เรื่องผี the shock | “คนอะไรเป็นแฟนผี” ประสบการณ์แอบรักผี

เรื่องผี the shock เรื่องนี้อยู่ในช่วงเดอะช็อคสตอรี่ หรือเป็นช่วงที่ทางผู้ดำเนินรายการจะนำเรื่องผีที่ส่งเข้ามาจากทางบ้าน มาอ่านให้ฟังในรายการ โดยเรื่องที่ว่านี้เป็นเรื่องเล่าผีของ ‘คุณเบน’ กับประสบการณ์ที่ต้องบอกเลยว่า “สยองปนสยิว” คือคุณเบนไปหลงรักสาวที่พบโดยบังเอิญที่คอนโดแห่งหนึ่ง โดยที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้อหลังของเธอมาก่อน

The shock story เรื่องผี “แพร” โดยคุณเบน

เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อหลายสิบปีก่อน คุณเบนมีอาชีพเป็นพนักงานออฟฟิศของบริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ในขณะนั้นคุณเบนยังเป็นหนุ่มอายุ 20 กว่าปี เนื่องจากยังโสดจึงได้หาคอนโดอยู่แถวเตาปูน และในวันที่คุณเบนย้ายข้าวของเพื่อเข้าห้องใหม่ของเขาที่ชั้นสิบ ก็เป็นจุดเริ่มต้นให้เขาได้พบพานกับหญิงสาวสวยคนหนึ่ง

โดยปกติแล้วลิฟท์ของคอนโดแห่งนี้จะมีอยู่คู่กัน 2 ตัว หากมีใครที่กำลังจะขนของย้ายเข้า ทางผู้จัดการคอนโดจะจัดการให้ผู้อาศัยใหม่ ใช้เป็นลิฟท์ส่วนตัวสำหรับขนของโดยเฉพาะตัวหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกคนที่อาศัยอยู่ ณ ที่นั้นจะเข้าอกเข้าใจเสมอไป ขณะที่คุณเบนงุ่นง่านสาระวนอยู่กับการนำของเข้าลิฟท์ ก็มีผู้รอใช้งานลิฟท์ยืนออกันอยู่บริเวณนั้นจำนวนหนึ่ง เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีคนขึ้นลงเยอะแต่เหลือลิฟท์ให้ใช้เพียงตัวเดียว

แต่ในหมู่ผู้ที่ทำหน้าปั้นปึ่งบอกบุญไม่รับ บ้างก็หันมามองด้วยหางตาส่งสัญญาณมาทางคุณเบน ก็ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นช่วยให้หัวใจพองโต แม้จะทันเห็นเพียงแวบเดียวแต่คุณเบนมั่นใจว่าสวยแน่นอน ก่อนที่เธอจะเดินหายลับเข้าไปในลิฟท์พร้อมคนอื่นๆ ราวกับรักแรกพบ เลิฟแอทเฟิร์สไซจน์ยังไงอย่างนั้น บอกเลยว่าคนนี้แหละสเป็ค!

ภายหลังอาทิตย์ถัดมา ในขณะที่ขึ้นลิฟท์คุณเบนก็มีโอกาสได้พบกับหญิงสาวคนที่ว่านั่นอีก คุณเบนจะคอยแอบมองเธออยู่เป็นพัก แบบที่ไม่ให้เธอรู้ตัวมกระทั่งเธอออกไปที่ชั้น 8 หลังจากนั้นมาเขาก็ยังได้พบเธออยู่บ่อยๆที่ลิฟท์ ในบางครั้งมีโอกาสได้ขึ้นลิฟท์กันแบบ 2ต่อ 2 ก็อดคิดไม่ได้ว่าอยากจะลองทักเธอดู “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” “วันนี้อากาศดีเช่นเคยนะครับ” แต่จะพูดออกมาที่ไรเสียงก็แหบแห้งหายไปในลำคอด้วยความเขินทุกครั้ง สรุปว่าคุณเบนก็ได้แต่แอบชอบเธออยู่ฝ่ายเดียว เป็นเวลาพักหนึ่ง

และแล้วโอกาสดีๆก็วนมาอีกครั้ง หากได้อยู่กัน 2 คนยังไม่กล้าทัก ชาตินี้คงไม่ได้รู้จักกัน คุณเบนรวบรวมความกล้าด้วยการสูดลมให้เต็มปอด แล้วโพล่งออกไปด้วยเสียงดังๆฟังชัด

“เอ่อ ชื่ออะไรครับ?”

ปรากฎว่า..เธอไม่ตอบอะไรกลับมา! เรียกว่าจั่วลมก็คงจะได้! อย่างไรก็ตามยังพอมีเห็ดโคนงอกออกมาหลังฤดูฝนสาดซัดกระหน่ำ คุณเบนแอบเห็นว่าเธอมียิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวออกจากลิฟท์ไปที่ชั้น 8 บางทีสำหรับครั้งแรกอาจถือว่า “มีประเด็น” แล้ว หลังจากวันนั้น ทุกครั้งทีเจอกันคุณเบนมักจะแอบมองเธออยู่เสมอ พอเธอหันมาเจอก็จะยิ้มเขินตอบกลับมา แต่หากวันไหนมีคนอยู่ในลิฟท์เยอะ เธอจะมีท่าทีตรงกันข้าม คือมักจะมองด้วยหางตาขิ้วขมวด พร้อมบ่นอุบอิบมาทางที่ที่คุณเบนยืนแอบมองอยู่แทน

กระทั่งวันนึงก็มาถึง วันที่ความพยายามที่ผ่านของคุณเบนจะไม่สูญเปล่า ขณะที่อยู่ 2 ต่อ 2 ในลิฟท์ แม้ไม่ได้พูดอะไรกันแต่คุณเบนก็รู้ว่าเธอรู้ ว่าเขาแอบบเฝ้ามองเธอทุกวัน และตอนที่เธอจะก้าวขาออกจากลิฟท์ที่ชั้น 8 เธอก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า “แพร..ชื่อแพร” ก่อนที่ประตูจะปิดลงทิ้งให้คุณเบนอมยิ้มเหมือนเป็นบ้าอยู่คนเดียว

หลังจากวันนั้น คุณเบนได้สานสัมพันธ์อันดี มีโอกาสได้คุยกับ ‘แพร’ มากขึ้น แม้เธอจะดูไม่ค่อยช่างพูดนัก จนคุณเบนพอจะรวบรวมข้อมํลส่วนตัวของเธอมาได้จำนวนนีงว่า แพรอาศัยอยุ่กับแม่และน้องสาว เธอเป็นพนักงานออฟฟิศทำงานด้านบัญชีที่บริษัทเอกชน ซึ่งคุณเบนมักจะพบเธอในชุดทำงานแบบสาว working woman เสมอ โดยช่วงเวลที่จะเจอคือช่วงสองถึงสามทุ่ม

มีอยู่วันหนึ่ง แพรไม่ได้ลงที่ชั้น 8 อย่างทุกวัน แต่ขึ้นเลยมาลงชั้น 10 ด้วยกันกับคุณเบน และได้ใช้เวลาพูดคุยทำความรู้จักกันตามประสาหนุ่มสาวกัน จนกระทั่งคุณเบนค่อนข้างมั่นใจแล้วว่า เธอเองก็คงจะมีใจให้เช่นกัน จึงได้ขอเป็นแฟน แต่สาวเจ้ากลับนอ่งเงียบไปพักใหญ่ ไม่ได้ตอบอะไรแต่กับถามเขาแทนว่า “แน่ใจเหรอ? แน่ใจนะ?” ก่อนที่จะกลับลงไปที่ชั้น 8

คุณเบนและแพรคุยๆกันอยู่เช่นนี้นานหลายเดือน โดยที่ไม่เคยละลาบละล้วง หรือลุกล้ำขอเข้าไปยังห้องของอีกฝ่ายเลย อย่างไรก็ตาม คุณเบนสังเกตเห็นอย่างนึงว่า แพรมักจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนไม่รู้จักกันเวลาอยู่ต่อหน้าคนหมู่มากเช่นในลิฟท์ ซึ่งคุณเบนก็เข้าใจไปว่าเธอคงจะเขินและยังไม่พร้อมจะเปิดตัวตอนนี้ อีกทั้งคุณเบนมักจะอยู่ในชัดลำลองสบายๆอย่างเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่ได้หล่อเนี๊ยบแบบคนอื่นๆในคอนโด ตลอดเวลาที่คบหากันทั่งคู่ไม่เคยออกไปเดทด้วยกัน มีเพียงแค่ยืนคุยกันที่ระเบียงหน้าลิฟท์ชั้น 10 แต่นั้น

เรื่องราวความสัมพันธ์ของคุณเบนกับแพรดำเนินไปอย่างช้าๆ จนวันนึงคุณเบนกลับจากทำงาน ก็เจอแพรรอขึ้นลิฟท์อยู่ในกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง คุณเบนออกจะเสียดายเล็กน้อยที่วันนี้ดอกาสไม่เป็นใจมีก้างขวางคอซะได้ แพรยังคงเมินใส่เขาเหมือนที่ทำประจำเวลาอยําต่อหน้าคนเยอะๆ กระทั่งขึ้นมาถึงชั้น 10 แต่นึกขึ้นได้ว่าลืมซื้อของเลยรีบกดลิฟท์กลับลงไปยังชั้นล่างโดยไม่ได้เข้าห้องก่อน หลังซื้อของเสร็จกำลังจะขึ้นลิฟท์ ปรากฎว่าเจอแพรอีก ก็รู้สึกดีใจ สงสัยจะลงมาทำธุระอะไรเหมือนกัน คราวนี้มีคนรอขึ้นไม่กี่คน กะว่าเดี๋ยวรอบนี้ต้องหยอกต้องแซวเล่นซะหน่อย

ตอนที่อยู่ในลิฟท์ คุณเบนพยายามจะเบียดตัวเข้าไปยืนชิดๆกับแพร กระทั่งลิฟท์เคลื่อนตัวไปเกือบจะถึงชั้น 8 ก็พูดกระซิบแผ่วเบาหยอกเธอว่า… “ลงมาอีกเนี่ย อย่าบอกนะว่าคิดถึง เลยตามผมลงมา?” แต่เธอกับนิ่งเงียบไม่แม้แต่หันกับมามอง รางกับไม่ได้ยิน…ไม่สิ เะอแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินมากกว่า พอถึงชั้น 8 แพรก็รีบเดินออกไปทันทีโดยไม่มีท่าทีว่าจะหันกลับมามอง คุณเบนตะโกนตามหลังออกไปว่า “ฝันดีนะครับ..แพร!”

แต่ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น แพรมีปฏิกิริยาทันที เธอหันกลับมาขว้ามือคุณเบนแล้วลากออกมาจากลิฟท์ แล้วพาไปที่ห้องของเธอ ในนั้นมีแม่ของเธออยู่ด้วย ก่อนที่เธอจะเริ่มร้องไห้ฟูมฟายออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุ แม้แต่แม่ของแพรก็ดูจะตกใจ เลยถามลุกสาวว่า “เป็นอะไรไปลูก เขาทำอะไรลูกรึเปล่า!” แม้แต่คุณเบนที่ถูกลากมาในสถานการณ์นี้ก็ได้แต่มองหน้ากันไปมา

“ผู้ชายคนนี้…เขาเรียกพลอยว่า “แพร” ค่ะแม่…”

พอได้ยินแบบนั้นคุณแม่ของเธอก็เริ่มต้นร้องไห้ตาม กอดกันกลมกับลูกสาว คุณเบนจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไปพูดหรือทำอะไรผิดรึเปล่า เลยจะขอตัวออกมาก่อน แต่แม่ของเธอทักไว้ก่อน “อย่าพึ่งไป อยู่คุยด้วยกันก่อน…”

หลังจากเวลาผ่านไปพักหนึ่งจนเธอหยุดร้อง ก็ลุกขึ้นไปหยิบกรอบรูปจากบนชั้นก่อนที่จะส่งให้คุณเบนดู ภาพที่เห็นนั้นทำเอาคุณเบนตกใจจนตาแทบถลน ในรูปนั้นเผยให้เห็นหญิงสาว 2 คนที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกันมากๆ ราวเป็นคนเดียวกัน มันทำให้เขานึกถึงคำพูดของแพรที่เคยบอกว่าตัวเองอาศัยอยู่กับแม่และน้องสาวอีกคน แต่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าน้องสาวที่ว่าเป็นฝาแฝด พลอยถามคุณเบนว่า ทำไมถึงรู้จักพี่แพรได้ คุณเบนก็เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่วันแรกที่พบกันเหมือนกับที่ทุกคนได้อ่านมาด้านบน

คุณแม่อนุญาตให้พลอยเล่าให้คุณเบนฟัง เธอเริ่มต้นเล่าว่าตัวเธอเองนั้นมีพี่สาวที่เป็นแฝดกันชื่อ “แพร” แพรทำงานที่ตึกเดียวกันกับเธอ ทุกๆวันพี่น้องสองสาวแทบจะตัวติดกัน ไปทำงานพร้อมกัน กินข้าวกลางวันร้านเดียวกัน และกลับบ้านก็กลับด้วยกัน แต่แล้ววันที่เข้ามาพรากทุกสิ่งไป ในเที่ยงวันหนึ่งขณะพักทานอาหารกลางวัน มีรถมอเตอร์ไซค์ที่ขับขี่ด้วยความเร็ว พุ่งเข้ามาชนแพรจอนกำลังข้ามถนนอยู่พอดี แพรต้องนอนในห้องฉุกเฉินอยู่ 3 วัน แล้วก็จากไปอย่างสงบ

แม้ว่างานฌาปนกิจจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่พลอยก็ยังไม่อาจทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ จึงตัดสินใจย้ายออกจากห้องพักเดิมที่เคยใช้เวลาร่วมกัน ที่เคยอยู่ด้วยกัน ก่อนที่แม่จะมาอยู่เป็นเพื่อนเธอที่คอนโดแห่งนี้นั่นเอง อย่างไรก็ตาม พลอยยืนยันว่าไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครที่คอนโดนี้ฟัง แน่นอนว่าไม่ควรจะมีใครรู้จักกับ “แพร” เธอจึงตกใจมากตอนที่ได้ยินคุณเบนเรียกเธอด้วยชื่อของพี่สาว

หลังจากนั้นคุณเบนยังได้สนทนากับน้องสาวและแม่ของแพรถึงเรื่องราวของเธออยู่อีกพักใหญ่ ก่อนจะขอรูปของเธอกลับมาด้วย แต่ขณะที่เขาก้าวออกมาจากห้องนั้น ราวกับท้องฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย เขาแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะก้าวขาก้าวถัดไปอีกแล้ว แม้จะได้คบกันในช่วงสั้นๆ แต่แพรเป็นคนที่คุณเบนรักมากๆ ไม่คิดว่าทุกสิ่งที่กำลังดำเนินไปด้วยดีจะกลายเป็นแบบนี้ได้ แม้ความจริงเธอนานจะจากไปแล้ว สิ่งที่เขาพบคงไม่ต่างจากผีหรือวิญญาณ แต่คุณเบนกลับไม่รู้สึกกลัว ตรงกันข้าม..ยังอยากเจอกับแพรอีกสักครั้ง หากเป็นไปได้

หลังจากการเปิดเผยอันน่าตกตะลึงในวันนั้น คุณเบนมีโอกาสได้เจอคนที่หน้าเหมือนกับหญิงสาวที่เขารักเป็นครั้งคราว คุณเบนจะหันไปมองก่อนจะทำท่าทางเหมือนเรียกชื่อว่า “แพร” โดยไม่ออกเสียง แต่คนที่ยืนอยู่ก็จะตอบกลับมาว่า “นี่พลอยเอง” ทุกครั้งไป เพื่อจะบอกว่าคนที่เขาพบเป็นน้องสาวฝาแฝด หาใช่คนรักของเขาไม่ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่เคยมีโอกาสได้พบกับ “แพร” ที่เขาใฝ่ฝันถึงอีกเลย และนี่ก็รือเรื่องราวทั้งหมด…

ขอขอบคุณเรื่องผี the shock : แพร โดย คุณเบน จากเดอะช็อคสตอรี่

อ่านเรื่องผีจากพันทิป เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

14/02/2020

เรื่องผีเดอะช็อค | หญิง..ผู้มาโบกรถทัวร์กลางดึกกับโลงศพ

นี่คือเรื่องผีเดอะช็อคที่จะมอบประสบการณ์ใหม่ๆให้กับคุณ เป็นอีกครั้งที่ทีมงานเดอะช็อคได้เพิ่มความหลากหลายของช่องทางในการเสพเรื่องเล่าผีใหม่ๆ หนึ่งในนั้นคือแชแนลแบบเอ็กคลูซีฟใน joox.com อย่างไรก็ตาม บอกได้เลยว่าเรื่องผี the shock ที่นี่จัดว่าสุดจริง เพราะผ่านการคัดพิเศษเกรดเอ เกรดส่งออกทั้งนั้น หนึ่งในเรื่องที่เราชอบมากที่สุดคือ… ประสบการณ์ขับรถทัวร์เที่ยวกลางคืนของคุณมงคล เมื่อค่ำคืนที่ควรจะปกติเหมือนทุกวัน มีผู้หญิงนิรนามโบกขึ้นรถ ก่อนที่จะเรียกให้จอดรอเธอที่ซอยเปลี่ยว แล้วหายไปในความมืด

เรื่องผีเดอะช็อค จากแชแนลใหม่ล่าสุด “หลอนศาสตร์ by the shock”

เรื่องผีเดอะช็อคเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของคุณมงคล สมัยยังหนุ่มเมื่อราวสามสิบกว่าปีที่แล้ว คุณมงคลทำอาชีพเป็นคนขับรถทัวร์กรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด เนื่องจากเป็นเส้นทางที่มีระยะไกล ส่วนมากเที่ยวรถของคุณมงคลจะออกจากสถานีขนส่งในช่วงดึกๆ เดินทางกันในช่วงกลางคืนเพื่อที่จะถึงจังหวัดจุดหมายปลายทางในช่วงเช้าพอดี ซึ่งที่ผ่านมาคุณมงคลก็ได้เล่าว่ามีอยู่บ่อยครั้งที่ผู้โดยสารอาจจะไม่เต็มเที่ยวรถทัวร์ตั้งแต่ปลายทาง

อย่าไรก็ตาม คุณมงคลก็มักจะไปได้ผู้โดยสารระหว่างเส้นทาง ที่อาจจะโบกเรียกให้จอดข้างทางหรือยืนรออยู่ที่ศาลาก็ตาม และในคืนที่เกิดเหตุการณ์สยองขวัญจนแม้ว่าเรื่องราวจะผ่านมากว่า 30 ปี คุณมงคลก็ไม่อาจลืมเลือน ก็เป็นอีกคืนที่ผู้โดยสารไม่เต็มเที่ยว ยังพอมีที่นั่งว่างอยู่ 7-8 ตัว ในตอนเริ่มมออกเดินทาง

รถออกเดินทางจากกทม.เข้าสู่พระนครศรีอยุธยา ผ่านจังหวัดอ่างทอง กระทั่งมาถึงจังหวัดชัยนาท ระหว่างทางมีผู้โดยสารยืนรอรถอยู่ที่ป้อมตำรวจทางหลวงข้างทาง เป็นคู่สามีภรรยา ผมจอดรถหน้าป้อมเพื่อรับผู้โดยสารขึ้นมา ในขณะที่เด็กรถก็รู้หน้าที่เป็นอย่างดี จัดแจงเก็บเงินค่าโดยสาร ซึ่งการรับผู้โดยสารรายทางแบบนี้ เรียกได้ว่าเป็นรายได้เสริมสำหรับอาชีพอย่างคุณมงคล เนื่องจากเป็นส่วนที่ไม่ต้องแบ่งให้กับต้นสังกัด

อย่างไรก็ตามยังมีที่ว่างเหลืออยู่ กระทั่งรถออกเดินทางต่อไปพักหนึ่ง ก็พบกับศาลาริมทางที่ค่อยๆใกล้เข้ามา และเมื่อรถเข้าใกล้พอคุณมงคลก็พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกจากศาลามาโบกรถ คุณมงคลเปิดไฟสูงกระพริบให้เป็นสัญญาณว่าเห็นแล้ว หลังจากนั้นก็ค่อยๆนำรถทัวร์เข้าเทียบข้างทางหน้าศาลาที่ว่าพอดี

ทันทีที่รถจอดสนิทและประตูไฮดรอลิคเปิดออก ผู้หญิงคนนั้นก็ขึ้นมาบนรถตามปกติ แต่ก็ชวนให้คุณมงคลสงสัยอยู่บ้าง เพราะแทนที่เธอจะเดินเข้าไปด้านในรถเพื่อหาที่ว่างนั่ง เธอกลับนั่งลงตรงที่นั่งเด็กรถตรงข้ามคนขับ ติดกับประทางขึ้นนั่นเอง คุณมงคลจึงออกปากบอกเธอ ว่าด้านในยังมีที่นั่งว่างอยู่ ทั้งยังชี้มือไปยังเบาะที่ว่า แต่หญิงนิรนามคนนั้นตอบกลับมาว่า

“หนูกะว่าคอยบอกจุดให้จอดรับแฟนหนูด้วย ขับไปอีกสักห้าหกนาทีก็จะถึงแล้วค่ะ…”

คุณมงคลเข้าใจและรับคำ จากนั้นรถก็เดินทางต่อไปอีกราว 5 นาที ผู้โดยสารคนนี้ก็ทักขึ้นมา…

“จอดซอยข้างหน้าด้วยค่ะ… ขอลงไปรับแฟนขึ้นมาก่อน นะคะ”

คุณมงคลจอดรถให้ตรงจุดที่หญิงคนนั้นร้องขอ ก่อนที่เธอจะลงไปคุรมงคลก็ไม่ลืมที่ย้ำว่า… อย่าไปนานนะครับ เราจอดนานมากไม่ได้ เกรงว่าจะเป็นการรบกวนผู้โดยสารท่านอื่น

“ไปแป๊บเดียวค่ะ แฟนเตรียมตัวพร้อมแล้ว เดี๋ยวไปถึงก็จะออกมาด้วยกันทันที…” จากนั้นเธอก็เดินหายเข้าไปในซอยมืดๆข้างทาง

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนยิ่งรอเวลาก็ยิ่งล่วงเลยไป ผู้หญิงคนที่ว่าหายไปในความมืดอย่างไม่มีทีท่าว่าจะกลับออกมา กระทั่งผ่านไปกว่า 10 นาที คุณมงคลจึงได้บอกให้เด็กรถลงไปตามที เข้าใจว่าน่าจะไม่ไกลมาก หากเดินไปเจอบ้านคนก็ให้ลองเรียกดู แม้ว่าเด็กรถจะไม่ค่อยเห็นด้วยก็ตาม…

“นี่มันตี 2 แล้วนะพี่ ไปเรียกแบบนั้นจะไม่เป็นไรเหรอ?”

“เอ็งลองไปเรียกดูเถอะ คงมีไม่มีกี่หลังหรอกแถวนี้”

ในขณะที่ตัวเองก็ทำทีเป็นลงไปเช็คสภาพรถ ดูลมยาง ดูหม้อน้ำไปพลาง เพราะเกรงว่าผู้โดยสารคนอื่นจะสงสัยแล้วหงุดหงิด กระทั่งผ่านไปอีกราว 5 นาทีเด็กรถก็เดินกลับมา

“พี่.. ผมเดินไปไกลมาก ไม่เห็นจะมีบ้านใครสักคนเลยว่ะพี่ !”

ผมก็แปลกใจว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง ก็เห็นอยู่ว่าเธอเดินเข้าไปในซอยนี้ เด็กรถบอกว่า

“ถ้าพี่ไม่เชื่อก็ลองเดินเข้าไปดูด้วยกันไหมล่ะ”

“จะบ้าเหรอ ถ้าไปกันหมดแล้วผู้โดยสารคนอื่นๆ ล่ะ แล้วถ้ารถหายล่ะจะทำยังไง?”

แล้วเด็กรถมันก็นึกอะไรออก มันบอกให้ผมทำทีเป็นถอยรถ แล้วหันหัวเข้าไปในซอย จะได้ให้ไฟหน้ารถส่องเข้าไป เผื่อว่าเธอเดินกลับมาเราจะได้เห็น ผมก็โอเครีบทำตามเลย

พอหันหัวรถเข้าไปในซอย สาดไฟเข้าไป นึกสภาพนะครับ มันเป็นทางลูกรัง แล้วสองข้างทางเป็นป่ากกขึ้นสูงรกๆ เลย เด็กรถมันเลยรีบบอก

“เนี่ยพี่ ผมเดินเข้าไปมันไม่มีอะไรเลย เห็นไหม?”

ผมก็ยังสงสัย ว่ามันอาจจะมีซอกซอยแยกไปไหนอีกหรือเปล่า แต่ขณะที่เพ่งสายตามมองอยู่นั่นเอง ผมกับเด็กรถก็เห็นร่างของผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินฝ่าความมืดกลับมา แล้วเหมือนกับถืออะไรบางอย่างมาด้วย ผมเลยบอกเด็กรถให้ไปช่วยเธอถือของมาหน่อย เพราะนี่มันก็นานมากแล้วที่จอดรถรอตรงนี้.. เด็กรถก็รีบวิ่งไปเลย พอเด็กรถวิ่งไปถึงตรงผู้หญิงคนนั้น อยู่ๆ มันก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง

“พี่ๆๆๆ ขึ้นรถๆๆ” พร้อมกับวิ่งกลับมาขึ้นรถหน้าตาตื่น แล้วบอกให้ผมขึ้นรถๆๆๆ

ผมก็งงว่ามันเป็นอะไร แต่ถามยังไงมันก็ไม่พูดอะไรนอกจาก ‘ขึ้นรถเร็วๆๆๆๆ ขึ้นรถๆๆๆ’ ผมเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังจะมาถึงแล้ว เลยเดินเข้าไปจะไปช่วย ก็ถามไปด้วยเดินไปด้วยว่า ‘อ้าว ทำไมเดินมาคนเดียว แล้วแฟนล่ะ?’ จนผมเดินไปถึงเธอ เท่านั้นล่ะ ผมร้องลั่นเลยครับ

“ผีหลอกกกกก !! ผีหลอกกกกก !!!”

ผมรีบวิ่งกลับรถแบบไม่เหลียวหลังเลย เด็กรถก็ตะโกนเรียก ‘พี่เร็ว! ขึ้นรถ!!’ ผมขึ้นรถได้รีบสับเดียร์ถอยหลังแล้วขับออกจากตรงนั้นทันที ผมถามเด็กรถคำแรกว่า

“ทำไมเมิงไม่บอกกุ?”

เด็กรถก็บอกว่า “ผมบอกพี่แล้วว่าให้ขึ้นรถ พี่ไม่ฟังผม”

ผมก็บอกว่า “ทำไมเมิงไม่บอกกุ ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คน !”

พอรวบรวมสติได้ผมกับเด็กรถก็คุยกันถึงสิ่งที่เห็น ผมถามมันว่า “เมิงว่าไอ้ที่เราเห็นเนี่ย มันจริงไหมวะ?” เด็กรถบอก

“จริงแน่นอนพี่ เพราะคนบ้าอะไรจะมาลากโลงศฺพออกมาจากซอยตอนตี 2 ตี 3!!”

“แล้วในโลงยังมีร่างผู้ชายนอนอยู่ แล้วนั่งขึ้นมาพนมมือเหมือนถูกมัดตราสัง! แถมยังบอกด้วยว่า พี่..ช่วยไปส่งผม ศาลาหน้าด้วย..”

ผมได้ฟังนี่แทบช็อค เพราะที่ผมเห็นคือเห็นแค่ว่าผู้หญิงคนนั้นลากโลงศฺพออกมา แต่ไม่เห็นว่าในโลงมีอะไร..

บทสรุปเรื่องผีเดอะช็อค สุดสะพรึง!

จนผมขับรถเลยไปเข้านครสวรรค์ ก็จะมีป้อมตำรวจทางหลวง มีคนโบกรถ และมีผู้โดยสารบางคนจะลงไปเข้าห้องน้ำ ผมกับเด็กรถก็เลยไปสอบถามกับตำรวจว่าไอ้ตรงนี้ หลักกิโลเท่านี้ๆ เนี่ย มันเคยมีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ตำรวจก็คับคล้ายคับคลา แล้วก็เล่าให้ฟังว่า

“เมื่อสักเดือนก่อน มีผู้หญิงมารอแฟนอยู่ที่ศาลาริมทาง แล้วโชคร้ายถูกกลุ่มวัยรุ่นต่างอำเภอ เมามาจากไหนไม่รู้ กำลังลากผู้หญิงไปรุมโทรฺม แต่แฟนขับรถตามมาเห็นพอดี เลยมีเหตุทะเลาะวิวฺาทกัน สุดท้ายทั้งผู้ชายและผู้หญิงถูกฆ’าตฺาย แล้วหมกศฺพไว้ที่ศาลารถ แต่ศาลาไหนไม่รู้ จำไม่ได้ กว่าจะเจอศฺพก็ 3-4 วันแล้ว..”

“เมื่อสักเดือนก่อน มีผู้หญิงมารอแฟนอยู่ที่ศาลาริมทาง แล้วโชคร้ายถูกกลุ่มวัยรุ่นต่างอำเภอ เมามาจากไหนไม่รู้ กำลังลากผู้หญิงไปรุมโทรฺม แต่แฟนขับรถตามมาเห็นพอดี เลยมีเหตุทะเลาะวิวฺาทกัน สุดท้ายทั้งผู้ชายและผู้หญิงถูกฆ’าตฺาย แล้วหมกศฺพไว้ที่ศาลารถ แต่ศาลาไหนไม่รู้ จำไม่ได้ กว่าจะเจอศฺพก็ 3-4 วันแล้ว..”

พอผมกับเด็กรถได้ยินเท่านั้นล่ะ มองหน้ากันทันที ชัดเลย.. หลังจากนั้นมา ผมจะไม่รับผู้โดยสารตามศาลารอรถอีกเลย จะรับแต่จากป้อมตำรวจทางหลวงเท่านั้นครับ

ขอขอบคุณเรื่องผีเดอะช็อค : “คนเรียกรถทัวร์” จาก หลอนศาสตร์ by The Shock
อ่านเรื่องผี the shock เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

12/02/2020

เรื่องผี the shock | คุณไสยในกุฏิพระ ประสบการณ์จำวัดสุดหลอน

เรื่องผี the shock เรื่องนี้ เป็นเหตุการที่ “คุณเบน” ได้เล่าไว้ในรายการ the shock 13 fm ในชื่อเรื่องว่า “ทางผีผ่าน” โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นตอนี่คุณเบนและน้องชายไปบวชและได้ที่พักเป็นห้องหนึ่งบนชั้นสองของกุฏิที่ว่างอยู่ แต่ภายในห้องที่ว่ากลับมีของบไางอย่างที่ดูเหมือนว่าจะถูกเตือนเอาไว้ว่า “ห้ามแตะต้องอย่างเด็ดขาด” จนน่าสงสัยว่า ของเหล่านั้นหรือแม่กระทั่งห้องนี้ เคยใช้ทำอะไรมาก่อน…

เรื่องผี the shock ประสบการณ์จำวัดในห้องที่เคยใช้ทำคุณไสยมนต์ดำ

เรื่องผีเดอะช็อคจากประสบการณ์ของคุณเบนผู้เล่า ครั้งเมื่อคุณเบนและน้องชายไปบวชที่วัดแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยที่พระพี่เลี้ยงก็พาทั้งคู่ไปพักที่กุฏิบนชั้น 2 อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณเบนเข้าไปยังห้องดังกล่าวก็รู้สึกแปลกใจ เนื่องจากห้องอื่นๆจะมีพระพุทธรูปประดิษฐานตั้งไว้ในทุกห้อง แต่ห้องที่ตนได้กลับมีบาตรที่มีลายเหมือนอักขระอาคมเขียนเอาไว้แทน

บาตรที่ว่ายิ่งดูไม่ชอบมาพากลเข้าไปอีก เมื่อพระพี่เลี้ยงกำชับอย่างหนักแน่นว่า “ห้ามไปแตะต้องบาตรนั่นเด็ดขาด” แต่คุณเบนในตอนนั้นก็ไม่ได้อยากรู้อยากเห็นจนถึงขนาดจะออกปากถามว่าบาตรนั่นมันคืออะไร จนกระทั่งตกดึก คุณเบนกับน้องก็จัดแจงธุระส่วนตัวก่อนที่จะฝึกท่องบทสวดสำหรับประกอบการบิณฑบาตรในเช้าวันรุ่งขึ้น อย่างไรก็ตามคุณเบนพึ่งสังเกตเห็นว่า หากมองออกไปทางหน้าต่าง ห้องนี้จะมีทิศทางที่ตรงกันกับ “ทางสามแพร่ง” ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักพอดี

ขณะที่ทั้งคู่ยังคงฝึกท่องบทสวดกันอย่างขะมักเขม้น จนถึงจุดหนึ่งที่รู้สึกว่า การออกเสียงด้วยกันจะทำลายสมาธิของกันและกันเสียมากกว่า จึงแยกย้ายกันไปฝึกโดยที่คุณเบนท่องบทสวดอยู่ในห้อง ส่วนน้องชายหรือคุณแบล็คออกไปท่องอยู่หน้าห้อง กรั่ผ่านไปสักพักหนึ่งคุณเบนก็ได้ยินเสียงของพระพี่เลี้ยงลนลานพูดขึ้นว่า “พระแบล็ค โต๊ะตัวนี้ก็นั่งไม่ได้นะ ห้ามแตะต้องเด็ดขาด เมื่อกี่หลวงพี่ลืมบอก” คุณเบนจึงออกไปดูและพบว่าน้องชายนั่งท่องบทสวดอยู่บนโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งตั้งว่างๆอยู่หน้าห้อง ทั้งคู่ทำตามคำขอด้วยดี แต่คุณเบนอดคิดในใจไม่ได้ว่า…อะไรกัน ทำไมข้อห้ามเยอะแยะไปหมด แม้กระทั่งการแตะต้องข้าวของเครื่องใช้ในห้อง ดูผิดธรรมชาติพิกล คุณเบนจึงชวนคุณแบล็คน้องชายลงมาท่องด้านล่างกุฏิ

พอลงมาด้านล่างกุฏิ ก็พบกับหลวงพี่อีกท่านนึง ยิ้มทักทายอย่างเป็นกันเองก่อนจะสอบถามว่าทั้งคู่พักอยู่ห้องไหน คุณเบนจึงชี้ขึ้นไปยังห้องบนชั้น 2 ของกุฏิแล้วบอก หลวงพี่ท่านนั้นเห็นแล้วก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยพรางหัวเราะร่วน “ห้องนี้เองเหรอ ตรงข้ามกับห้องอาตมาพอดีเลย” คุณเบนเห็นท่าทางนั้นก็อดสงสัยไม่ได้ จึงพยายามสอบถามว่าที่ห้องนั้นเคยมีประวัติอะไรหรือเปล่า ทีแรกหลวงพี่ก็เหมือนจะเลี่ยงๆ กระทั่งพอถูกถามซ้ำก็ตอบว่า “ถ้าจะให้อาตมาเล่าให้ได้ ท่านทั้งสองอย่ากลัวนะ…” คุณเบนกับน้องกับตบปากรับคำ หลวงพี่ก็เล่าให้ฟังว่า ห้องนั้นมีประวัติจริง! ก่อนหน้านี้พระเจ้ากุฏิเก่าเคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีคุณไสย โดยนำร่างผีตายโหงมาไว้ในห้อง ก่อนที่จะมรณะภาพไป! โดยเฉพาะโต๊ะที่คุณแบล็คน้องชายนั่งเมื่อสักครู่ เคยเป็นที่ที่ใช้วางศพพอดิบพอดี

คุณเบนกับน้องชายได้ฟังแล้วก็หักห้ามความกลัวไม่ได้จริงๆ คิดแต่เพียงว่า แบบนี้นอนไม่ได้แน่ๆ จึงตัดสินใจนำหมอนผ้าห่มลงมาขอนอนในกุฏด้านล่าง ปรากฏว่ากุฏิด้านล่างก็มีพระหลวงพี่นอนอยู่ 2 รูปแล้ว ซึ่งรูปหนึ่งควรจะต้องนอนในชั้น 2 ที่ว่านั่น แต่ก็ไม่สามารถนอนได้เช่นกันจนต้องหนีลงมานอนข้างล่างแทน อย่างไรก็ตามหลวงพี่ท่านก็ได้อนุญาตให้นอนด้วยกันได้ กระทั่งตกดึกมีเพียงคุณเบนเท่านั้นที่ยังตื่นอยู่ เมื่อสังเกตไปรอบห้องก็พบว่าพระรูปอื่นๆกระทั่งน้องชายหลับไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรตนก็ไม่อาจจะข่มตาหลับได้หลังได้รบฟังเรื่องชวนขนลุกดังกล่าว

ระหว่างที่พลางครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย คุณเบนก็ได้ยินเสียงคล้ายกับ “มีใครบางคน?” เดินย่ำไปมาอยู่บนห้องชั้นบน ที่ซึ่งไม่ควรจะมีใครอยู่บนนั้น คุณเบนกวาดสายตาไปรอบห้อง ครั้นจะปลุกหลวงพี่ขึ้นมาฟังก็เกรงใจ จึงสะกิดน้องข้างๆแทน แต่ทันทีที่น้องลืมตาตื่นขึ้นมา…จู่ๆก็เกิดสะดุ้งตกใจอย่างรุนแรงราวกับเจอผีสางนางไม้ จนรีบผงะถอยครูดเข้าไปติดหลวงพี่ จนหลวงพี่ต่างรู้สึกตัวและเปิดไฟในห้องจนสว่างไปทั่ว คุณเบนสอบถามน้องว่าเกิดอไรขึ้น เป็นอะไรไป แต่คุณแบล็คน้องชายก็สงบลงก่อนที่จะบอกปัดๆไปว่าเปล่า ไม่มีอะไร จึงเป็นอันว่าหลวงพี่ก็ปิดไฟจะนอนต่อ ในระหว่างนั้นเองที่น้องชายสารภาพกับคุณเบนว่า…ตัวเองเจอดีเข้าให้แล้ว!

คุณเบนพยายามสอบถามว่าไปเจออะไรเข้า คุณแบล็คเลยเล่าให้ฟังว่า ตอนที่คุณเบนปลุกขึ้นมานั้น ตนก็ค่อยๆหรี่ตาขึ้นมา แต่แทนที่จะเห็นหน้าพี่ชาย กลับกลายเป็นหน้าใครบางคนแสยะยิ้มสยองให้แทน! คุณเบนอดรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาซะเฉยๆไม่ได้ ขณะที่หลวงพี่ก็พยายามปลอบว่าอย่าไปคิดมากเลย เดี๋ยวอาตมาจะเฝ้ายามให้ ให้ทั้งคู่นอนพักผ่อนเถอะ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าจะหลับกันได้ง่ายๆในสถานการณ์เช่นนี้ กระทั่งคุณเบนสังเกตเห็นว่าพระหลวงพี่ที่นั่งเฝ้ายามนั้น ไม่ได้นั่งเฝ้าเฉยๆ แต่ท่องคาถาบทสวดอะไรบางอย่างไปด้วย จึงเริ่มรู้สึกคลายกังวลและหลับไปในที่สุด

เช้าวันรุ่งขึ้นคุณเบนและน้องก็ออกบิณฑบาตและปฏิบัติกิจวัตรของสงฆ์ได้อย่างเป็นปกติ กระทั่งคืนนั้นคุณเบนและน้องก็สวดมนต์แล้วเข้านอนกับหลวงพี่เช่นเดิม ก็ได้ยินเสียงใครบางคนเดินไปมาอยู่ด้านบนเหมือนเมื่อคืน แต่ที่แย่กว่านั้นคือ…เสียงที่ว่าคล้ายกับค่อยๆย่างฝีเท้าลงมาตามบันได ก่อนที่จะมาหยุดที่หน้าประตูแล้วเดินไปมาอยู่รอบๆ! คุณเบนเล่าว่ารู้สึกเหมือนกับว่ามีใครเข้ามาเดินสวนไปมาอยู่รอบๆตัวในความมืด แม้จะไม่เห็นตัวก็ตาม แต่คงจะมีมากกว่า 3 !! คุณเบนพยายามเรียกหลวงพี่ข้างๆก่อนจะถามถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้น แต่หลวงพี่ตอบสั้นๆเพียงว่า “มันเป็นเรื่องปกติ” แต่คุณเบนไม่สามารถคิดแบบนั้นได้แต่ๆ

เหตุการณ์นี้เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกคืน จนคุณเบนต้องกินยาช่วยให้นอนหลับอยู่เป็นประจำ กระทั่งคืนที่ 9 เป็นคืนที่มีหลวงพี่บวชใหม่จะมาพักห้องด้านบนที่ว่า คืนนั้นคุณเบนกับน้องก็สวดมนต์เหมือนที่ทำทุกคืน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินไปมา และขึ้นลงบันไดอยู่ 4 เที่ยว แต่เนื่องจากเริ่มจะชินชาเลยไม่ได้ใส่ใจมากนัก แต่แล้วจู่ๆคราวนี้ก็มีเสียงเคาะประตูดังลั่นจนตกใจกันทั้งห้อง ปรากฎว่าเป็นหลวงพี่มาใหม่นั่นเองที่มาเคาะ ก่อนที่จะออกปากถามว่า “มีใครมาเคาะประตูห้องอาตมาเล่นหรือเปล่า?” ได้ใจความว่าหลวงพี่ท่านนี้ได้ยินเสียงเคาะที่ประตู แต่พอเปิดออกไปดูก็ไม่พบใครอยู่หลายรอบ คุณเบนจึงสอบถามว่าคืนนี้หลวงพี่เดินลงมากี่รอบ? ท่านตอบกลับมาว่า “พึ่งจะลงมารอบเดียวนี่แหละ” สรุปว่าหลังจากพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอยู่ครู่นึง หลวงพี่ท่านนั้นก็ตัดสินใจลงมานอนด้วยกันเพิ่มเป็น 5 รูป

ขอบคุณที่มา เรื่องเล่าผี : https://pantip.com/topic/36405715

อ่านเรื่องผี เดอะช็อค เรื่องอื่นๆ >> กดที่นี่

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

02/02/2020

เรื่องผีเดอะช็อค | เจอผีทัก..ใส่พระเหรอ? รอดตัวไปนะคราวนี้!

ประสบการณ์สยองขวัญในวันนี้เป็นเรื่องผีเดอะช็อคจาก “คุณปุ้ย” ซึ่งได้โทรเข้าไปบอกเล่าเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกใน the shock radio ในชื่อเรื่อง “เมิงใส่พระเหรอ” โดยเป็นครั้งเมื่อตนและเพื่อนร่วมวงดนตรีเดินทางไปทำงานที่ภูเก็ต แล้วระหว่างทางก็เจอวิญญาณผู้หญิงร่างๆบิดๆเบี้ยวๆตามติด โดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน หรือมีวัตถุประสงค์อะไร จนกระทั่งเรื่องทุกอย่างเฉลยออกมา…

เรื่องผี เดอะช็อค เรื่องนี้…มีอยู่ว่า!

เรื่องนี้เกิดกับคุณปุ้ย ซึ่งมีอาชีพเป็นนักดนตรีแบ็คอัพ เมื่อราวห้าปีที่ผ่านมา ตอนนั้นคุณปุ้ยได้เดินทางจากสงขลาไปเล่นดนตรีด้วยรถตู้ซึ่งก็มีสมาชิกอีกเกือบสิบคน และเขาได้ที่นั่งเป็นเบาะท้ายสุด โดยมีจุดหมายปลายทางคือจังหวัตภูเก็ต โดยที่ไม่คาดคิดย่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์เรื่องเล่าผี

พอตอนราวๆ 4 ทุ่ม คุณปุ้ยเกิดอยากยิงกระต่าย ก็เลยบอกให้คนขับหยุดรถ สองข้างทางเป็นป่าครึ้ม ขณะที่ออกเดินเลียบไหล่ทาง และมองหาพงหญ้าเพื่อปัสสาวะ จู่ๆคุณปุ้ยก็รู้สึกเหมือนเดินไปเฉี่ยวกับอะไรบางอย่างแล้วล้มลงไป แต่เนื่องด้วยความมืดและพงหญ้าที่ขึ้นสูงจึงมองไม่เห็นอะไร คุณปุ้ยก็เพียงแต่ทำธุระจนเสร็จแล้วขึ้นรถไป

แต่หลังจากนั้นผ่านไปสักพักใหญ่ ขณะที่คนอื่นๆในรถพากันหลับไหลกันหมด คุณปุ้ยสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ พรางมองออกไปที่กระจกด้านข้าง ก็พบสิ่งที่คล้ายกับใครบางคนในชุดเก่าขาดปอน กำลังนอนหงิกงออยู่กลางถนน ดูคล้ายกับประสบอุบัติเหตุ คุณปุ้ยเลยทักถามคนขับด้วยความตื่นตระหนก “พี่ๆ เมื่อกี้เห็นอะไรมั้ย?” …. “เปล่า ไม่เห็นนะ แล้วปุ้ยเห็นอะไร?” คุณปุ้ยเลิ่กลั่กสำทับไปว่าตนคงตาฝาดไปเอง แต่หลังจากระผ่านไปได้ไม่นานนัก ก็ยังเจอกับสิ่งที่ว่าอยู่อีก คราวนี้คุณปุ้ยปลุกรุ่นน้องที่นั่งหลับอยู่ข้างกัน

“พี่ว่าพี่เจอผีว่ะ”

รุ่นน้องได้ฟังแล้วดูไม่ยี่หร่ะนัก พร้อมแนะนำให้หลับตานอนไปดีกว่า และอย่าไปทักก็พอ คนก็อยู่ส่วนคน ผีก็อยู่ส่วนผี อย่างไรก็ตาม คุณปุ้ยก็ไม่อาจหลับลงจนกระทั่งผ่านไปสักพักก็ยังเจออีก เห็นดังนั้นก็ความหาสร้อยพระบนคอขึ้นมากำแล้วสวดมนต์อยู่หลายบท ผู้หญิงตัวหงิกงอหันหน้ามามองทางคุณปุ้ย นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นได้ชัดเจนว่าร่างนั่นเป็นผู้หญิง

กระทั่งถึงที่พักโดยที่จะแบ่งกันพักกันห้องละ 2 คน ทั้งหมด 5 ห้อง ขณะที่เพื่อนๆคนอื่นๆออกไปสังสรรค์กัน แต่คุณปุ้ยขอตัวเข้าห้องไปพักผ่อนเอาแรง เนื่องจากไม่ได้นอนเลยตอนที่นั่งรถมา หลังอาบน้ำเสร็จแล้วเข้านอนได้สักพัก คุณปุ้ยก็ได้ยินเสีงใครบางคนเคาะประตูเบาๆดังมา คุณปุ้ยรีบลุกขึ้นไปเปิดทันทีด้วยเข้าใจว่าอาจเป็นรุ่นน้องที่กลับมาจากสังสรรค์กัน แต่ปรากฎว่าก็ไม่พบใคร เลยเข้าใจไปว่าเสียงเคาะดังกล่าวคงเป็นเสียงห้องข้างๆกัน กระทั่งจะกลับขึ้นเตียงก็ได้ยินเสียงเคาะอีก  และเมื่อเดินเข้าไปใกล้ประตูก็มั่นใจว่าเสียงนั่นกำลังเคาะประตูห้องที่ตนอยู่ คุณปุ้ยชะโงกไปส่องดูที่ตาแมวบนประตู แล้วก็ต้องผงะถอยหลัง ตกใจอย่างรุนแรง เนื่องจากสิ่งที่พบเจอคือ ตาใครบางคนที่แดงก่ำจ้องกลับมาจากอีกฝั่งของประตู! คุณปุ้ยตัดสินใจเปิดประตูสวนกลับไปทันที แต่กลับไม่พบอะไรอยู่ตรงนั้น ดวงตาที่ว่าหายไปทันควันยังกับภูตผี

คุณปุ้ยปิดห้องล็อคประตู และใส่กุญแจอย่างแน่นหนาแล้วกลับมานั่งสวดมนต์ที่เตียง ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนหลับไป กระทั่งผ่านไปนานแค่ไหนไม่ทราบ คุณปุ้ยรู้สึกอึดอัดเลยสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา แล้วก็ต้องได้ยินเข้ากับเสียงประตูที่กำลังถูกเปิดแง้มออกดัง “แอ๊ด..ด” คุณปุยจำได้ว่าตนเองได้ปิดและล็อคจากด้านใน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครเปิดเข้ามา ด้วยความสงสัยเลยหรี่ตามองในความมืด แสงบางส่วนที่ส่องเข้ามาจากด้านนอก เผยให้เห็นร่างของเพศหญิง ที่มีลำตัวบิดเบี้ยว แขนงอหัก โผล่ออกมาจากมุมมืดข้างห้องน้ำ! ร่างนั้นค่อยๆใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาที่เตียงแล้วกระซิบกระซาบว่า…

“เมิงใส่พระเหรอ…”

จบคำพูดนั้นร่างของผีผู้หญิงคนนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไป ทิ้งให้คุณปุ้ยนอนเหงื่อแตก กระทั่งเหตุการณ์สงบ ตนจึงรีบวิ่งออกไปรวมกับเพื่อนที่สังสรรค์รวมกันในอีกห้องหนึ่ง แม้ว่าหลังจาก เล่าเรื่องผี ให้ใครๆฟัง ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า…เอ็งแค่ตาฝาด! บ้างก็ว่าพักผ่อนน้อยจนคิดไปเอง ดูเหมือนจะมีเพียงคุณปุ้ยเพียงคนเดียวที่กำลังเผชิญหน้ากับเรื่องสยองขวัญตามลำพัง แต่อย่างไรก็ตามคุณปุ้ยยังนั่งอยู่ด้วยจนตี 4 โดยไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องผีผู้หญิงนั่นอีกเลย

คุณปุ้ยเล่าผ่านรายการ the shock ว่ากระทั่งวันถัดมาได้พากันย้ายโรงแรมไปพักอีกที่หนึ่ง และในคืนนั้นเองที่คุณปุ้ยได้พบกับหญิงคนนั้นอีก ขณะที่ตนเองกำลังเล่นดนตรีบนเวทีคอนเสิร์ตอยู่นั้น ก็ได้พบเห็นเธอคนเดิมในสภาพร่างบิดเบี้ยว ผลุบโผล่อยูในกลุ่มผู้ชมซ้ายทีขวาที เห็นอยู่ 6-7 ครั้ง คืนนั้นทำเอาคุณปุ้ยโดนตำหนิในหน้าที่อย่างมาก เนื่องจากเล่นผิดพลาดบ่อย แต่ก็นั่นแหละ เขาไม่กล้าที่จะเล่า เรื่องผี ผู้หญิงออกไปแล้ว เกรงว่าจะถูกหัวเราะเยาะเอาเปล่าๆ

หลังเลิกงานกลับที่พัก คืนนี้คุณปุ้ยไหว้วานให้น้องรูมเมทนอนเป็นเพื่อนที ไม่ต้องออกไปสังสรรค์ในคืนนี้ รุ่นน้องได้ยินดังนั้นก็ตอบว่าได้ แต่ว่า…พี่พอจะมีของดีไว้ให้อุ่นใจบ้างไหม คุณปุ้ยจึงแบ่งของขลังเป็นเขี้ยวเสือไว้ให้พกติดตัว หัลงจากนั้นแม้ว่าจะไม่เห็นตัวเป็นๆ แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จะได้ยินเสียงของหล่น เป็นรีโมททีวีบ้าง ขวดครีมอาบน้ำบ้าง ราวกับถูกรบกวน

กระทั่งกลางดึกราวตี 2 คุณปุ้ยก็ต้องสะดุ้งลุกขึ้นตื่นเพราะตกใจเสียงร้องของรุ่นน้องที่อยู่ด้วยกัน

“เห้ยยยย! พี่..ลุกเร็ว!”

คุณปุ้ยตกใจกับสิ่งที่เหิดขึ้นแม้จะยังไม่ทราบว่ามันเรื่องอะไร รุ่นน้องก็ชวนออกจากห้องแล้วลงไปที่ล้อบบี้โรงแรมทันที

“โรงแรมนี้มีผีรึเปล่าครับ”

นั่นคือสิ่งที่รุ่นน้องถามกับพนักงานต้อนรับ แต่คุณปุ้ยรู้ดีว่าไม่ได้อะไร เพราะผีไม่ได้อยู่ในโรงแรม แต่มันตามเขามา… แล้วรุ่นน้องก็เล่าให้ฟังว่า ขณะที่นอนอยู่นั้น เขาได้ยินเสียงเปิดประตูและเดินในห้อง ทีแรกเข้าใจว่าเป็นคุณปุ้ยลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่พอลุกขึ้นมาดูดีๆก็ต้องหน้าซีด เพราะมีแขกไม่ได้รับเชิญ ยืนชี้นิ้วหงิกงออยู่หน้าเตียงคุณปุ้ยพร้อมพึมพำว่า…

“เมิงทำกรุ! เมิงทำกรรรรุ…”

จนรุ่นน้องร้องด้วยความตกใจนั่นแหละ ร่างนั้นก็หายไปเลย

คุณปุ้ยยังเล่า เรื่องผี เดอะช็อค ต่อไปอีกว่าหลังจากวันนั้นทางคณะก็เดินทางกลับสงขลาโดยใช้เส้นทางเดิม ขณะที่มีโอกาสได้พักทานอาหารกันระหว่างทาง คุณปุ้ยจำได้ว่าแถวนั้นใหล้กับจุดที่คุณปุ้ยเห็นร่างนั่นครั้งแรก เลยลองเรียบเคียงถามแม่ค้าดู ได้ความว่าไม่กี่วันก่อนมีคนทำศาลเพียงตาที่ห่างออกไปที่ข้างทางล้มจนหักพัง เรื่องนี้ย้อนความทรงจำของคุณปุ้ยทันที อา…ใช่แล้ว เป็นเราเองนั่นแหละที่ดันไปเดินเฉี่ยวจนล้มตอนแวะชิ้งฉ่องข้างทาง แม่ค้าเล่าอีกว่า เมื่อก่อนมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนรอรถอยู่ข้างทาง ถูกรถขับชนแล้วหนีไป นางค่อนข้างจะของแรงมาก ทำให้ชาวบ้านต้องตั้งศาลเพียงตาขึ้น มีคนเห็นอยูบ่อยๆ

อย่างไรก็ตาม คุณปุ้ยไม่ได้เล่าเรื่องที่ตนเองเป็นตัวการทำศาลล้มให้ใครรู้ แล้วจะกลับไปที่ศาลเพื่อซ่อมแซมก็ทำไม่ได้ เนื่องจากมากันเป็นหมู่คณะก็เกรงจะทำให้คนอื่นเสียเวลา เสียการงานได้ จนกระทั่งกลับมาถึงสงขลา ขณะที่คุณปุ้ยกำลังจะเดินเข้าบ้านอยู่นั่นเอง เสียงพ่อคุณปุ้ยก็ร้องทักขี้นว่า…

“เดี๋ยว! เอ็งพาใครมาด้วย…”

คุณปุ้ยถึงกับสะดุ้งด้วยถูกทักในเรื่องที่มองไม่เห็นได้ด้วยตา นี่ยังตามมาอีกถึงบ้านเลยหรือเนี่ย! ซึ่งหากใครได้ฟัง the shock ในวันนั้น ต้องพลอยขนลุกตามไปด้วยแน่นอน…

“พรุ่งนี้เอ็งไปวัดแต่เช้าเลยนะ เค้าตามเอ็งมาแต่เข้าบ้านไม่ได้เพราะมีเจ้าที่อยู่”

บทสรุปความพยาบาทของ เรื่องผี เดอะช็อค โดยคุณปุ้ย

คืนนั้นเป็นอีกคืนที่คุณปุ้ยต้องทนอยู่กับความหลอน และพบเห็นผู้หญิงคนนั้นมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่นอกรั้วบ้านทั้งคืน จนเช้ารุ่งขึ้นไปวัดและเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลวงพ่อฟัง ท่านได้ฟังก็กล่าวว่า

“เอาแบบนี้นะ คือเค้าไม่ยอม เค้าโกรธที่เอ็งไปพังบ้านเขา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ เอ็งต้องกลับไปทำศาลให้เขา”

ในวันเดียวกันนั้นเอง คุณปุ้ยจัดแจงรีบกลับไปยังจุดที่เคยเป็นที่ตั้งของศาลนั้นพร้อมกับเพื่อนอีกคน ภาพที่เห็นคือมีกองซากศาลไม้ขนาดเล็กที่ผุกร่อน กับถาดไม้และกระถางปักธูป คุณปุ้ยตั้งศาลให้ใหม่พร้อมทั้งยังนิมนต์หลวงพ่อมาทำพิธีและขอขมาลาโทษ

ในภายหลังคุณปุ้ยยังคงพบเจอผู้หญิงคนนี้อยู่ แต่เป็นในฝัน เธอมาในสภาพดูดี ไม่ใช่ร่างที่บิดเบี้ยวแขนขางอๆ เหมือนที่แล้วมา นัยว่า…คงได้รับการอภัยแล้ว และนี่ก็คือเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งนำมาเล่าสู่กันฟังใน เรื่องผี เดอะช็อค

ขอขอบคุณที่มา อ่านกระทู้ผี : เรื่องสยองของแอนนี่

อ่านเรื่องผี the shock เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

22/11/2019

เรื่องผี the shock | สัมภเวสีตามเรียกชื่อ ถ้าขานรับ=ไม่รอด

เคยได้ยินมั้ย? หากได้ยินเสียงเรียกชื่อกลางคืน…อย่าขานรับ นี่คือ เรื่องผี the shock ที่ยืนยันถึงคำพูดนั้นได้เป็นอย่างดี! เรื่องราวของหลวงพี่ท่านนึง ที่เคยมีอดีตอันผิดพลาดจนนำมาซึ่งการตัดสินใจบวชเพื่อบำเพ็ญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร จากชีวิตวัยรุ่นที่เคยเกเรจนถูกคำสาปตามติดด้วย “บางสิ่งบางอย่าง” ที่ไม่สามารถอธิบายได้ เสียงสยดสยองที่ดังก้องอยู่ในหูคอยเรียกชื่อของท่านตลอดเวลา ราวกับจะชักชวนให้ยอมรับในบาปที่เคยทำไว้บนโลกใบนี้

เรื่องผี the shock จดหมายจากทางบ้านเรื่องนี้ มีอยู่ว่า…

คนเฒ่าคนแก่มักเชื่อและสอนลูกสอนหลานว่า “เวลากลางค่ำกลางคืน หากได้ยินเสียงแปลกๆหรือเสียงร้องเรียก ห้ามทักตอบเป็นอันขาด” สำหรับมุมมองของคนที่ไม่เชื่อเรื่องผี ก็อาจมองว่าเป็นกุศลโลบาย ไม่ให้เด็กๆเอะอะใช้เสียงในยามค่ำคืนให้หนวกหูขาวบ้าน หากแต่ในอีกมุมนึงก็เชื่อว่าเพราะมันเป็นเสียงเรียกของ “วิญญาณ” ดังที่ได้เกิดขึ้นกับหลวงพี่รูปหนึ่งซึ่งได้เล่าผ่านเมล์ในรายการดัง เรื่องผี เดอะช็อค สตอรี่  ในชื่อเรื่อง “หาตัวไม่เจอ” จาก หลวงพี่เอ โดยมีใจความดังนี้…

ในสมัยเมื่อ 8 ปีที่แล้ว หลวงพี่ท่านนี้ยังไม่ได้บวชเป็นพระ เคยเป็นนักเรียนที่พาล นิสัยแย่คนนึง ชอบทำตัวเป็นหัวโจก รวมกลุ่มกันเป็นอันธพาลมีเรื่องและไถตังค์กับคนอื่นเขาไปทั่ว ในตอนนั้นหลวงพี่ถูกเรียกชื่อจากเพื่อนๆในกลุ่มว่า “เอใหญ่” เนื่องจากมีเพื่อนที่ชื่อเอเหมือนกัน ดังนั้นจึงเรียกเป็นเอเล็ก-เอใหญ่ โดนมีเพื่อนในกลุ่มอีกคนคือตั้ม

ในวันนั้นเป็นวันประกาศผลสอบจบการศึกษา นักเรียนและผู้ปกครองจะไปชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก หนึ่งในนั้นเป็น “ป๊อบ” นักเรียนร่วมห้องที่เอใหญ่และกลุ่มเพื่อนมักขู่รีดไถตังค์อยู่เสมอ หากแค่คราวนี้มันเริ่มจากการที่แม่ของป๊อบ ซึ่งในวันนั้นมาเป็นผู้ปกครอง เธอแต่งตัวดูแปลกๆคล้ายกับพวกไหว้เจ้าเข้าทรง ขณะเดินผ่านหน้าเอใหญ่ แม่ของป๊อบก็ชี้หน้าเอแล้วพูดขึ้นว่า…

“ระวังตัวไว้เถอะเอ็ง จะอยู่ได้อีกไม่นาน มีคนเขามารอแล้ว”

ป้าของเอที่ไปในฐานะผู้ปกครองได้ยินก็ตกใจ ในขณะที่เอฉุนเฉียวอย่างเดือดดาล “ปัญญาอ่อน” แต่เอก็ไม่ได้สนใจจะอยู่โต้เถียงมากไปกว่านั้น

ความสยองจริงๆของ เรื่องผี the shock เรื่องนี้พึ่งจะเริ่มต้น! เมื่อหลังจากวันนั้นไปราวสองอาทิตย์ ปิดเทอมใหญ่ประจำภาคเรียนก็มาถึง ในขณะที่เอนอนเล่นอยู่บ้าน เพื่อนที่ชื่อตั้มและเอเล็กก็โทรมาชวนไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนร่วมห้องอีกราวสิบกว่าคน เอตบปากรับคำ จนกระทั่งวันนั้นมาถึง พวกเขาเหมารถกันไปเที่ยวระยอง โดยได้ที่พักเป็นบ้านบังกะโลสองชั้น ซึ่งไม่ไกลจากชายหาดนัก

หลังจากเล่นน้ำทะเลที่หาดจนเริ่มมืด ทั้งหมดจึงชวนกันไปกินข้าวเย็น โดยจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ที่พักกันก่อน ตอนนั้ราวทุ่มกว่าๆ ขณะที่เอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ข้างบน ก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อแว่วมา

“เอ…เอ…”

เอคิดในใจโดยไม่ได้ขานตอบเพียงว่า “จะเรียกทำไมนักนะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” โดยคิดว่าเป็นเพื่อนคนนึงมาตามมาเร่งให้รีบลงมา แต่ที่แปลกคือพอให้หลังไปแผลบเดียว เอก็ลงมาแต่กลับไม่เจอใครเลย เพื่อนๆไปรออยู่ข้างนอกกันหมด ตอนนั้นในบ้านเหลือแต่เอเพียงคนเดียว…

หลังจากอยู่เที่ยวกันจนดึกดื่น ผองเพื่อนก็กลับมานอนกัน โดยที่เอนอนอยู่ที่ชั้นบนกับเพื่อนอีกหลายคน แต่ในคืนนั้นเอง ขณะที่ทุกคนหลับไปแล้ว จู่ๆเอก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อดังแว่วมาอีก

“เอ…เอ….เอ…..”

มันเป็นเสียงเดิมกับที่ได้ยินตอนหัวค่ำ…เป็นเสียงของผู้ชาย ที่ดูเหมือนจะมีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน ถึงตอนนี้เอเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล เอตัดสินใจนอนฟังต่อไปเงียบๆ โดยไม่ขานรับหรือแสดงท่าทีจะค้นหาต้นตอของเสียง แต่เสียงเรียกก็ยังดังมาเป็นระยะไม่หยุด จนเอต้องล้วงพระออกมากำแล้วท่องบทสวด จนกระทั่งสักพักเสียงเรียกก็หยุดหายไป เอจึงลุกขึ้นมามองหาต้นเสียงท่ามกลางแสงสลัวในความมืด เขาความตามองหาไปรอบๆห้อง ในที่สุดก็ไปเจอสิ่งที่ทำให้ช็อคสุดขีด! มีคนร่างใหญ่โตที่ในมือถือหอดแหลมสองคน กำลังยืนคุยอะไรบ้างอย่างกันที่มุมห้องอีกฝั่ง! ฟังดูไม่เป็นภาษาคน เอตกใจสุดขีดรีบมุดตัวเข้าผ้าห่มไปนอนแทรกกับเพื่อนๆ คลุมโปงแกล้งหลับไม่กระดุกกระดิก กลัวผีก็กลัว แต่ง่วงก็ง่วง จนกระทั่งหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้

จุดพลิกผันของ เรื่องเล่าผี เรื่องนี้ เริ่มขึ้นที่เช้าวันถัดมา… เมื่อเอยังคงได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองอยู่เป็นระยะ มันทำให้เจากลัวแทบเป็นบ้า ในวันนั้นเองเพื่อนๆก็อดแปลกใจกับท่าทีของเอใหญ่ ที่ปกติมักจะโหวกเหวกโหวงเหวง วันนี้กลับดูสงบเสงี่ยมอย่างเหลือเชื่อ แต่ยิ่งกว่านั้นคือเอเล็กก็ดูเซื่องซึมไม่แพ้กัน ในช่วงเย็นกลุ่มเพื่อนๆก็ยังไปเล่นน้ำกันที่ชายหาด เอเล็กลงน้ำไปกับเพื่อนๆ ขณะที่มีเพียงเอใหญ่ที่ยืนอยู่ที่หาด เขายังคงต่อสู้กับเสียงขานเรียกชื่อ “เอ…เอ…” ซึ่งดังขึ้นอีกแล้ว จนในที่สุดเขาก็เริ่มขยับตัว เอใหญ่วิ่งลงตามไปในน้ำแล้วตะโกนเรียกดังก้อง

“ไอ้เอๆ…มีคนเรียกเมิง มีคนกำลังเรียกหาเมิงอยู่…”

“ใครวะ?”

เอเล็กหันกลับมาขานรับด้วยความสงสัย แต่ทันทีที่สิ้นเสียงขานรับ เสียงที่ดังในหูของเอใหญ่ก็หยุดลงทันที ขณะเดียวกับที่ร่างของเอเล็กผลุบหายลงไปในผิวน้ำ คล้ายกับถูกดึงรั้งจากใต้น้ำ แล้วหายไปกับเกลียวคลื่นลมของทะเล เอใหญ่เดินวนมองหาอยู่สักพักก็ไม่พบ จึงตะโกนบอกกับเพื่อนๆคนอื่นให้ช่วยกันหา แต่ก็ไม่พบง่ายๆ ในขณะที่แถวนั้นก็ร้างผู้คน สุดท้ายเลยตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือ ตรมเจ้าหน้าที่มาช่วยกันงมหาอยู่กว่า สองชั่วโมง สุดท้ายก็พบกับร่างของเอที่บัดนี้ได้เย็นชืด ไม่หายใจเสียแล้ว

บทสรุปเรื่องราวชวนสยองของ เรื่องผี เดอะช็อค สตอรี่…

สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ เอใหญ่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครในหมู่เพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นได้ฟัง เขาคิดเอาว่า…บางทีเสียงนั่นอาจต้องการตัวเขา แต่ “เข้าใจผิด” เอาตัวคนที่ชื่อเอเหมือนกันไปแทน อย่างไรก็ตามตั้วแต่วันที่มีงานฌาปนกิจของเอเล็ก เอใหญ่ก็ได้บวชอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร และยังคงบวชเรียนสร้างกุศลต่อเนื่องในผ้าเหลืองจวบจนทุกวันนี้…และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดของ เรื่องผี the shock เรื่องนี้

ขอบคุณที่มา เรื่องเล่าผี : https://pantip.com/topic/36156491

อ่านเรื่องผี เดอะช็อค เรื่องอื่นๆ >> กดที่นี่

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

20/10/2019

เรื่องผี เดอะช็อค : “ใครในห้องน้ำ?” ตึกมหา’ลัยดังนครปฐม

“เงานั้นที่ตึกเรียน” คือ เรื่องผี เดอะช็อค สตอรี่จากคุณนรินทร์ ผู้เล่าจากทางบ้านซึ่งได้ส่งเรื่องราวเข้ามาเป็นอีเมล์ผ่านรายการ The shock โดยบอกว่าเป็นเรื่องราวอันแปลกประหลาดซึ่งเกิดขึ้นในรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ในจ.นครปฐม เรียกได้ว่าพูดชื่อไปรู้จักกันทุกคนแน่ๆ โดยสถานที่เจ้าปัญหาก็คือ ห้องน้ำบนตึกเรียนหลังหนึ่ง…

เรื่องผี เดอะช็อค “เงานั้นที่ตึกเรียน” มีเนื้อหาใจความดังนี้…

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม คุณนรินทร์ผู้ เล่าเรื่องผี เรื่องนี้เองนั้นทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยดังกล่าว โดยได้รับฟังเรื่องมาจากยามที่ดูแลอาคารที่ซึ่งคุณนรินท์เข้าออกอยู่เสมอ โดยห้องทำงานของเขาจะอยู่บนชั้น 3 ในขณะที่ชั้น 2 ซึ่งเป็นที่มาของเรื่องเล่าในคราวนี้จะมีห้องน้ำอยู่

โดยปกติยามจะมีหน้าที่ในการตรวจตราอาคารที่เป็นพื้นที่รับผิดชอบตามช่วงเวลา ด้วยการขี่จักรยานไปตรวจวนดูรอบๆตามตึก อาคารเรียนของนักศึกษาคณะนี้จะมีทั้งสิ้นอยู่สามตึก โดยที่จะอยู่ใกล้ๆกัน จกระทั่งคืนหนึ่งยามได้ไปตรวจตราอาคารเรียนตามปกติ ก็เจออาคารหลังหนึ่งในนั้น ซึ่งเมื่อมองขึ้นไปก็พบว่ามีไฟเปิดค้างไว้บนชั้น 2 และพอสังเกตดีๆก็จำได้ทันทีด้วยความคุ้นเคย ว่าตรงนั้นเป็นที่ตั้งของห้องน้ำบนชั้น 2

แม้จะไม่ใช่เรื่องแปลกหากมีใครที่จะลืมปิดไฟแล้วเปิดทิ้งไว้ อีกทั้งก็ไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของเขาที่จะขึ้นไปปิดไฟ แต่ก็มีอะไรให้ชวนแปลกใจว่าทำไมถึงมีแค่ห้องน้ำตรงนั้นที่มีไฟสว่างลอดออกมาจากกระจกที่บุไว้ช่วงบนของผนังห้องน้ำ ขณะที่เขากำลังจะเริ่มปั่นจักรยานออกไป ตาก็ไปสะดุดเข้ากับเงาไหวๆในแสงบนกระจกดังกล่าว มันอาจจะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแมวไล่จับหนูที่วิ่งผ่านหลอดไฟ หรือเงาตกกระทบของกิ่งใบไม้สูงข้างๆอาคาร แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่า เงาที่ว่านั่นดูคล้ายกับ ‘คน’ มากทีเดียว เป็นไปได้หรือไม่ที่ในยามวิกาลเช่นนี้จะมีคนหลงเหลืออยู่ในตึก

เมื่อยามคนนั้นหยุดดูเงาที่ว่าเคลื่อนไหวต่อไป เขาเริ่มมั่นใจว่าเป็นคนแน่แล้ว เงาที่เคลื่อนไหวไหมาอยู่บนแสงในกระจกดูคล้ายกับศีรษะของผู้หญิงผมยาว เป็นไปได้ว่าอาจจะมีนักศึกษาติดค้างอยู่ในตึก เนื่องจากข่วงนั้นเป็นข่วงเตรียมสอบ อาจจะมีใครเข้าไปใช้อาคารในการอ่านหนังสือหรือติวสอบอยู่ก็เป็นได้ เนื่องจากเวลานั้นก็นังไม่ทันจะสามทุ่มดี ยามยึงได้โทรศัพท์ไปหาแม่บ้านผู้รับผิดชอบตึกให้เอากุญแจมาเปิดประตูอาคารดังกล่าว

ขณะที่ยามคนนั้นยืนรอแม่บ้านที่นำกุญแจมาอยู่นั้น ก็ได้คอยสังเกตเงาดังกล่าวอยู่ตลอด และพบว่าเงานั่นเคลื่อนที่ขยับไปมาทางด้านซ้ายที ขวาที จากกระห้องท้างซ้ายไปห้องด้านขวา จากด้านขวาไปด้านซ้าย คล้ายกับคนที่กำลังลนลานพยายามหาทางออกหรือขอความช่วยเหลืออยู่จริงๆ จนกระทั่งแม่บ้านมาถึงและไขกุญแจได้ ทั้งยามและแม่บ้านได้พากันขึ้นไปดูที่ห้องน้ำบนชั้นสอง หากแต่ไม่พบใครอยู่ในนั้นเลย แม้กระทั่งหนูหรือแมวซักตัวก็ไม่มี

บางทีนักศึกษาคนนั้นอาจคลาดกันตอนที่เขาเข้ามาที่ชั้นนี้ ทั้งสองคนจึงตัดสินใจช่วยกันค้นหานักศึกษาคนดังกล่าวตั้งแต่ชั้น 6 ลงมา แต่ก็ไม่พบร่องรอยว่าเคยมีคนอยู่ในเร็วๆนี้ จนกระทั่งต้องกลับมาสำรวจที่ห้องน้ำในชั้นสองอีกที แต่เมื่อได้ตรวจสอบและสังเกตดูดีๆแล้ว กระจกห้องน้ำด้านบนเหนือผนังนั้นกลับอยู่สูงกว่าที่คิด ขนาดที่แม้ว่าขึ้นไปยืนอยู่บนชักโครกก็ไม่ทางที่เงาของศีรษะจะไปพาดอยู่บนกระจกที่ว่าได้ ซ้ำร้ายกระจกยานว้ายขวาที่ยามได้เห็นเงาเคลื่อนไปกลับสลับกันตอนดูอยู่ด้านล่างตึก กลับมีผนังลอยของห้องส้วมกันอยู่ ไม่มีทางที่คนปกติจะสามารถเคลื่อนที่ผ่านไปมาอย่างรวดเร็วไปมาได้ จนอดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่พบเจอคงจะไม่พ้นเรื่องผีๆ

แม้ตึกนี้จะมีอายุกว่า 10 ปีมาแล้ว แต่ไม่เคยมีประวัติมาก่อน ถึงอย่างไรก็ตามด้วยความที่เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ บางทีก็อาจจะมีเรื่องลึกลับที่ไม่อาจอธิบายได้ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้ระยะเวลายาวนาน และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดของ เรื่องผี เดอะช็อค ห้องน้ำพิศวง

ขอบคุณที่มา เรื่องผี : https://pantip.com/topic/36156491

รวมเรื่องผี the shock น่ากลัวๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

16/10/2019

เรื่องผี เดอะช็อค | “โลงศพกลางคลอง” ที่ลอยบนแม่น้ำท่าจีน

เรื่องผี เดอะช็อคเรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว สมัยนั้นคุณเพชรอาศัยอยู่ที่นครชัยศรี จังหวัดนครปฐม โดยบ้านของคุณเพชรจะอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน โดยที่มีวัด 2 วัดตั้งขนาบบ้านอยู่ และในวันหนึ่ง ขณะที่น้าและคุณเพชรได้ลงเรือไปหาปลากันตอนดึกๆในบริเวณบ้าน แต่หาปลาไม่ได้ จึงพายเรือไกลออกวัดออกไป

ตอนนั้นเองที่คุณเพชรสังเกตเห็นเด็กผู้หญิงในชุดนักเรียน นั่งหันหลังอยู่ที่ม้านั่งหินอ่อนริมตลิ่งคนเดียว ในช่วงเวลาราว 5 ทุ่ม คุณเพชรรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล สงสัยจะโดนเข้าแล้ว จึงเรียกให้น้ารู้ น้าเข้าใจในสิ่งที่คุณเพชรจะสื่อ จึงพยักเพยิดให้ออกเรือไปทางอื่นแทน

เรื่องผี เดอะช็อค “คลอง 3 ผี” โดยคุณเพชร

เรือของคุณเพชรมุ่งหน้าไปทางวัดอีกวัดหนึ่งแทนที่อยู่ไกลออกไปอีก ขณะที่เอาเรือเทียบฝั่งและนั่งตกปลากันบนเรือริมตลิ่ง จู่ๆก็มีชายชราโผล่พ้นขึ้นมาจากน้ำ ไม่ไกลจากเรือที่ได้จอดเทียบไว้นัก

แต่ชานชราคนนั้น เป็นคนที่ชาวบ้านรู้จักกันดี น้าของคุณเพชรจึงได้ทักออกไปว่า

“ลุงมาทำอะไรแถวนี้”

“มางมหาหอยน่ะหลานเอ้ย”

สิ้นเสียงของลุง น้าของคุณเพชรรีบกลับทันที “ไป ไม่ต้องหาปลาแล้ว”

เรือของคุณเพชรมุ่งกลับไปทางบ้าน โดยที่ไปได้ราวครึ่งทางแล้ว จู่ๆก็ได้ยินเสียงแหวกของน้ำ ราวกับมีใครพายเรือไล่ตามมา แต่คุณเพชรกลับมองไม่เห็นอะไรด้านหลัง ขณะที่น้าก็รีบเร่งฝีพายขึ้นเหมือนกับต้องการสลัดหนีเจ้าสิ่งที่ว่า

แต่ยิ่งเร่ง ยิ่งหนี ดูเหมือนเสียงแหวกน้ำก็ยิ่งดังแรงไล่ตามมามากขึ้น จนรู้สึกได้ว่าบางอย่างนั้นมาจี้อยู่ท้ายเรือแล้ว น้าของคุณเพชรจึงหันหลังกลับไปดู แสงไฟฉายส่องกบบนหัวของน้าสาดเข้ากับวัตถุบางอย่างท้ายเรือ

โลงศพ! มีโลงศพลอยน้ำจี้ไล่เรือของคุณเพชร น้าจึงรีบพายออกไปทันที จนกระทั่งได้ยินเสียงกระแทกท้ายเรือดัง ปัง ปัง ปัง! น้าจ้วงพายอย่างไม่คิดหันกลับไปมองอย่างสุดกำลัง จนกระทั่งทิ้งห่างมาพอสมควร จู่ๆก็ได้ยินเสียงเหมือนใครกระโดดลงน้ำดัง ตู้ม! คุณเพชรหันไปมองและพบเข้ากลับบางอย่าทรงกลมสีดำ ดูเหมือนจะเป็นศีรษะคน ลอยคออยู่บนน้ำเข้ามาหา

น้าคุณเพชรไม่สนอะไรนอกจากจ้ำพายต่อไปแบบไม่หยุดหย่อน ในขณะที่คุณเพชรเอาแต่สวดมนต์ที่ไม่รู้ว่าท่องผิดหรือถูก วนไปวนมาจนกระทั่งถึงบ้าน ภายหลังคุณเพชรจึงได้ถามถึงเรื่องราวทั้งหมด โดยน้าเล่าให้ฟังว่า ทุกสิ่งที่เห็นตั้งแต่นักเรียนหญิงที่ม้านั่ง ล้วนเป็นวิญญาณทั้งสิ้น

“ไม่กี่เดือนก่อนมีนักเรียนถูกฆ่าแล้วนำศพมาทิ้งไว้แถวนั้น ลุงคนที่เห็นที่ริมตลิ่งก็เมาแล้วตกน้ำตาย ส่วนโลงศพ..จะเป็นของใครก็ไม่รู้ ยังไงซะแถวนี้มันก็ติดวัดอยู่แล้ว” และนี่คือเรื่องราวที่มาทั้งหมดของเรื่องผี เดอะช็อคเรื่อง “คลองสามผี”

ขอขอบคุณที่มาเรื่องเล่าผี : เรื่องคลอง 3 ผี โดย คุณเพชร the shock 13 fm

อ่านเรื่องผี the shock เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

03/10/2019
1 3 4