตุการณ์ที่เรียกันว่า “โลงลั่น” กล่าวคือจะมีเสียงเหมือนใครมาเคาะๆโลง หรือกระทั่งแม่ของหมวยเองยังเคยเจอวิญญาณมาขอซื้อโลงที่ร้าน ก่อนญาติจะมาซื้อให้ซะอีก! และนี่ก็คือ เรื่องเล่าผี ทั้งหมดที่เจอมา

ขอบคุณที่มาจากกระทู้ผีพันทิป : https://pantip.com/topic/36304736

อ่านเรื่องเล่า เรื่องผีเดอะช็อค เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

26/11/2019

เรื่องผีพันทิป | เกาะส่วนตัวสยอง..ที่เคยโดนภัยพิบัติสึนามิ

เรื่องนี้เป็น เรื่องผีพันทิป ที่มาจากประสบการณ์ตรงของสมาชิกหมายเลข 2249262 ที่ได้เล่าไว้ใน Pantip ถึงเหตุการณ์ในครั้งที่ตนเธอและเพื่อนๆได้จัดทริปฉลองจบการศึกษาที่ทะเลท่องเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่ง กระทั่งได้ที่พักเป็นเกาะที่เป็นส่วนตัวสุดๆ โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่านั่นเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องสยองขวัญ ที่นำมาสู่กระทู้ผีพันทิปกระทู้นี้…

เรื่องผีพันทิป ประสบการณ์หลอน เที่ยวเกาะส่วนตัว มีอยู่ว่า…

เรื่องนี้เกิดขึ้นมาไม่นานนัก และประสบมากับตัวเอง นี่เป็นกระทู้ผี Pantip เรื่องแรกและหวังว่าจะเป็นเรื่องสุดท้าย ตอนนั้นเป็นช่วงที่พวกเราพึ่งจบการศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยกันมาหมาดๆ เลยตกลงจัดทริปไปทะเลกัน  ด้วยความที่ค่อนข้างกระทันหัน เราไม่ได้จองที่พักไว้ก่อน กะว่าจะไปหาเอาหน้างานเลย  พอไปถึงช่วงเที่ยงๆเราก็ตามหาที่พักกันโดยถามจากชาวบ้านแถวนั้น เราคุยกันว่าหากได้ห้องที่ติดชายหาดคงจะดี จนกระทั่งเจอป้าคนหนึ่งซึ่งแนะนำที่พักแห่งหนึ่งให้ ซึ่งเป็นบ้านแกเองที่เดิมเป็นเรือนของลูกสาว แต่ลูกป้าแกไม่ได้อยู่แล้ว  ซึ่งโดยปกติก็จะมีแขกหมุนเวียนกันมาพัก และตอนนี้ก็ว่างพอดี

ถึงแม้ว่าที่พักจำเป็นจะต้องนั่งเรือไป แต่เนื่องจากตอนนี้ทุกคนก็เหนื่อยจากการเดินทางและอยากพักกันแล้ว เราจึงตกลงพักที่นี่และจ่ายเงินให้ป้าทันที จากนั้นป้าก็พามาส่งที่ท่าเรือ และบอกว่าจะมีเรือไปรับตอนเย็น แต่หากกลางวันอยากออกไปเที่ยวตามจุดต่างๆก็สามารถโทรมาเรียกเรือได้

ขณะที่โดยสารมากับเรือเร็ว เรารู้สึกได้ว่าคนขับดูรีบเร่ง คล้ายกับว่าต้องการให้งานเสร็จแล้วกลับไวๆอย่างไรพิกล หากแต่มาย้อนนึกในภายหลัง นั่นคงเป็นปฏิกิริยาที่เป็นเหมือนลางบอกเหตุ และแล้วเราก็มาถึงที่พัก อย่างไรก็ตามมันเป็นที่พักที่เหมาะแก่การมาพักผ่อนอย่างมาก มีชายหาดส่วนตัวที่จะไม่ถูกรบกวนจากคนอื่นๆ บรรยากาศก็ดูสดชื่นไปด้วยแมกไม้รายรอบ และมีเรือนไม้หลังเล็กเป็นที่พักอาศัย หลังจากทำธุระกันเสร็จ เพื่อนๆของเราก็เริ่มจัดปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนานกันยันดึกดื่น ในขณะที่หลายคนเริ่มจะได้ที่และสลบสไลกัน เราก็ตั้งกลุ่มนั่งคุยกันกับเพื่อนที่ไม่ได้ดื่ม ตอนนั้นเองที่เราเหลือบไปเห็นใครบางคนที่ไม่คุ้นหน้า ไม่ใช่กลุ่มเพื่อนเราอย่างแน่นอน เราค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นผู้หญิงยืนอยู่หลังพุ่มไม้ในเงามืด แต่ดูเหมือนเพื่อนๆคนอื่นจะไม่สังเกตเห็น กระทั่งหันไปดูอีกทีก็ไม่เจอแล้ว จนเริ่มคิดไปว่าอาจจะตาลายไปเอง เลยขอตัวไปนอน สาบานได้ว่าจังหวะนั้นไม่ได้คิดไปทางเรื่องผีน่ากลัวๆอะไรเลย

แต่ก่อนหน้านั้นเราแวะไปที่ห้องน้ำภายนอก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เราตั้งเตาปิ้งย่างกัน ขณะกำลังเงยหน้าขึ้นมาหลังล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว สายตาก็ไปเห็เข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนกำแพงห้องน้ำแล้วห้อยขาลงมา! ผมของเธอยามากจนประพื้น แม้ไม่ได้เจตนาจะจ้องมอง แต่เธอก็ได้ฉีกยิ้มกว้างชวนสยองกลับมา สิ่งที่เห็นทำให้เราตัวแข็งเกร็งอยู่ตรงนั้น ใจมันบอกว่าต้องเอาตัวเองออกไปจากที่นั่น แต่ขาเจ้ากรรมดันไม่ยอมขยับ ยังกับเส้นประสาทหยุดทำงานอย่างนั้น

ทันใดนั้นเอง ร่างนั้นก็กระโดดผลุงลงมา! เราตกใจมาก หลับนาแล้วร้องกรี๊ดสุดเสียงไปตามสัญชาตญาณโดยไม่ต้องคิด ดูเหมือนเพื่อนจะได้ยินและวิ่งมารวมตัวกันด้วยความเป็นห่วง ผลัดกันถามอย่างร้อนรนว่าเกิดอะไรขึ้น พอเรารู้สึกตัวตั้งสติได้ ตอนนั้นก็ไม่เจอร่างนั้นแล้ว เลยเล่าถึงสิ่งที่พบเจอมาเมื่อครู่ให้เห็นเป็นฉากๆ และสิ่งที่ทุกคนได้ยิน….ก็ทำให้ไม่มีใครซักคนหลับลงได้ในคืนนั้น ตอนนั้นเราภาวนาให้มันเป็นเพียงแค่ความฝัน โดยไม่นึกว่าสุดท้ายจะกลายมาเป็นประสบการณ์ เรื่องผีพันทิป 

เช้าวันถัดมา พวกเรารีบโทรไปตามเรือเร็วแต่เช้า ต้องการให้มารับโดยเร็วที่สุด ตั้งแต่เมื่อคืนที่ไม่ได้นอนแล้ว ตอนนี้เรารู้สึกเหมือนจะไม่สบายเลยหายากิน ไม่รู้ว่าผลข้างเคียงของยาหรือพิษไข้ทำให้เราแทบไม่มีแรง ขณะที่คนอื่นๆช่วยกันขนของลงเรือกัน เราก็นอนพักโดยที่มีเพื่อนอีกคนคอยดูอยู่ข้างๆ ในจังหวะที่สะลึมสะลือครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงแว่วๆมา แสงแดดแยงตาทำให้เห็นร่างของใครที่ดูคุ้นๆ อ๋อใช่แล้ว…นั่นมันผีผู้หญิงเมื่อคืน!

“จะกลับแล้วเหรอ…?”

นี่คือสิ่งที่เราได้ยิน แม้ว่าเราจะไม่มั่นใจ 100% ว่านั่นเป็นความจริงหรือความฝัน กระทั่งเรือออกห่างจากฝั่ง เราถามคนขับเรือที่มารับว่า…ที่นี่เคยมีเรื่องเล่าอะไรรึเปล่าคะ? ช่วยบอกด้วยเถอะ คนขับก็เล่าให้ฟังว่า…

“อย่าหาว่าพี่อย่างนู้นอย่างนี้เลยนะ แต่เกาะแถวนั้นมันเป็นเกาะส่วนตัวที่ไม่มีค่อยมีใครเค้าไปกันหรอก เพราะเมื่อก่อนเคยถูกสึนามิถล่ม ตอนนั้นร่างผู้ประสบภัยนับสิบๆก็ไปเกยตื้นอยู่บนนั้น บอกตามตรงนะ คนแถวนี้ยังไม่กล้าผ่านทางนั้นเลย…”

พอได้ฟังแบบนั้นน้ำตาก็ไหลซึมออกมาไม่รู้ตัว พากันร้องไห้กอดกันกลม ไม่รู้ว่าเพราะกลัวหรือโล่งใจที่ผ่านมาได้ มันหนักหนาเอาการอยู่ พึ่งจะเรียนจบกันมาแท้ๆ นึกว่าต้องเอาชีวิตไปทิ้งที่นั่นซะแล้ว และหากเรื่องมันร้ายแรงกว่านั้น เราคงไม่มีโอกาสกลับมาถ่ายทอดเรื่องราวเป็นเรื่องผีพันทิปให้ทุกคนได้อ่าน กระทั่งขากลับบ้านตอนที่พวกเรายืนรอรถกันอยู่ เราได้แวะซื้อเครื่องดื่มจากร้านแถวนั้น แต่ถูกคนขายทักขึ้นอย่างแปลกใจ

“พวกน้องไปเกาะนั่นกัน อย่าบอกนะว่าเจอ…ผีมา”

มันทำให้เราทั้งทึ่งปนสงสัยว่าเค้ารู้เรื่องได้ไง เพราะไม่น่าจะมีใครรู้นอกจากพวกเรา กระทั่งพี่เขาเริ่มเล่า

“ที่พวกน้องไปเจอกันมาคงเป็น ผีผู้หญิงชุดสีน้ำเงิน ผมยาวลากพื้นล่ะสิ คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ ป้าแก่ที่พวกน้องไปติดต่อเช่าน่ะ แกมีปัญหาทางสุขภาพจิต เดิมทีบ้านบนเกาะนั้นถูกเตรียมเป็นเรือนหอของลูกสาวแกที่ชื่อปิ่น แต่เกิดเหตุสลดขึ้นเสียก่อน”

“ก็อย่างที่รู้ๆกัน เมื่อก่อนตอนสึนามิเข้าที่นี่ ลูกสาวแกก็ประสบภัยจนเสียชีวิตไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น ภายหลังป้าแกก็เอาอัฏฐิไปฝังไว้บนเกาะนั้น…”

บทสรุปส่งท้ายเรื่องเล่าสยองขวัญ…บนเกาะ

หลังจากได้รับรู้เรื่องทั้งหมดทำเอาอึ้งไปเลย ไม่นึกว่าจะมีเบื้องหลังขนาดนี้ แต่ในที่สุดพวกเราก็ได้เดินทางกลับเสียที เราต่อรถไปขึ้นรถทัวร์ที่บขส. แต่แล้วช่วงดึกๆราวสี่ห้าทุ่ม หลังจากรถทัวร์วิ่งไปได้สักครึ่งทางนั่นเอง ตอนนั้นรถหยุดจอดเพื่อให้ผู้โดยสารลง สายตาเราก็เหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง ศาลาข้างทางมีใครบางคนยืนอยู่ ท่าทางคุ้นๆ…ในชุดสีน้ำเงิน ชัดเลย! นี่ตามมาถึงนี่เชียวเหรอ? เราหลับตาเอาหน้าซุกตลอดทาง กระทั่งรถทัวร์จอดแวะปั๊ม เราก็ลงไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้า และตอนที่จะล้วงมือไปหยิบหลอดโฟมล้างหน้าในกระเป๋า ก็ไปพบกับอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่ของตัวเอง…

มันเป็นกำไลโลหะประดับอัญมณี เลยไปถามเพื่อนๆในกลุ่มว่ามีใครลืมหรือหยิบสลับไปหรือไม่ จนมีเพื่อนคนหนึ่งออกมาเฉลยว่า กำไลอันนี้เพื่อนเราเห็นมันวางอยู่ที่ข้างหัวเตียง และเนื่องจากมันอยู่ใกล้กับกระเป๋าเรา ตอนที่เก็บของกันเลยยัดเข้ามาเนื่องจากคิดว่าเป็นของเรา

เราเองจำได้แน่นอนว่าเราเอาอะไรมาบ้าง และที่สำคัญคือเราไม่เรยเห็นกำไลอันนี้มาก่อน… แต่หลังจากสังเกตดูอย่างถี่ถ้วน ก็ไปพบกับตัวอักษรบางๆที่สลักเอาไว้ด้านหลัง

“ป – ิ – น… ปิ่น!?”

พอเห็นชื่อนั้นเท่านั้นแหละ แทบจะเป็นลม สมองนึกภาพย้อนไปตอนพี่ที่ขายน้ำเล่าให้ฟัง อย่างไรก็ตามหลังจากกลับไปบ้านแล้ว วันรุ่งขึ้นเราก็ได้ไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลที่วัดและให้หลวงพ่อทำพิธีให้ หลังจากนั้นก็ไม่เคยเจอกับผี “ปิ่น” อีกเลย… จนลืมเลือนไปจากความทรงจำกระทั่งได้นำมาเล่าอีกครั้งในฐานะของ เรื่องผีพันทิป

ขอขอบคุณที่มากระทู้ผีพันทิป : https://pantip.com/topic/33905815

อ่านเรื่องผี เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

24/11/2019

เรื่องผีเดอะช็อค | เจอผีทัก..ใส่พระเหรอ? รอดตัวไปนะคราวนี้!

ประสบการณ์สยองขวัญในวันนี้เป็นเรื่องผีเดอะช็อคจาก “คุณปุ้ย” ซึ่งได้โทรเข้าไปบอกเล่าเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกใน the shock radio ในชื่อเรื่อง “เมิงใส่พระเหรอ” โดยเป็นครั้งเมื่อตนและเพื่อนร่วมวงดนตรีเดินทางไปทำงานที่ภูเก็ต แล้วระหว่างทางก็เจอวิญญาณผู้หญิงร่างๆบิดๆเบี้ยวๆตามติด โดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน หรือมีวัตถุประสงค์อะไร จนกระทั่งเรื่องทุกอย่างเฉลยออกมา…

เรื่องผี เดอะช็อค เรื่องนี้…มีอยู่ว่า!

เรื่องนี้เกิดกับคุณปุ้ย ซึ่งมีอาชีพเป็นนักดนตรีแบ็คอัพ เมื่อราวห้าปีที่ผ่านมา ตอนนั้นคุณปุ้ยได้เดินทางจากสงขลาไปเล่นดนตรีด้วยรถตู้ซึ่งก็มีสมาชิกอีกเกือบสิบคน และเขาได้ที่นั่งเป็นเบาะท้ายสุด โดยมีจุดหมายปลายทางคือจังหวัตภูเก็ต โดยที่ไม่คาดคิดย่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์เรื่องเล่าผี

พอตอนราวๆ 4 ทุ่ม คุณปุ้ยเกิดอยากยิงกระต่าย ก็เลยบอกให้คนขับหยุดรถ สองข้างทางเป็นป่าครึ้ม ขณะที่ออกเดินเลียบไหล่ทาง และมองหาพงหญ้าเพื่อปัสสาวะ จู่ๆคุณปุ้ยก็รู้สึกเหมือนเดินไปเฉี่ยวกับอะไรบางอย่างแล้วล้มลงไป แต่เนื่องด้วยความมืดและพงหญ้าที่ขึ้นสูงจึงมองไม่เห็นอะไร คุณปุ้ยก็เพียงแต่ทำธุระจนเสร็จแล้วขึ้นรถไป

แต่หลังจากนั้นผ่านไปสักพักใหญ่ ขณะที่คนอื่นๆในรถพากันหลับไหลกันหมด คุณปุ้ยสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ พรางมองออกไปที่กระจกด้านข้าง ก็พบสิ่งที่คล้ายกับใครบางคนในชุดเก่าขาดปอน กำลังนอนหงิกงออยู่กลางถนน ดูคล้ายกับประสบอุบัติเหตุ คุณปุ้ยเลยทักถามคนขับด้วยความตื่นตระหนก “พี่ๆ เมื่อกี้เห็นอะไรมั้ย?” …. “เปล่า ไม่เห็นนะ แล้วปุ้ยเห็นอะไร?” คุณปุ้ยเลิ่กลั่กสำทับไปว่าตนคงตาฝาดไปเอง แต่หลังจากระผ่านไปได้ไม่นานนัก ก็ยังเจอกับสิ่งที่ว่าอยู่อีก คราวนี้คุณปุ้ยปลุกรุ่นน้องที่นั่งหลับอยู่ข้างกัน

“พี่ว่าพี่เจอผีว่ะ”

รุ่นน้องได้ฟังแล้วดูไม่ยี่หร่ะนัก พร้อมแนะนำให้หลับตานอนไปดีกว่า และอย่าไปทักก็พอ คนก็อยู่ส่วนคน ผีก็อยู่ส่วนผี อย่างไรก็ตาม คุณปุ้ยก็ไม่อาจหลับลงจนกระทั่งผ่านไปสักพักก็ยังเจออีก เห็นดังนั้นก็ความหาสร้อยพระบนคอขึ้นมากำแล้วสวดมนต์อยู่หลายบท ผู้หญิงตัวหงิกงอหันหน้ามามองทางคุณปุ้ย นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นได้ชัดเจนว่าร่างนั่นเป็นผู้หญิง

กระทั่งถึงที่พักโดยที่จะแบ่งกันพักกันห้องละ 2 คน ทั้งหมด 5 ห้อง ขณะที่เพื่อนๆคนอื่นๆออกไปสังสรรค์กัน แต่คุณปุ้ยขอตัวเข้าห้องไปพักผ่อนเอาแรง เนื่องจากไม่ได้นอนเลยตอนที่นั่งรถมา หลังอาบน้ำเสร็จแล้วเข้านอนได้สักพัก คุณปุ้ยก็ได้ยินเสีงใครบางคนเคาะประตูเบาๆดังมา คุณปุ้ยรีบลุกขึ้นไปเปิดทันทีด้วยเข้าใจว่าอาจเป็นรุ่นน้องที่กลับมาจากสังสรรค์กัน แต่ปรากฎว่าก็ไม่พบใคร เลยเข้าใจไปว่าเสียงเคาะดังกล่าวคงเป็นเสียงห้องข้างๆกัน กระทั่งจะกลับขึ้นเตียงก็ได้ยินเสียงเคาะอีก  และเมื่อเดินเข้าไปใกล้ประตูก็มั่นใจว่าเสียงนั่นกำลังเคาะประตูห้องที่ตนอยู่ คุณปุ้ยชะโงกไปส่องดูที่ตาแมวบนประตู แล้วก็ต้องผงะถอยหลัง ตกใจอย่างรุนแรง เนื่องจากสิ่งที่พบเจอคือ ตาใครบางคนที่แดงก่ำจ้องกลับมาจากอีกฝั่งของประตู! คุณปุ้ยตัดสินใจเปิดประตูสวนกลับไปทันที แต่กลับไม่พบอะไรอยู่ตรงนั้น ดวงตาที่ว่าหายไปทันควันยังกับภูตผี

คุณปุ้ยปิดห้องล็อคประตู และใส่กุญแจอย่างแน่นหนาแล้วกลับมานั่งสวดมนต์ที่เตียง ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนหลับไป กระทั่งผ่านไปนานแค่ไหนไม่ทราบ คุณปุ้ยรู้สึกอึดอัดเลยสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา แล้วก็ต้องได้ยินเข้ากับเสียงประตูที่กำลังถูกเปิดแง้มออกดัง “แอ๊ด..ด” คุณปุยจำได้ว่าตนเองได้ปิดและล็อคจากด้านใน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครเปิดเข้ามา ด้วยความสงสัยเลยหรี่ตามองในความมืด แสงบางส่วนที่ส่องเข้ามาจากด้านนอก เผยให้เห็นร่างของเพศหญิง ที่มีลำตัวบิดเบี้ยว แขนงอหัก โผล่ออกมาจากมุมมืดข้างห้องน้ำ! ร่างนั้นค่อยๆใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาที่เตียงแล้วกระซิบกระซาบว่า…

“เมิงใส่พระเหรอ…”

จบคำพูดนั้นร่างของผีผู้หญิงคนนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไป ทิ้งให้คุณปุ้ยนอนเหงื่อแตก กระทั่งเหตุการณ์สงบ ตนจึงรีบวิ่งออกไปรวมกับเพื่อนที่สังสรรค์รวมกันในอีกห้องหนึ่ง แม้ว่าหลังจาก เล่าเรื่องผี ให้ใครๆฟัง ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า…เอ็งแค่ตาฝาด! บ้างก็ว่าพักผ่อนน้อยจนคิดไปเอง ดูเหมือนจะมีเพียงคุณปุ้ยเพียงคนเดียวที่กำลังเผชิญหน้ากับเรื่องสยองขวัญตามลำพัง แต่อย่างไรก็ตามคุณปุ้ยยังนั่งอยู่ด้วยจนตี 4 โดยไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องผีผู้หญิงนั่นอีกเลย

คุณปุ้ยเล่าผ่านรายการ the shock ว่ากระทั่งวันถัดมาได้พากันย้ายโรงแรมไปพักอีกที่หนึ่ง และในคืนนั้นเองที่คุณปุ้ยได้พบกับหญิงคนนั้นอีก ขณะที่ตนเองกำลังเล่นดนตรีบนเวทีคอนเสิร์ตอยู่นั้น ก็ได้พบเห็นเธอคนเดิมในสภาพร่างบิดเบี้ยว ผลุบโผล่อยูในกลุ่มผู้ชมซ้ายทีขวาที เห็นอยู่ 6-7 ครั้ง คืนนั้นทำเอาคุณปุ้ยโดนตำหนิในหน้าที่อย่างมาก เนื่องจากเล่นผิดพลาดบ่อย แต่ก็นั่นแหละ เขาไม่กล้าที่จะเล่า เรื่องผี ผู้หญิงออกไปแล้ว เกรงว่าจะถูกหัวเราะเยาะเอาเปล่าๆ

หลังเลิกงานกลับที่พัก คืนนี้คุณปุ้ยไหว้วานให้น้องรูมเมทนอนเป็นเพื่อนที ไม่ต้องออกไปสังสรรค์ในคืนนี้ รุ่นน้องได้ยินดังนั้นก็ตอบว่าได้ แต่ว่า…พี่พอจะมีของดีไว้ให้อุ่นใจบ้างไหม คุณปุ้ยจึงแบ่งของขลังเป็นเขี้ยวเสือไว้ให้พกติดตัว หัลงจากนั้นแม้ว่าจะไม่เห็นตัวเป็นๆ แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จะได้ยินเสียงของหล่น เป็นรีโมททีวีบ้าง ขวดครีมอาบน้ำบ้าง ราวกับถูกรบกวน

กระทั่งกลางดึกราวตี 2 คุณปุ้ยก็ต้องสะดุ้งลุกขึ้นตื่นเพราะตกใจเสียงร้องของรุ่นน้องที่อยู่ด้วยกัน

“เห้ยยยย! พี่..ลุกเร็ว!”

คุณปุ้ยตกใจกับสิ่งที่เหิดขึ้นแม้จะยังไม่ทราบว่ามันเรื่องอะไร รุ่นน้องก็ชวนออกจากห้องแล้วลงไปที่ล้อบบี้โรงแรมทันที

“โรงแรมนี้มีผีรึเปล่าครับ”

นั่นคือสิ่งที่รุ่นน้องถามกับพนักงานต้อนรับ แต่คุณปุ้ยรู้ดีว่าไม่ได้อะไร เพราะผีไม่ได้อยู่ในโรงแรม แต่มันตามเขามา… แล้วรุ่นน้องก็เล่าให้ฟังว่า ขณะที่นอนอยู่นั้น เขาได้ยินเสียงเปิดประตูและเดินในห้อง ทีแรกเข้าใจว่าเป็นคุณปุ้ยลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่พอลุกขึ้นมาดูดีๆก็ต้องหน้าซีด เพราะมีแขกไม่ได้รับเชิญ ยืนชี้นิ้วหงิกงออยู่หน้าเตียงคุณปุ้ยพร้อมพึมพำว่า…

“เมิงทำกรุ! เมิงทำกรรรรุ…”

จนรุ่นน้องร้องด้วยความตกใจนั่นแหละ ร่างนั้นก็หายไปเลย

คุณปุ้ยยังเล่า เรื่องผี เดอะช็อค ต่อไปอีกว่าหลังจากวันนั้นทางคณะก็เดินทางกลับสงขลาโดยใช้เส้นทางเดิม ขณะที่มีโอกาสได้พักทานอาหารกันระหว่างทาง คุณปุ้ยจำได้ว่าแถวนั้นใหล้กับจุดที่คุณปุ้ยเห็นร่างนั่นครั้งแรก เลยลองเรียบเคียงถามแม่ค้าดู ได้ความว่าไม่กี่วันก่อนมีคนทำศาลเพียงตาที่ห่างออกไปที่ข้างทางล้มจนหักพัง เรื่องนี้ย้อนความทรงจำของคุณปุ้ยทันที อา…ใช่แล้ว เป็นเราเองนั่นแหละที่ดันไปเดินเฉี่ยวจนล้มตอนแวะชิ้งฉ่องข้างทาง แม่ค้าเล่าอีกว่า เมื่อก่อนมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนรอรถอยู่ข้างทาง ถูกรถขับชนแล้วหนีไป นางค่อนข้างจะของแรงมาก ทำให้ชาวบ้านต้องตั้งศาลเพียงตาขึ้น มีคนเห็นอยูบ่อยๆ

อย่างไรก็ตาม คุณปุ้ยไม่ได้เล่าเรื่องที่ตนเองเป็นตัวการทำศาลล้มให้ใครรู้ แล้วจะกลับไปที่ศาลเพื่อซ่อมแซมก็ทำไม่ได้ เนื่องจากมากันเป็นหมู่คณะก็เกรงจะทำให้คนอื่นเสียเวลา เสียการงานได้ จนกระทั่งกลับมาถึงสงขลา ขณะที่คุณปุ้ยกำลังจะเดินเข้าบ้านอยู่นั่นเอง เสียงพ่อคุณปุ้ยก็ร้องทักขี้นว่า…

“เดี๋ยว! เอ็งพาใครมาด้วย…”

คุณปุ้ยถึงกับสะดุ้งด้วยถูกทักในเรื่องที่มองไม่เห็นได้ด้วยตา นี่ยังตามมาอีกถึงบ้านเลยหรือเนี่ย! ซึ่งหากใครได้ฟัง the shock ในวันนั้น ต้องพลอยขนลุกตามไปด้วยแน่นอน…

“พรุ่งนี้เอ็งไปวัดแต่เช้าเลยนะ เค้าตามเอ็งมาแต่เข้าบ้านไม่ได้เพราะมีเจ้าที่อยู่”

บทสรุปความพยาบาทของ เรื่องผี เดอะช็อค โดยคุณปุ้ย

คืนนั้นเป็นอีกคืนที่คุณปุ้ยต้องทนอยู่กับความหลอน และพบเห็นผู้หญิงคนนั้นมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่นอกรั้วบ้านทั้งคืน จนเช้ารุ่งขึ้นไปวัดและเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลวงพ่อฟัง ท่านได้ฟังก็กล่าวว่า

“เอาแบบนี้นะ คือเค้าไม่ยอม เค้าโกรธที่เอ็งไปพังบ้านเขา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ เอ็งต้องกลับไปทำศาลให้เขา”

ในวันเดียวกันนั้นเอง คุณปุ้ยจัดแจงรีบกลับไปยังจุดที่เคยเป็นที่ตั้งของศาลนั้นพร้อมกับเพื่อนอีกคน ภาพที่เห็นคือมีกองซากศาลไม้ขนาดเล็กที่ผุกร่อน กับถาดไม้และกระถางปักธูป คุณปุ้ยตั้งศาลให้ใหม่พร้อมทั้งยังนิมนต์หลวงพ่อมาทำพิธีและขอขมาลาโทษ

ในภายหลังคุณปุ้ยยังคงพบเจอผู้หญิงคนนี้อยู่ แต่เป็นในฝัน เธอมาในสภาพดูดี ไม่ใช่ร่างที่บิดเบี้ยวแขนขางอๆ เหมือนที่แล้วมา นัยว่า…คงได้รับการอภัยแล้ว และนี่ก็คือเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งนำมาเล่าสู่กันฟังใน เรื่องผี เดอะช็อค

ขอขอบคุณที่มา อ่านกระทู้ผี : เรื่องสยองของแอนนี่

อ่านเรื่องผี the shock เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

22/11/2019

อ่านเรื่องผี : ปอบแม่ชี ที่ตระเวนกินผู้ชายเป็นอาหาร!

เคยได้ยินเรื่องปอบในคราบนักบุญหรือไม่? เราขอชวน… อ่านเรื่องผี “ปอบแม่ชี” เรื่องราวในวันเก่าวัยเด็ก เมื่อรุ่นพี่ท้าให้รุ่นน้องเข้าไปสำรวจพื้นที่ป่ายูคาฯหลังโรงเรียนเก่า โดยแลกกับรางวัลถึงห้าร้อยบาท! มันจะยากอะไรกันกะอีแค่เดินเข้าไป แต่ตอนนั้นเขากับเพื่อนอีกสองคนไม่รู้ตัวเลยว่า ห้าร้อยนั้นคือค่าแรงที่ตนต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนจากบางอย่างที่น่ากลัวในป่านั้น…

อ่านเรื่องผี – ปอบในคราบแม่ชีใบ้หวย!

เรื่องเล่าผี เรื่องนี้มาจากสมาชิกเฟสบุ๊คชื่อ “คุณปาง” คุณปางเล่าว่าสมัยตัวเองยังเล็กราว 17 ปีที่แล้ว ได้อาศัยอยู่กับคุณย่าในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่จ.มหาสารคาม ในช่วงเย็นคุณปางก็จะออกมาเตะบอลเล่นกับเพื่อนๆในละแวกทุกวัน

เรื่องมีอยู่ว่า…เย็นวันนั้นหลังจากที่เล่นกันจนเหงื่อโทรมกาย ก็ได้พากันไปซื้อของกินที่ร้านขายของชำ แต่แล้วก็มี 3 คนในนั้นซึ่งอายุมากกว่าเขา ถือเป็นรุ่นพี่ของคุณปางเกิดนึกคึกคะนองอย่างไรไม่ทราบ กลับซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ติดมาด้วย พอดื่มได้ซักพักจนกระทั่งเมา ก็นึกพิเรนทร์เขียนชื่อตัวเองลงบนขวดที่ว่า แล้วพูดท้าทายเพื่อนในกลุ่มว่า

“ใครกล้าเอาขวดนี้ไปวางใต้ต้นฉำฉาหลังโรงเรียนเก่า เดี๋ยวให้ตังค์ 500”

ทีแรกดูเหมือนไม่มีใครปริปากรับคำออกมา กระทั่งคุณปางเองนึกสนุกและเกลี้ยกล่อมเพื่อนๆ เนื่องจากเงิน 500 บาทนั้นถือว่าเยอะทีเดียว หลังตกปากรับคำ รุ่นพี่ก็ควักแบ็งค์ 500 บาทออกมาโชว์

“พวกเอ็งเอาขวดไปวางไว้ซะ เสร็จแล้วก็กลับมาเอา…อ่อ นี่ตังค์ พรุ่งนี้เดี๋ยวจะไปดูผลงาน”

โรงเรียนเก่าที่ว่านั้นอยู่ไกลออกไปราว 1 กม. โดยที่จะมีสวนยูคาฯอยู่ท้ายโรงเรียน และหากเดินตัดซอยเล็กๆเข้าไปในสวนจะเจอต้นฉำฉาที่ว่าตั้งอยู่สุดซอย

ในเย็นวันนั้นนั้นเอง คุณปางกับเพื่อนได้ขี่รถเครื่องไปหลังโรงเรียนเก่าเข้าไปในซอย ผ่านดงต้นยูคาฯที่ขึ้นเป็นแนวอยู่เต็ม จนบังแสงแดดยามเย็นที่ก็น้อยอยู่แล้วกระทั่งแทบไม่ลอดออกมา ยอมรับว่าตอนนั้นไม่ได้คิดถึงเรื่องผีๆเลยสักนิด แม้บรรยากาศจะวังเวง และในที่สุดก็เห็นต้นฉำฉาเจ้าปัญหาอยู่ห่างออกไปไม่ไกล แต่จำต้องจอดรถเครื่องไว้แล้วเดินไป เนื่องจากทางข้างหน้าเป็นโคลนดิน ตอนนนเองที่ได้รู้สึกว่า…เส้นทางนี้ช่างเงียบสงัดจนชวนให้รู้สึกวังเวง อย่าว่าแต่เสียงนกเสียงกา แมลงซักตัวยังไม่มี

ขณะที่เดินไปยังต้นฉำฉานั่นเอง ทุกคนได้ยินเสียงแหวกหญ้าคล้ายมีคนเดินเข้ามาดังสวบสาบ ทั้งกลุ่มหันไปมองหาต้นเสียง แต่กลับไม่พบอะไร จนกระทั่งเข้าใกล้โคนต้นไม้หยิบขวดออกมา ทันใดนั้นก็มีเสียงเดินแหวกหญ้าดังขึ้นอีก พร้อมกับเสียงกิ่งไม้หักดังเป๊าะ พร้อมกับเสียงคนแว่วมาไกลๆ

“พวกเอ็งมาทำอะไรกัน!!”

เสียงเหมือนหญิงมีอายุแว่วมาตามลม ดูมีอารมณ์อยู่ในที หากแต่หันไปมองหาก็ไม่พบ จนสักครู่หนึ่งต้นเสียงที่ว่าก็ออกมาปรากฏตัวหลังเสียงแหวกใบหญ้าหยุดลง เจ้าของเสียงที่ว่าคือแม่ชีอายุราว 70 ร่างผอม ศีรษะมีผมสีขาวโพลนขึ้นประปราย แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งคณะยืนขาสั่นทันทีที่เห็นไม่ใช่เพราะกลัวถูกดุด่า หากแต่เป็นนัยน์ตาของแม่ชีที่เบิกโพลงออกกว้างราวสัตว์ป่า รูม่านตาที่ขยายออกเป็นวงรียังกับผีดิบ จ้องมองมาทางนี้แล้วกระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงชวนขนลุก

“พวกเอ็งมาทำอะไรกัน…อยากมาอยู่ด้วยกันเหรอ~”

สิ้นคำพูดนั้น คุณปางติดตีนหมาวิ่งนำออกไปก่อน โดยที่มีเพื่อนอีกสองคนวิ่งตามกลับออกไปทางเดิม แล้วทิ้งรถเครื่องเอาไว้อย่างไม่ใยดี

กระทั่งวิ่งจนหอบ เลยตั้งนั่งพักที่หน้าซอยทางเข้าสวนหลังโรงเรียน เนื่องจากชะล่าใจว่าห่างออกมาไหลแล้ว พลางคิดหาคำตอบว่าสิ่งที่พบเจอคืออะไร… ณ วันนั้นมันกลัวจริงๆ (แน่นอนหากคุณ อ่านเรื่องผี นี้จนจบจะรู้เอง!) แต่ยังนั่งไม่ทันจะหายเหนื่อยดี คุณปางหันกลับไปดูทางป่ายูคาฯซึ่งขึ้นสูงเรียงกันราวกับเป็นกำแพงพิศวง แล้วก็ต้องตกใจแทบลืมหายใจ เมื่อเห็นยายแม่ชีคนเมื่อกี้ ยืนแอบอยู่ด้านหลังต้นยูคาฯต้นหนึ่งในดงของมัน แล้วโผล่เฉพาะท่อนบนออกมาสอดส่องสายตา พร้อมแสยะยิ้มน่ากลัวมาทางพวกเขา

“เห้ย! นี่ยังหนีไม่พ้นอีกเรอะ”

โดยไม่ทันต้องคิดให้ยุ่งยาก ขาคุณปางกระโดดโหยงแล้วออกวิ่งต่อไปทันทีอย่างอัตโนมัติ ส่วนเพื่อนอีกสองคนก็คงตามมาติดๆ แม้คุณปรางไม่แม้แต่คิดจะหันกลับไปมอง แต่ได้ยินเสียงร้องตะโกนโหวกเหวกดังไล่หลังมาทันที จนกระทั่งมารวมตัวเล่าเรื่องผีที่พึ่งไปเจอมากันที่บ้านคุณปาง

บทสรุปเรื่องเล่าผีน่ากลัว…กับตัวตนจริงของแม่ชี!

หากใครได้ อ่านเรื่องผี จนมาถึงจุดนี้ ถ้าไม่ใช่คนจิตแข็งจริงๆ..ย่อมต้องรู้สึกไปในทางเดียวว่าเรื่องนี้มัน “น่ากลัวมากๆ” โดยเรื่องราวที่ทราบในภายหลัง คือแม่ชีท่านนี้แกมาจากไหนไม่มีใครทราบแน่ชัด ทราบเพียงว่าแกธุดงค์แล้วมาปักกลดอยู่ที่สวนหลังโรงเรียนเก่า จากนั้นก็มีชาวบ้านที่พบเห็นเข้าไปกราบไหว้บูชา ต่อมาก็มีข่าวว่าแม่ชีแกใบ้หวยได้แม่นมาก ชาวบ้านแถวนั้นถูกติดกันเป็นสิบๆงวด มีคนเข้าออกแถวนั้นเป็นจำนวนมาก กระทั่งช่วงหลังมา กลับเกิดเหตุการณ์แปลกๆขึ้น คือมีคนหาปลาส่องกบไปพบเห็นแม่ชีแกเดินป้วนเปี้ยนไปรอบหมู่บ้านในเวลาดึกดื่นอยู่บ่อยๆ ครั้นถามแกก็ตอบว่ามาเดินจงกรม ทำกรรมฐาน

แต่เรื่องเล่าแปลกๆยังไม่จบแค่นั้น ที่แปลกและสยองไปกว่านั้นคือ จากชุมชนที่เงียบสงบ จู่ๆก็มีผู้ชายเสียชีวิตไปทีละคนสองคน โดยที่ไม่มีอาการป่วยใดๆ เพียงแต่นอนๆอยู่ก็ไปทั้งอย่างนั้น หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ไหลตาย” มีตั้งทั้งหนุ่มทั้งแกา หลังจากนั้นก็มีเสียงซุบซิบกันว่าอาจจะเป็นเพราะผีแม่หม้ายออกอาละวาด จึงได้ไปปรึกษาหมอธรรม ซึ่งคือตำแหน่งของผู้ที่มีคาถาอาคมที่ใช้ในทางที่ดี หมอแกบอกว่า…ไม่ใช่ผีแม่หม้ายหรอก แต่หากอยากรู้ว่าเป็นอะไร ให้ลองนำไก่ไปหาแม่ชี แล้วเอากลับมาผ่าดูข้างใน

มีชาวบ้านอุ้มไก่ไปพบแม่ชี หลังพูดคุยกันพักหนึ่งจึงกลับออกมา ปรากฎว่าจู่ๆไก่ก็น็อคไปซะอย่างนั้น เมื่อกลับมาผ่าออกดู ปรากฎว่าเครื่องในละเอียดไปหมด ราวกับถูกสัตว์ขย้ำ หลังจากนั้นชาวบ้านก็พากันรวมตัวไปขับไล่ผีปอบแม่ชีให้ออกไปจากหมู่บ้าน แต่เมื่อไปถึงดงต้นยูคาฯ กลับไม่พบร่องรอยของใครอยู่เลย จนคิดไปเองว่าคงจะหนีไปแล้ว แต่จากปากคำของคนหาปลาหากบตอนกลางคืน ยังคงมีคนพบเห็นแม่ชีผีเดินจงกรมไปตามหมู่บ้านอยู่! โดยเมื่อพยายามจะเข้าไปใกล้ แม่ชีผีแกก็จะจางหายไปอย่างไร้ร่องรอย นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าลืออีกว่า เด็กๆที่ไปวิ่งเล่นแถวป่ายูคาฯก็พบเจอผีปอบแม่ชีป้วนเปี้ยนอยู่ในบางครั้ง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อชาวบ้านออกค้นหา ก็เป็นอันต้องคว้าน้ำเหลวทุกทีไป และนี่คือเรื่องเล่าผีที่ครั้งนึงคุณปางได้พบเจอมากับตัว….

ขอบคุณที่มาเรื่องเล่าผี : คุณปาง สมาชิกกลุ่มเฟสบุ๊ค “เรื่องผีๆ-สาระดีๆ”

อ่านเรื่องผีน่ากลัว เรื่องอื่นๆ >> กดที่นี่

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

08/11/2019

เรื่องผี the shock | สัมภเวสีตามเรียกชื่อ ถ้าขานรับ=ไม่รอด

เคยได้ยินมั้ย? หากได้ยินเสียงเรียกชื่อกลางคืน…อย่าขานรับ นี่คือ เรื่องผี the shock ที่ยืนยันถึงคำพูดนั้นได้เป็นอย่างดี! เรื่องราวของหลวงพี่ท่านนึง ที่เคยมีอดีตอันผิดพลาดจนนำมาซึ่งการตัดสินใจบวชเพื่อบำเพ็ญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร จากชีวิตวัยรุ่นที่เคยเกเรจนถูกคำสาปตามติดด้วย “บางสิ่งบางอย่าง” ที่ไม่สามารถอธิบายได้ เสียงสยดสยองที่ดังก้องอยู่ในหูคอยเรียกชื่อของท่านตลอดเวลา ราวกับจะชักชวนให้ยอมรับในบาปที่เคยทำไว้บนโลกใบนี้

เรื่องผี the shock จดหมายจากทางบ้านเรื่องนี้ มีอยู่ว่า…

คนเฒ่าคนแก่มักเชื่อและสอนลูกสอนหลานว่า “เวลากลางค่ำกลางคืน หากได้ยินเสียงแปลกๆหรือเสียงร้องเรียก ห้ามทักตอบเป็นอันขาด” สำหรับมุมมองของคนที่ไม่เชื่อเรื่องผี ก็อาจมองว่าเป็นกุศลโลบาย ไม่ให้เด็กๆเอะอะใช้เสียงในยามค่ำคืนให้หนวกหูขาวบ้าน หากแต่ในอีกมุมนึงก็เชื่อว่าเพราะมันเป็นเสียงเรียกของ “วิญญาณ” ดังที่ได้เกิดขึ้นกับหลวงพี่รูปหนึ่งซึ่งได้เล่าผ่านเมล์ในรายการดัง เรื่องผี เดอะช็อค สตอรี่  ในชื่อเรื่อง “หาตัวไม่เจอ” จาก หลวงพี่เอ โดยมีใจความดังนี้…

ในสมัยเมื่อ 8 ปีที่แล้ว หลวงพี่ท่านนี้ยังไม่ได้บวชเป็นพระ เคยเป็นนักเรียนที่พาล นิสัยแย่คนนึง ชอบทำตัวเป็นหัวโจก รวมกลุ่มกันเป็นอันธพาลมีเรื่องและไถตังค์กับคนอื่นเขาไปทั่ว ในตอนนั้นหลวงพี่ถูกเรียกชื่อจากเพื่อนๆในกลุ่มว่า “เอใหญ่” เนื่องจากมีเพื่อนที่ชื่อเอเหมือนกัน ดังนั้นจึงเรียกเป็นเอเล็ก-เอใหญ่ โดนมีเพื่อนในกลุ่มอีกคนคือตั้ม

ในวันนั้นเป็นวันประกาศผลสอบจบการศึกษา นักเรียนและผู้ปกครองจะไปชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นเป็น “ป๊อบ” นักเรียนร่วมห้องที่เอใหญ่และกลุ่มเพื่อนมักขู่รีดไถตังค์อยู่เสมอ หากแค่คราวนี้มันเริ่มจากการที่แม่ของป๊อบ ซึ่งในวันนั้นมาเป็นผู้ปกครอง เธอแต่งตัวดูแปลกๆคล้ายกับพวกไหว้เจ้าเข้าทรง ขณะเดินผ่านหน้าเอใหญ่ แม่ของป๊อบก็ชี้หน้าเอแล้วพูดขึ้นว่า…

“ระวังตัวไว้เถอะเอ็ง จะอยู่ได้อีกไม่นาน มีคนเขามารอแล้ว”

ป้าของเอที่ไปในฐานะผู้ปกครองได้ยินก็ตกใจ ในขณะที่เอฉุนเฉียวอย่างเดือดดาล “ปัญญาอ่อน” แต่เอก็ไม่ได้สนใจจะอยู่โต้เถียงมากไปกว่านั้น

ความสยองจริงๆของ เรื่องผี the shock เรื่องนี้พึ่งจะเริ่มต้น! เมื่อหลังจากวันนั้นไปราวสองอาทิตย์ ปิดเทอมใหญ่ประจำภาคเรียนก็มาถึง ในขณะที่เอนอนเล่นอยู่บ้าน เพื่อนที่ชื่อตั้มและเอเล็กก็โทรมาชวนไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนร่วมห้องอีกราวสิบกว่าคน เอตบปากรับคำ จนกระทั่งวันนั้นมาถึง พวกเขาเหมารถกันไปเที่ยวระยอง โดยได้ที่พักเป็นบ้านบังกะโลสองชั้น ซึ่งไม่ไกลจากชายหาดนัก

หลังจากเล่นน้ำทะเลที่หาดจนเริ่มมืด ทั้งหมดจึงชวนกันไปกินข้าวเย็น โดยจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ที่พักกันก่อน ตอนนั้ราวทุ่มกว่าๆ ขณะที่เอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ข้างบน ก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อแว่วมา

“เอ…เอ…”

เอคิดในใจโดยไม่ได้ขานตอบเพียงว่า “จะเรียกทำไมนักนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” โดยคิดว่าเป็นเพื่อนคนนึงมาตามมาเร่งให้รีบลงมา แต่ที่แปลกคือพอให้หลังไปแผลบเดียว เอก็ลงมาแต่กลับไม่เจอใครเลย เพื่อนๆไปรออยู่ข้างนอกกันหมด ตอนนั้นในบ้านเหลือแต่เอเพียงคนเดียว…

หลังจากอยู่เที่ยวกันจนดึกดื่น ผองเพื่อนก็กลับมานอนกัน โดยที่เอนอนอยู่ที่ชั้นบนกับเพื่อนอีกหลายคน แต่ในคืนนั้นเอง ขณะที่ทุกคนหลับไปแล้ว จู่ๆเอก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อดังแว่วมาอีก

“เอ…เอ….เอ…..”

มันเป็นเสียงเดิมกับที่ได้ยินตอนหัวค่ำ…เป็นเสียงของผู้ชาย ที่ดูเหมือนจะมีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน ถึงตอนนี้เอเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล เอตัดสินใจนอนฟังต่อไปเงียบๆ โดยไม่ขานรับหรือแสดงท่าทีจะค้นหาต้นตอของเสียง แต่เสียงเรียกก็ยังดังมาเป็นระยะไม่หยุด จนเอต้องล้วงพระออกมากำแล้วท่องบทสวด จนกระทั่งสักพักเสียงเรียกก็หยุดหายไป เอจึงลุกขึ้นมามองหาต้นเสียงท่ามกลางแสงสลัวในความมืด เขาความตามองหาไปรอบๆห้อง ในที่สุดก็ไปเจอสิ่งที่ทำให้ช็อคสุดขีด! มีคนร่างใหญ่โตที่ในมือถือหอดแหลมสองคน กำลังยืนคุยอะไรบ้างอย่างกันที่มุมห้องอีกฝั่ง! ฟังดูไม่เป็นภาษาคน เอตกใจสุดขีดรีบมุดตัวเข้าผ้าห่มไปนอนแทรกกับเพื่อนๆ คลุมโปงแกล้งหลับไม่กระดุกกระดิก กลัวผีก็กลัว แต่ง่วงก็ง่วง จนกระทั่งหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้

จุดพลิกผันของ เรื่องเล่าผี เรื่องนี้ เริ่มขึ้นที่เช้าวันถัดมา… เมื่อเอยังคงได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองอยู่เป็นระยะ มันทำให้เจากลัวแทบเป็นบ้า ในวันนั้นเองเพื่อนๆก็อดแปลกใจกับท่าทีของเอใหญ่ ที่ปกติมักจะโหวกเหวกโหวงเหวง วันนี้กลับดูสงบเสงี่ยมอย่างเหลือเชื่อ แต่ยิ่งกว่านั้นคือเอเล็กก็ดูเซื่องซึมไม่แพ้กัน ในช่วงเย็นกลุ่มเพื่อนๆก็ยังไปเล่นน้ำกันที่ชายหาด เอเล็กลงน้ำไปกับเพื่อนๆ ขณะที่มีเพียงเอใหญ่ที่ยืนอยู่ที่หาด เขายังคงต่อสู้กับเสียงขานเรียกชื่อ “เอ…เอ…” ซึ่งดังขึ้นอีกแล้ว จนในที่สุดเขาก็เริ่มขยับตัว เอใหญ่วิ่งลงตามไปในน้ำแล้วตะโกนเรียกดังก้อง

“ไอ้เอๆ…มีคนเรียกเมิง มีคนกำลังเรียกหาเมิงอยู่…”

“ใครวะ?”

เอเล็กหันกลับมาขานรับด้วยความสงสัย แต่ทันทีที่สิ้นเสียงขานรับ เสียงที่ดังในหูของเอใหญ่ก็หยุดลงทันที ขณะเดียวกับที่ร่างของเอเล็กผลุบหายลงไปในผิวน้ำ คล้ายกับถูกดึงรั้งจากใต้น้ำ แล้วหายไปกับเกลียวคลื่นลมของทะเล เอใหญ่เดินวนมองหาอยู่สักพักก็ไม่พบ จึงตะโกนบอกกับเพื่อนๆคนอื่นให้ช่วยกันหา แต่ก็ไม่พบง่ายๆ ในขณะที่แถวนั้นก็ร้างผู้คน สุดท้ายเลยตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือ ตรมเจ้าหน้าที่มาช่วยกันงมหาอยู่กว่า สองชั่วโมง สุดท้ายก็พบกับร่างของเอที่บัดนี้ได้เย็นชืด ไม่หายใจเสียแล้ว

บทสรุปเรื่องราวชวนสยองของ เรื่องผี เดอะช็อค สตอรี่…

สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ เอใหญ่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครในหมู่เพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นได้ฟัง เขาคิดเอาว่า…บางทีเสียงนั่นอาจต้องการตัวเขา แต่ “เข้าใจผิด” เอาตัวคนที่ชื่อเอเหมือนกันไปแทน อย่างไรก็ตามตั้วแต่วันที่มีงานฌาปนกิจของเอเล็ก เอใหญ่ก็ได้บวชอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร และยังคงบวชเรียนสร้างกุศลต่อเนื่องในผ้าเหลืองจวบจนทุกวันนี้…และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดของ เรื่องผี the shock เรื่องนี้

ขอบคุณที่มา เรื่องเล่าผี : https://pantip.com/topic/36156491

อ่านเรื่องผี เดอะช็อค เรื่องอื่นๆ >> กดที่นี่

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

20/10/2019

เรื่องผี Pantip | โฮสเทลหลอนข้างสุสาน จ.กาญจนบุรี

สมาชิกพันทิปหมายเลข 3009739 ได้แชร์​ประสบการณ์​หลอน เรื่องผี Pantip ซึ่งประสบพบมากับตัวเองไว้ว่า “โดนผีอำ” ที่โฮสเทลแห่งหนึ่งในกาญจนบุรี โดยในครั้งนั้นตนจะไปร่วมงานบุญกฐินที่วัดป่าในอำเภอสังขละ แต่ด้วยว่าผิดแผนจากกำหนดการที่วางไว้จนต้องจำใจหาที่พักเฉพาะกิจหนึ่งคืน และในคืนนั้นเองที่ซึ่งควรได้นอนหลับพักผ่อนเอาแรง กลับกลายเป็นคืนที่ชวนหลอนที่สุดในชีวิต!

หนุ่มดวงชงเล่า เรื่องผี Pantip สุดหลอนนี้ไว้ว่า…

เรื่องนี้พึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เพียงอาทิตย์เดียว! ด้วยความที่ภาพจำยังชัดเจน จึงได้ตัดสินใจมา เล่าเรื่องผี ลงพันทิป ในช่วงวันที่ 12-14 ต.ต.ที่ผ่านมานี้ ผมได้มีโอกาสไปร่วมงานบุญกฐินเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของพระอาจารย์ที่เคารพนับถือในสำนักป่าที่อ.สังขละ จ.กาญจนบุรี โดยวางแผนไว้ว่าตนจะไปขึ้นรถตู้ที่หมอชิตใหม่เพื่อเดินทางไป และคงถึงราวเย็นๆของวันที่ 12 แต่แล้วเมื่อวันเดินทางมาถึง ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่คิด เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงหยุดยาว รถตู้ถูกจองแน่นทุกที่นั่ง สุดท้ายผมไปได้คิวออกจากหมอชิตก็เที่ยว 4 โมงเย็น เรียกว่ากว่าจะถึงจริงๆคงมืดค่ำไปแล้วเรียบร้อย

แน่นอนว่าเมื่อแผนมันผิดเพี้ยนไปหมด จากเดิมที่กะว่าจะลงบขส.กาญจนบุรีแล้วต่อรถไปสำนักป่า แต่ป่านนั้นรถคงหมดเรียบร้อยไปแล้ว จึงได้คว้าโทรศัพท์คู่ใจออกมาสไลด์หาที่พัก แต่แล้วก็ต้อวพบกับความจริงที่ว่า “นั่นเป็นวันหยุดยาว” การจะได้ที่พักใกล้กับบขส.ในเวลากระชั้นชิดก็หาได้ยากแล้ว สุดท้ายก็ไปได้ที่พักในบริเวณใกล้เคียงที่ห่างออกไปหน่อย ซึ่งเป็นสุสานดอนรัก ใช่แล้ว ถึงที่พักที่ผมหาได้นั้นอยู่ใกล้ชิดกับสุสานขนาดนั้นผมก็ไม่ได้กังวลอะไร ออกจะรู้สึกโล่งใจด้วยซ้ำ ในที่สุดก็ไม่ต้องนอนข้างทาง!

กว่าจะถึงกาญจนบุรีก็ปาเข้าไป 2 ทุ่มแล้ว เลยต้องต่อมอเตอร์ไซค์วินเพื่อเข้าไปที่พักที่จองไว้ผ่านแอพในราคาสามร้อยบาท โดยผมเลือกเป็นโฮสเทลเตียง 2 ชั้น เรียกว่าอน่างน้อยก็มีเพื่อนล่ะนะ ปรากฏว่าในซอยนั้นดีกว่าที่คิดไว้เยอะ แม้จะอยู่ติดสุสานแต่เต็มไปด้วยร้านั่งดื่มและบาร์มากมาย เรียกว่าที่นั่งผ่านสุสานมาเมื้อกี้คือหายกลัวไปเป็นปลิดทิ้ง แถมที่พกก็ยังสวยดูดีเกินคาด หลังจากได้หมายเลขห้องและเตียงตอนเช็คอิน ก็รีบจะไปนอนทันทีด้วยความเพลีย ห้องของผมอยู่ชั้นแรกตรงข้ามกับบันไดทางขึ้นไปชั้นสอง เปิดผัวะออกมาก็ถึงกับหน้าชาไปเลย เพราะในนั้นไม่เจอใครสักคน จนต้องเดินออกไปถามที่เช็คอินอีกที

“ใช่ครับ คืนนี้มีน้องเช็คอินเข้าพักคนเดียว”

สรุปว่ามีผมคนเดียวในห้องรวมคืนนี้จริงๆ! แต่กระนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ผมตัดสินใจออกไปเดินเล่นแถวนั้นราวชั่วโมงจึงกลับมา โดยที่ไม่นึกไม่ฝันว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นจะนำมาสู่การ เล่าเรื่องผี ในกระทู้นี้… เนื่องจากผมนอนคนเดียวเลยเปิดไฟห้องนอนซะเลย แล้วปิดไฟหัวอตียงและรูดม่านเอา นอนหปได้สักพักก็ได้ยินเสียงคล้ายเสียงคนคุยกัน ผมครึ่งหลับครึ่งตื่นด้วยความรำคาญใจ พรางนึกว่าห้องข้างๆคุยอะไรกันหนักหนา นี่มันก็ดึกมากแล้ว แต่พอลองสังเกตุดูดีๆเสียงนั่นไม่ได้ทะลุกำแพงมา แต่มันมาจาก “ร่างเงา” ร่างใหญ่ที่กำลังนั่งทับอกเราอยู่ต่างหาก!

แสงสลัวในห้องกระทบร่างใครบางคนที่ดูสูงใหญ่ โดยแสงทะลุผ่านเข้ามาเป็นเงาทอดอยู่บนม่าน ผมสะดุ้งตกใจอย่างหนัก ห้องนี้มันไม่ควรมีใครอื่นแล้วนะ พรางคิดหาเหตุผลไปเหงื่อก็เริ่มแตก มือไม้สั่นไปหมด ตอนนั้นเริ่มคิดได้ถึงจุดที่ว่า เราต้องสวดอะไรสักอย่างออกไปแล้ว เราต้องท่อง!

“พุทธธังอาราธนัง ธรรมมังอาราธนัง สังคังอาราธนัง”

สวดเสร็จลองเปิดไฟที่หัวเตียงดู ปรากฎว่าไม่เจออะไร นี่มันเรื่องอะไรกัน ใช่ผีรึเปล่า? ทำไมเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ ขยับตัวก็ลำบาก พลางเริ่มสวดแผ่เมตตาต่อ แล้วเอามือควานค้นหาของที่พอจะช่วยได้ในเวลาแบบนั้นก็ไปเจอผ้ายันต์ในกระเป๋าผืนหนึ่ง เพราะเกิดแผ่ไปแล้วเขาไม่รับก็ซวยนะสิ!

สวดจบ สาธุๆ ก็มีเสียงเฮโลดีใจของผู้ชายดัง เฮๆๆๆ เหมือนกับดีอกดีใจรอดดังเข้ามาอีก พยายามคิดให้ได้ส่าเป็นเสียงคน เรียกความกล้าเฮือกสุดท้ายหยิบข้าวของแล้ววิ่งออกจากห้องไปที่ล็อบบี้ทันที ในใจคือไม่อยู่ที่นี่แล้ว เลยออกเดินไปเรื่อยๆ เจอที่พัก 3 ที่ก็เต็มมันทุกที่ ตอนนั้นตี 2 แล้วสุดท้ายก็ยอมจำนน ต้องกลับมาที่เดิมแต่ไม่เข้าไปนอนในห้องกับผีแล้วนะ งั้นก็นอนมันหน้าล็อบบี้นี่แหละ ที่ล็อบบี้แม้ไม่มีใคร(เจ้าของจะเข้ามาตอนมีแขกโทรไปเรียกมาเช็คอินเท่านั้น) อย่างน้อยก็ยังมีกล้องวงรปิดเป็นเพื่อน ซ้ำยังมีโซฟาและพัดลมให้นอนได้ นอนจนกระทั่ง 7 โมงเช้าเจอแขกคนนึงออกมาทานอาหารเช้าในก้องถัดจากล็อบบี้ ทีแรกลุงแกนึกว่าเป็นพนักงาน ถามไปถามมาแกก็สงสัยว่าทำไมเรามานอนตรงนี้ ครั้นจะเล่าไปก็กลัวจะหาว่าบ้า เลยแกล้งบอกไปว่าเมื่อคืนเมาแล้วเผลออ้วกใส่ที่นอน จนกระมั่งฟ้าสว่างแล้วถึงกล้ากลับเข้าไปเอาของที่เหลือในห้อง เนื่องจากว่าในห้องมีห้องน้ำแยกในห้อง ปรากฎว่าในห้องตรงหัวเตียงผมนี่หันเข้ากับส้วมพอดิบพอดี ฮวงจุ้ยไม่น่านอนเอาซะเลย

ตอนจบของ กระทู้ผีพันทิป จากประสบการณ์จริง…

สรุปสุดท้ายผมก็ไม่ได้เล่าเรื่องหรือถามกับใครในนั้น กระทั้งได้มาเรียบเรียงเล่าเป็น เรื่องผี Pantip เพียงแต่ได้ยินว่ามีแขกผู้หญิงคนนึงบ่นว่าตอนตีสอง อยู่ๆแอร์ในห้องก็ดับ ซึ่งมันเป็นเวลาเดียวกันกับตอนที่ผมเจอเงาประหลาดพอดิบพอดี สุดท้ายหลังจากเสร็จงานกลับไปแล้ว ได้เอาเลขเตียงไปซื้อสลาก ปรากฎว่าถูกได้ตังค์มานิดหน่อย จังทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้วิญญาณตนนั้น

ขอบคุณที่มาประสบการณ์สยอง : https://pantip.com/topic/39325142

อ่าน เรื่องผีพันทิป เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

19/10/2019
1 8 9 10 12