เรื่องเล่าผี : ความหลังในหมู่บ้านเศรษฐกิจบางแค

วิญญาณที่ยังยึงติดอยู่กับสถานที่… เรื่องเล่าผี ความหลังสมัยเป็นเด็กของผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม เล่าว่าเมื่อก่อนตนเคยใช้ชีวิตที่สลัมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่โครงการบ้านเศรษฐกิจในสมัยนั้น น้าดำ…ผู้ที่ทางบ้านเอือมระอากับพฤติกรรม กระทั่งวันหนึ่งได้จากไป แต่วิญญาณยังคงอยู่ในบริเวณนั้นเสมอมา

เรื่องเล่าผี “น้าดำ” วิญญาณที่ยังคงสิงสู่อยู่ในสลัม

เรื่องราวที่ผมจะนำมา เล่าเรื่องผี ในวันนี้เกิดขึ้นกับตัวผมเองเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ตอนที่ผมอาศัยอยู่กับแม่ ยาย และน้องอีกสองคน รวมถึง… “น้าดำ” น้องชายของแม่ ในตอนนั้น

หมู่บ้านเศรษฐกิจบางแคถือว่าเป็นชุมชนหมู่บ้านจัดสรรแห่งแรกๆของกรุงเทพ ซึ่งเกิดจากการที่มีนักการเมืองในสมัยนั้นไปลงทุนสร้างไว้ โดยภายในโครงการก็จะมีแบ่งพื้นที่ให้เช่าในการปลูกบ้าน ร้านรวงต่างๆ หรือแม้กระทั่งพื้นที่เช่าชุมชนแออัดหรือที่เรียกกันว่าสลัม ซึ่งมันก็ไม่ได้เจริญเหมือนในสมัยนี้

ตอนนั้นครอบครัวของเราค่อนข้างมีฐานะไม่สู้ดี อาศัยเช่าพื้นที่ในสลัมปลูกเป็นที่พักอาศัยมุงสังกะสีใต้ถุนจะเป็นท้องร่องน้ำ มีเพียงแผ่นไม้กระดานที่ใช้พาดเป็นทางเดินในการไปมาหาสู่กัน

ตอนนั้นผมอายุราวสิบเอ็ดปี ส่วนน้าดำอายุราวยี่สิบ น้าดำเป็นคนเกเร ไม่เรียน ไม่เอาการงาน ชอบเตร็ดเตร่เที่ยวเล่นจนทะเลาะกับที่บ้านอยู่เสมอ จนกระทั่งหนักเข้าก็หนีออกจากบ้านไปอยู่กับเพื่อนพาลของแก ซึ่งทำให้แกเริ่มถลำลึกในอบายมุข แกเริ่มเล่นยาหนักขึ้นๆจนกระทั่งสุดท้ายก็เสียอยู่บนกระดานไม้ที่พาดระหว่างทางกลับมาบ้านนั่นเอง

จนกระทั่งงานฌาปนกิจศพของน้ำดำผ่านพ้นไป คนในบ้านก็ไม่พยายามที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ราวกับจะลืมๆมันไป ส่วนตัวผมเองกับน้องๆก็กลัวผีน้าดำจะมาหลอกตามประสาเด็ก จนมีเพื่อนๆของน้าดำมาเล่าให้ที่บ้านฟังว่า เจอน้าดำไปหา บ้างก็ตะโกนเรียกจากหน้าบ้าน หนักกว่านันคือช่วงดึกๆจะมีคนที่ผ่านไปมาบนทางเดินไม้ในจุดที่น้าดำแกมั่งนั่งเล่นยาเป็นประจำนั้น ก็จะได้เจอกับผีน้าดำกันแทบทั้งนั้น มี เรื่องเล่าผี น้าดำให้ได้ฟังกันอยู่เนืองๆ ทำเอาผมไม่กล้าที่จะเดินเฉียดไปแถวนั้นเลย

กระทั่งในวันหยุดวันหนึ่ง ผมกับเพื่อนนัดกันไปช้อนลูกปลามาใส่ขวดเล่นกันตามประสาเด็ก ที่บึงหลังสลัม แต่ไม่ว่าโชคดีหรือร้าย กว่าจะรู้ตัวกันก็ตกเย็นแล้ว และพึ่งมานึกออกว่าทางกลับบ้านนั้นจะต้องเดินผ่านจุดที่เป็นปัญหาซะด้วย แต่ด้วยความว่ามากันหลายคน ก็เอาเป็นว่าเป็นไงเป็นกัน

พวกเราก็เดินกลับกันไปด้วยความหวาดกลัว ลำพังทางเดินไม้ก็เดินได้ลำบากอยู่แล้ว จนกระทั่งเลี้ยวผ่านหัวมุมไป เราชะโงกหน้ายื้อแย่งกันมองจุดที่น้าดำเคยนอนตายอยู่ แล้วรู้สึกโล่งใจว่าไม่มีอะไรหรือใครรออยู่ เรากะกันว่าจะรีบผ่านตรงนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะอำนวย

จนกระท่งผ่านไปได้หน่อย ผมก็ได้ยินเสียงไอกระแอมที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง ผมหันกลับไปดูโดยไม่ได้คิด ก็เห็นเข้ากับเงาดำตะคุ่ม ที่สำคัญคือคล้ายกับน้าดำนั่งอยู่ เพื่อนผมเห็นก็รีบวิ่งหนีเตลิดกันไปก่อนเลย ผมก็วิ่งตามออกไปติดๆ ต่อให้เป็นญาติกันแต่แบบนี้เป็นใครก็วิ่ง จนกระทั่งมาหยุดพักหอบกันที่บ้านของเพื่อน นั่นเป็นประสบการณ์เจอเรื่องผีครั้งแรกในชีวิตของผม จากนั้นมาไม่ว่าจะยังไง ผมก็ไม่มีทางที่จะเดินผ่านทางนั้นอีกโดยเด็ดขาด

ปัจจุบันแถวนั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ไม่เหลือเค้าลางของความน่ากลัวอีกแล้ว แม้แต่สลัมร่องน้ำและทางไม้พาดก็ไม่อยู่แล้วตามความเจริญของสังคมเมืองปัจจุบัน หากแต่ทุกครั้งที่ผมผ่านไปแถวนั้น ก็ยังอดรู้สึกขนลุกกับ “เรื่องผีน้าดำ” ที่เคยประสบพบเจอมาเมื่อครั้งยังเป็นเด็กทุกที…

อ้างอิง เรื่องเล่าผีจาก : ผู้ใช้เฟสบุ๊คซึ่งไม่ประสงค์ออกนาม จากเพจ สยองขวัญวาไรตี้

อ่านเรื่องเล่า เรื่องผีเดอะช็อค เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

10/10/2019

เรื่องเล่าผี : ซื้อผอบมาจากช่องเม็ก วิญญาณตามมาสิง

เรื่องเล่าผี เรื่องนี้มาจากสมาชิกเฟสบุ๊คท่าหนึ่งที่ใช้ชื่อว่าคุณ “หาญ ใจสิงห์” ได้ออกมาเล่าเรื่องประสบการณ์สุดสะพรึง เนื่องจากตนได้ไปค้นเจอ “ผอบ” ที่เคยซื้อมาจากฝั่งลาวในครั้งที่ไปเที่ยวผ่านช่องเม็ก ทำให้นึกย้อนไปถึงเรื่องราวอันพิลึกพิลั่นที่เคยเกิดขึ้นกับครอบครัวอันมีที่มาจากผอบอันนี้…

“มันตามมาจากฝั่งลาว” เรื่องเล่าผี อุธาหรณ์คนชอบซื้อของเก่า

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ก่อนที่จะ เล่าเรื่องผี ให้ฟัง ผมขอท้าวความก่อนว่า จู่ๆผมก็นึกถึงขึ้นมาได้เพราะผมได้ไปทำความสะอาดห้องในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แล้วได้ไปเจอกับผอบ…(ตลับใส่ของขนาดเล็ก มีเชิง และฝาครอบมียอด) ซึ่งเป็นที่มาของเรื่องที่ผมนะเล่าต่อไปนี้อยู่ที่หลังของรูปปั้นบูชาพระแม่กวนอิม ช่วงราวๆ 7-8ปีก่อน ผมและแฟนมีโอกาสได้ลางานกลับบ้านที่ต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลหลายวัน

โดยที่ตอนนั้นผมและแฟนเดินทางด้วยรถกระบะของพี่เขย ออกตั้งแต่เช้ามืดตี5 กว่าจะถึงที่หมายก็ประมาณ 5-6โมงเย็น โดยในคืนนั้นหลังจากได้อยู่ทานอาหารกับครอบครัวของแฟน ทางครอบครัวก็ได้ชักชวนกันไปเที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตากัน โดยสถานที่ที่ตกลงกันคือ “ช่องเม็ก” ชายแดนระหว่างไทยลาวที่สามารถข้ามไปมาหาสู่กันได้โดยบริเวณนั้นจะมีลักษณะเหมือนชุมชนตลาดค้าขาย ซึ่งตัวผมเองก็สนใจที่จะไปเที่ยวลาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องมาจากว่าได้ยินกิติศัพท์เกี่ยวกับสาวลาวว่าสวยและขาว จนอยากไปพิสูจน์ให้เห็นด้วยตา

ในเช้าวันนั้นเราออกกันตั้งแต่6โมงเช้า แวะทานอาหารเช้ากันที่เขื่อนอุบลรัตน์จนกระทั่งไปถึงช่องเม็กราวๆ 10 โมงเช้า ลักษณะที่นั่นจะเป็นตลาดที่มีของกินใช้สะสมหลากหลายอย่าง จะว่าไปก็คล้ายๆกับตลาดนักสวนจตุจักรบ้านเรานี่เอง ตอนนั้นแฟนผมแยกไปเดินกับทางญาติ ส่วนผมเดินดูคนเดียวมาจนกระทั่งไปสะดุดตากับร้านร้านหนึ่งซึ่งมีเจ้าของร้านเป็นคุณป้าที่แม้จะมีอายุอานามแต่ยังคงเหลือร่องรอยแห่งความสวยอยู่ ร้านของป้าเป็นร้านขายของเก่าที่มีของแปลกๆตั้งแต่ตุ๊กตานางรำ กระจกโบราณ ไปจนถึงของป่าอย่างงูดองในโหล เขี้ยวหมูป่า ผมไปยืนดูงกๆเงิ่นหน้าร้าน ป้าจึงทักผมขึ้นว่า

“โดย มีหยังให้ซอยหยังบ่ อยากได้หยังบ่” (มีอะไรให้ช่วยมั้ย อยากได้อะไรรึเปล่าจ๊ะ)

ผมได้แต่ตอบกลับไปเพียงว่าขอดูก่อน จนกระทั่งสักครู่แฟนผมก็ตามมาสมทบที่ร้านพอดี แฟนผมไกสะดุดตาเข้ากับกระจกโบราณบานหนึ่ง จึงได้หยิบขึ้นมาส่องดู แต่ไม่ทราบว่าเธอได้เห็นหรือพบเข้ากับอะไร ถึงได้สะดุ้งตกใจจนแขนไปปัดเข้ากับผอบที่ถูกกล่าวถึงในตอนต้น ซึ่งวางอยู่ใกล้ๆกันหล่นลงไปกองกับพื้น เธอพยายามจะเก็บผอบขึ้นมาแล้วสังเกตเห็นว่า ฝาของผอบนั้นเปิดแง้มอยู่เผยให้เห็นผงควันสีขาวลอยคุ้ง เธอก้มลงไปเก็บและได้กลิ่นของควันแล้วบอกว่ากลิ่นหอมดี คล้ายกลิ่นของดอกไม้ป่า ป้าเจ้าของร้านจึงบอกว่าผอบนี้เก็บเครื่องหอมกำยานจากดอกไม้ในป่า ถ้าหากว่าอยากได้จะลดให้ คิดราคาไม่แพง จึงได้จ่ายเงินซื้อมาพร้อมกับสินค้าอย่างอื่นอีก ขากลับกลับบ้านเธอถือผอบกำยานที่ได้มาติดมือตลอด คงจะถูกใจมากทีเดียว และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์ เรื่องเล่าผี ที่ผมและครอบครัวพบเจอ…

จนกระทั่งช่วงแวะปั้มระหว่างทางขากลับ แม่ยายผมเข้ามาแอบกระซิบกับผมว่าตัวลูกสาวดูแปลกๆ เอาแต่พุดภาษาลาวมาตลอดทาง ซึ่งผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร และตอบไปว่าคงเพราะภาษาลาวกับอีสานมันคล้ายๆกันเท่านั้น จนกลับถึงบ้าน แฟนผมออกไปจ่ายตลาดและเตรียมอาหาร ไม่เื่อก็ต้องเชื่อว่า อาหารที่แฟนผมทำออกมานั้นเป็นกับข้าวที่ผมไม่เคยกินมาก่อน ไม่ใช่ทั้งอาหารอิสาน อาหารเหนือหรือใต้ ถึงแม้ผมจะไม่เคยทานอาหารลาวแต่ก็เคยเห็นมาบ้าง แต่ก็ยังดูต่างออกไปอยู่เหมือนกัน ถึงกระนั้นอาหารมื้อนั้นกับรสชาติดีอย่างน่าประหลาดใจ โดยเฉพาะแกงเทา ที่ทานกันเกลี้ยงจนหม้อขึ้นเงา

หลังทานอาหารกันเสร็จ คำที่แฟนผมทักขึ้นทำเอาทั้งพี่ป้าน้าอาเขยถึงกับหันหน้ามองผมสลับกันไปมา อย่างพยายามจะค้นหาคำตอบ เพราะเธอพูดว่า “โดย..แซ่บบ่จ้า กินได้บ่” ครอบครัวแฟนจึงกระซิบถามผมว่า ปกติแล้วเวลาอยู่ด้วยกันพูดแบบนี้กันเหรอ ผมได้แต่ตอบรับไปแบบส่งๆโดยที่ผมก็ยังงง จนคืนนั้นแฟนผมนุ่งผ้าซิ่นที่ซื้อมาจากฝั่งลาว หลังผมอาบน้ำเสร็จและขึ้นเตียงนอน ผมเอามือโอบแฟนไว้จนครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมก็สะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ

“โด๋ย สินอนแล้วบ่อ้าย…”

ผมสังเกตุเห็นรอยบางอย่างแดงๆอยู่ในผมของแฟนจากด้านหลัง จึงตกใจนึกว่าไปโดนอะไรมาเป็นแผล แต่พอผมค่อยๆแหวกผมเธออกดู ก็ตกใจจนแทบไม่มีเสียงร้อง เพราะรอยแดงๆที่ว่า…แท้จริงแล้วคือริมฝีปากแดงฉาน!! สายตาผมจ้องเลยขึ้นไปเหนือริมฝีปากที่ว่าแล้วพบเข้ากับนัยน์ตาคู่หนึ่งจ้องเขม็งตรงมา ริมฝีปากนั้นก็ค่อยๆยิ้มสแหยะให้

“!!! เห้ย”

ผมตะโกนอยู่ในลำคอ และภาพสุดท้ายที่จำได้คือผมกลิ้งตกลงจากเตียงแล้วภาพดีบสนิทไป มารู้ตัวอีกทีก็ตอนเช้าที่ลูกชายมาปลุกบอกว่าครอบครัวญาติมาตามให้ไป เขาพาพระมาจะทำบุญสู่ขวัญให้ ตอนนั้นผมยังคิดอยู่ว่า…เรื่องเมื่อคืนเป็นแค่ความฝันรึเปล่า? จนกระทั่งพระจากวัดป่าที่นิมนต์มาถึง ท่านนั่งลงตรงข้ามกับแฟนผมซึ่งแต่งตัวผิดหูผิดตาไปจ่กปกติ เธอใส่เสื้อขาวแขนกระบอก เกล้าผมมวย นุ่งผ้าซิ่น และสิ่งที่พระป่าท่านทักขึ้นมาคือ…

“ผู้สาวทางได๋ล่ะ มาแฝงร่างเขาอยู่นี่!”

สิ้นคำทำเอายาติโกโหติกาแตกตื่นย้ายไปนั่งเบียดกันอยู่อีกมุมนึงทันที ใครบางคนในร่างแฟนผมก็พูดออกมาว่า เธอคือ “พิมทะสร” เธอมาจากปากเซ ครั้นอกหักจากรักก็คิดสั้นไปพูกคออยู่ในป่า ไม่มีผู้ใดได้รู้หรือพบเห็น จนกระทั่งร่างเริ่มเปื่อยคราบน้ำจากศพก็ไหลนองลงมารดดอกไม้ป่าที่ขึ้นอยู่ด้านล่าง จนนานวันไปจิตของเธอก็ได้ผูกพันและย้ายเข้าไปสิงอยู่ในดอกที่ว่านั้น กระทั่งมีคนมาเก็บของป่า เก็บดอกไม้ดอกนั้นไปทำกำยานที่อยู่ในผอบนั่นเอง

พระป่าท่านก็เมตตาบอกว่าออกจากโยมผู้หญิงคนนี้เสียเถิด แล้วจะพาไปสถิตอยู่ที่วัดป่าของท่าน วิญญาณหญิงสาวจึงยอมออกแต่โดยดีโดยไม่มีการขัดขืน หลังเหตุการณ์ในวันนั้น แฟนผมยังเก็บผอบนั้นไว้โดยใส่เส้นผมและฟันของยายที่เสียไปไว้แทน และหลังจากนั้นมาก็ไม่เคยเกิดเรื่องชวนขนลุกหรือเรื่องผีๆขึ้นอีกเลย และนี่ก็คือ เรื่องเล่าผี ทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ขอบคุณที่มาจาก : คุณหาญ ใจสิงห์

อ่านเรื่องเล่า เรื่องผีเดอะช็อค เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

09/10/2019

เรื่องเล่าผี | “ห้องน้ำห้องสุดท้าย” ในโรงเรียนเก่าแก่ย่านบางนา

เรื่องเล่าผีเรื่องนี้ เหตุการณ์เกิดขึ้นในโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านบางนา เป็นโรงเรียนเก่าแก่เปิดมานานโรงเรียนนึงเลย โดยผู้ที่เล่าเรื่องเหตุการณ์ในวันนั้นให้ผมฟังคือน้องเล็ก น้องเล่าว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 6

เรื่องเล่าผี..เหตุเกิดที่ห้องด้านในสุด ของสุขาหลังโรงเรียนชื่อดัง

ในช่วงที่เริ่มมาเข้าเรียนที่นี่ตอนม.4 ขณะพักกลางวัน น้องเล็กไปเล่นกับเพื่อนๆตามประสา แต่แล้วจู่ๆก็มีภารโรงเดินเข้ามาหาแล้วบอกว่า…

“หลังตึกเรียนด้านหลังสุด มันจะมีห้องน้ำเก่าอยู่ อย่าเข้าไปใช้นะ”

“หากไม่จำเป็น…อย่าเจ้าไปใกล้เลยจะดีกว่า ขนาดกลางวันแสกๆยังไม่มีคนกล้าไปใช้”

กลุ่มน้องเล็กและเพื่อนได้ฟังดังนั้นก็นึกสงสัย และคะยั้นคะยอให้ลุงภารโรงเล่าถึงเหตุผลที่ห้ามไว้ให้ฟัง

“พูดแล้วขนลุก! ตอนนั้นน้าพึงเข้ามาทำงานที่โรงเรียนนี้ใหม่…”

ลุงภารโรงพูดถึงเรื่องเล่าผีอย่างได้ใจความว่าดังนี้… ตอนนั้นภารโรงได้รับหน้าที่ให้เข้าไปทำความสะอาดห้องน้ำดังกล่าวนี้ ตอนนั้นประมาณ 3 โมงเย็น ขณะที่ลุงล้างห้องน้ำห้องที่สอง ก็ได้ยินเสียงใครบางคนเดินผ่านเข้าไปห้องน้ำด้านในสุด แล้วปิดประตูไล่หลัง ลุงไม่ได้ใส่ใจมากนักและราดน้ำลงพื้นที่ขัดไว้ แต่จู่ๆก็มีเสียงราดน้ำตามมาติดๆจากห้องน้ำด้านใน เมื่อออกมาดู ลุงยังคงเห็นห้องที่ว่าปิดประตูอยู่ อย่างไรเสียก็มีคนใช้อยู่เพียงห้องเดียว จึงบอกออกไปว่า ให้ราดน้ำให้สะอาดหลังใช้ด้วยนะ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตอบรับเป็นเสียงเคาะขันสองที ลุงก็ไม่ได้เอะใจแต่อย่างใด

วันถัดมาลุงภารโรงยังคงต้องไปทำความสะอาดห้องน้ำนั้นเช่นเคย และเห็นห้องน้ำห้องสุดท้ายด้านในปิดอยู่ห้องเดียวเหมือนเมื่อวาน ขณะที่ลุงยื่นมือจะไปเปิดประตูนั้น ก็มีเสียงไอค่อกแค่กดังรอดออกมาจากด้านหลังบานประตู

“อ้าว ยังมีคนเข้าอยู่เหรอ”

แต่ไม่มีเสียงขานรับตอบแต่อย่างใด มีเพียงเสียงไอดังเป็นระยะ จนกระทั่งลุงทำความสะอาดเสร็จแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววจะมีคนออกมา จู่ๆก็มีเสียงราดน้ำ และน้ำไหลจากก๊อก ลุงยามจึงเอ่ยไปเหมือนเมื่อวานว่า ให้ช่วยราดน้ำให้สะอาดและปิดน้ำด้วย

หลังจากนั้นผ่านไปสองวัน ลุงภารโรงต้องมาทำความสะอาดโรงเรียนตั้งแต่ตี 5 เนื่องจากวันนั้นทางโรงเรียนจะมีการจัดประชุมผู้ปกครองขึ้น ลุงยามกวาดตามห้อวเรียนบนอาคาร และสุดท้ายก็ไปจบที่ห้องน้ำเดิมตอนราวๆ 7 โมงเช้า แต่ครั้งนี้ประตูห้องน้ำสุดท้ายแง้มเปิดอยู่ ลุงคิดว่าคราวนี้คงได้เข้าไปทำความสะอาดเสียที แต่แล้วเมื่อลุงทำความสะอาดห้องที่ 1…ห้องที่ 2 ก็ได้ยินเสียงประตู้ห้องน้ำสุดท้ายปิดดังโครม!

บางที…นักเรียนอาจเริ่มมากันแล้ว ลุงจึงตะโกนออกไปว่า

“ปิดประตูเบาๆหน่อยสิไอหนู เดี๋ยวก็ได้พังหรอก”

สิ้นเสียงลุงก็มีเสียงไอแคกๆดังออกมา ราวกับจะขานรับ

ขณะที่ทำความสะอาดห้องสองเสร็จแล้ว กำลังจะเดินไปดูที่ห้องสุดท้าย จู่ๆก็มีเสียงดังโครม! ขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเสียงเหมือนใครทำขันหล่น ลุงหันไปมองตามเสียงแต่ไม่พบอะไร จึงหันกลับมาหวังจะทำความสะอาดกระจกอ่างล้างหน้าหน้าห้องน้ำ ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นภาพสะท้อนบางอย่างในกระจก

มันเป็นภาพของห้องน้ำห้องสุดท้ายด้านหลัง แต่กลับมีหน้าของผู้หญิงก้มลงมามองลอดผ่านทางช่องว่างประตูห้องน้ำ แม้จะเพียงครึ่งใบหน้า แต่ลุงเห็นได้ชัดเจนว่าไม่ปกติ ใบหน้านั้นเขียวคล้ำจนทำให้ลุงยืนแข็งทื่อ ลุงพยายามก้าวขาหวังจะออกไปข้างนอก ใบหน้านั้นก็เงยขึ้นจากช่องที่ว่า แต่ยังไม่ทันจะพ้นประตูห้องน้ำห้องแรก ก็มีเสียงประตูเปิดออกกระแทกดัง ปัง! ไล่หลังมา

ลุงหันกลับและเดินไปที่ห้องสุดท้าย แล้วใช้มือผลักประตูห้องเข้าไป แต่ภาพที่ลุงเห็น ห้องนั้นไม่ใช่ห้องน้ำที่ควรจะมีคนเข้าไปใช้ได้ หากแต่เป็นห้องที่มีโถส้วมเก่าๆ ละไม้กวาดพิงเอาไว้ใช้เป็นห้องเก็บอุปกรณ์! ทันใดนั้นก็มีเสียงดัง โครม! ขึ้นมาอีกจากบนหลังคา ทำให้ลุงถึงกับต้องรีบเตลิดออกมา และหลังจากวันนั้นมา ลุงจะเข้าไปทำความสะอาดถึงแค่ห้องที่สอง โดยไม่คิดจะไปแตะต้องห้องสุดท้ายอีกเลย

หลังจากน้องเล็กและเพื่อนได้ฟังเรื่องเล่าผีในครั้งนั้น ก็ผ่านไปหลายเดือนจนลืมเรื่องนี้ไปหมดแล้ว จังหวะนั้นทางมีกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือที่โรงเรียน โดยที่นักเรียนหญิงจะได้นอนบนอาคารเรียน ส่วนนักเรียนชายจะได้กางเต้นท์นอน บังเอิญว่าอาคารและห้องที่น้องได้ใช้เป็นที่พัก คืออาคารสุดท้ายติดกลับห้องน้ำดังกล่าว แถมห้องนี้ยังอยู่ตรงกับห้องน้ำที่ว่าพอดี จนกระทั่งเสร็จจากกิจกรรมราว 4 ทุ่มและถึงเวลาแยกย้ายเข้านอนพอดี โดยน้องและเพื่อนๆจะนอนหันปลายเท้าไปทางห้องน้ำนั่น

ขณะที่น้องเล็กครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงบางอย่างดัง ตึ้ง ตึ้ง ตึ้ง! มาจากทางหน้าต่างด้านปลายเท้า พอตื่นขึ้นมาดูแม้ว่าภายในห้องจะมืดแต่ด้านนอกหน้าต่างนั้นมีไฟส่องให้เห็นอยู่ และภาพที่ทำให้น้องเล็กตกใจแทยสิ้นสติ คือหัวของผู้หญิงที่ลอยขึ้นๆลงๆเหมือนคนกำลังกระโดดไปมา แล้วเอาหน้าผากโขกกับคานหลังคา ใบหน้านั้นดำคล้ำมีนัยน์ตาแดงก่ำ น้องสะดุ้งเรียกเพื่อนขึ้นมาแต่พอดูอีกทีก็ไม่เห็นอะไร และฝืนนอนลงไปโดยไม่ได้เล่าให้ใครฟัง จนกระทั่งตีห้าที่เสียงนกหวีดปลุกให้ทุกคนตื่น  เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับกิจกรรมในวันใหม่ และในคืนนั้นเองที่มีการจัดกิจกรรมรอบกองไฟกลางสนามด้านข้างอาคาร ซึ่งสามารถห้องเห็นห้องน้ำนั้นได้อย่างชัดเจน และเป็นคืนที่เหตุการณ์สยองเกิดขึ้นกับตัวน้องเล็กอีกครั้ง

คืนนั้นขณะที่แต่ละหมู่ออกมาทำกิจกรรมแสดงละครตามที่ได้ซ้อมกันไว้ น้องเล็กก็เหลือบไปมองทางห้องน้ำที่ว่า แม้จะเห็นไม่ชัดแต่พอรู้ได้ว่า..ที่ข้างห้องน้ำมีผู้หญิงในชุดนักเรียนผมยาว ที่ปล่อยให้ชายเสื้อหลุดลุ่ยออกมานอกชายกระโปรง น้องเล็กชี้ให้เพื่อนดู หากแต่ก็ได้ข้อสรุปประมาณว่า “คงเป็นนักเรียนในค่ายสักคนที่ไปเข้าห้องน้ำนั่นแหละ”  จนกระทั่งกิจกรรมรอบกองไฟจบลง แต่ละหมู่ต่างแยกย้ายกันไปที่พัก น้องเล็กเกิดปวดท้องต้องการเข้าห้องน้ำใกล้ๆที่สุด และด้วยความที่ปวดมากจึงทำให้ลืมเรื่องทั้งหมดไปสิ้น

น้องเล็กเข้าไปใช้ห้องน้ำห้องแรก โดยมีเพื่อนไปด้วย ยืนอยู่หน้าห้องที่เข้าอยู่ แต่จู่ๆก็มีเสียงหวีดกรีดร้องแหวกผ่านกำแพงกั้นห้องน้ำเข้ามา น้องเล็กตกใจอย่างมาก ตะโกนร้องเรียกเพื่อน ทันทีกับที่มองเห็นเงาดำกระพริบวิ่งไปมาทางด้านช่องใต้ห้องน้ำ พร้อมเสียงฝีเท้ากรูกันออกไป น้องเล็กรีบออกจากห้องน้ำเร็วเท่าที่จะอำนวยและไม่เห็นใครยืนรอหน้าห้องน้ำ และหันไปมองทางต้นเสียงซึ่งมาจากห้องน้ำห้องสุดท้ายก็เห็นขาข้างหนึ่งยื่นออกมาจากประตูห้องที่ว่า แล้วจู่ๆก็ถูกดึงกลับเข้าไป ทำเอาน้องเล็กถึงกับลืมหายใจ ประจวบเหมาะกับสายตาหันขี้นไปมองด้านบน ก็เห็นเข้ากับหัวผู้หญิงผมยาวหน้าดำคล้ำ ดวงตาสีแดงลอยพ้นคางขึ้นมาเหนือประตูมองมาทางน้องเล็ก!

เพียงเท่านั้น โดยที่ไม่ต้องสั่งการจากสมอง น้องเล็กวิ่งจ้ำอ้าวอย่างไม่คิดชีวิตออกมาจากห้องน้ำอย่างเร็วที่สุด จนเห็นกลุ่มเพื่อนยืนแอบอยู่ข้างอาคารโบกมือหยอยๆให้มาทางนี้ น้องเล็กต้องการคำอธิบายต่อเหตุการณ์ที่ตนไม่เข้าใจจึงถามเพื่อนไปว่า หนีออกมาทำไม

“มึงจะไม่ให้กูวิ่งได้ไง กูเจอผู้หญิงตาแดงก่ำ หน้านี่ดำปี๋ จ้องมองเขม็งลงมาจากด้านบนประตูห้องสุดท้ายนั่นน่ะ!”

เหมือนกันเลย น้องเล็กก็เจอบางสิ่งที่ว่า

“ตอนมึงวิ่งออกมา กูเห็นมันวิ่งตามไล่หลังมึงออกมาด้วย มันเกือบจะจับได้อยู่แล้ว จนกระทั่งมึงวิ่งเข้ามาใกล้พวกกู รู้ตัวอีกทีมันก็หายไป…”

จนกระทั่งมีครูเดินเข้ามาสอบถาม แต่ไม่ได้ความอะไรพอบอกออกไปว่าเจอผี วันถัดมาน้องเล็กและเพื่อนจึงไปถามครูเก่าครูแก่ของโรงเรียน และได้ฟังมาความว่า…

“ก่อนช่วงปิดเทอมหน้าร้อนเมื่อสามปีที่แล้ว มีเหตุการณ์ที่นักเรียนหญิงคนนึง แอบเข้าไปทำแท้งในห้องน้ำห้องสุดท้ายแล้วเสียในนั้น กว่าภารโรงจะมาเจอก็ผ่านไปสองวันแล้ว ด้วยว่าอากาศร้อนใบหน้าจึงดำคล้ำ ตัวนี่บวมไปแล้ว”

“หลังจากนั้นภารโรงคนเก่าก็ลาออกไป เพราะเคยเข้าไปใช้ห้องน้ำห้องติดกัน แล้วเจอผู้หญิงโผล่หัวขึ้นมามองจากทางช่องว่างเหนือประตู แกเลยถีบประตูห้องน้ำแล้ววิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต ภายหลังผอ.ได้จัดพิธีและทำบุญให้แล้ว ส่วนห้องนั้นก็ใช้เป็นที่เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดแทน… ว่าแต่ อย่าบอกนะ ว่าพวกเธอไปเจอกันมา !”

ขอบคุณที่มา : ผู้ใช้เฟสบุ๊ค คุณแทน

อ่านเรื่องเล่าเรื่องผี เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์

Admin

01/10/2019

โรงแรมนิรนาม…เรื่องเล่าผียอดวิวสูงสุดบน YouTube

นี่คือหนึ่งใน “เรื่องเล่าผี” ที่น่ากลัวและพิศวงที่สุดเรื่องนึงของรายการผียอดฮิต จากปากคำบอกเล่าของคุณโบนัส ชายหนุ่มที่มีอาชีพเป็นนักดนตรีและตระเวนเพื่อไปทำงานในหลายๆจังหวัด เจ้าของประสบการณ์สยองในหลากหลายพื้นที่ แต่ต้องยอมรับว่า “โรงแรมนิรนาม” เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนรู้จักกับเขาเลยทีเดียว ด้วยการันตีจากยอดวิวมหาศาลจากเรื่องเล่านี้

เรื่องเล่าผีในโรงแรมนิรนามแห่งหนึ่งในภาคใต้…ที่ไร้แขกเข้าพักจนน่าสงสัย

เรื่องราวในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมา ที่โรงแรมที่นึงในภาคใต้ เรื่องก็มีอยู่ว่า ก่อนที่จะคุณโบนัสจะพบเจ้าของโรงแรมนี้ คุณโบนัสทำงานเป็น DJ อยู่ในผับๆนึงของโรงแรมในกรุงเทพ คุณโบนัสก็ปฏิบัติงานปกติในแต่ละวัน จนกระทั่งวันนึงมีเพื่อนของเจ้าของโรงแรม เขามาจากทางภาคใต้ จากจังหวัดๆนี้ เขามาท่องเที่ยว แล้วเขาพูดว่า อยากได้คณะทำงานที่เกี่ยวกับวงดนตรี เล่นแบบโฟล์คซอง รวมทั้งขอบุคลากรเฝ้าล็อบบี้เวลากลางคืน กับพนักงานหิ้วกระเป๋า รวมถึงบริกร แล้วเจ้าของโรงแรมก็เรียกคุณโบนัสให้ไปคุยกับเพื่อนเจ้าของโรงแรมคนที่มาเที่ยว

เจ้าของโรงแรมคนนั้นก็ถามคุณโบนัสว่า พอจะมีทีมงานมั๊ย พอจะลงไปดำเนินงานให้พี่หน่อย เรื่องค่าจ้างรายเดือนไม่เกี่ยง สวัสดิการดี คุณโบนัสก็ฟังๆดูแล้วก็โอเค แล้วเขาก็เอารูปภาพของโรงแรมของเขาให้ชม แล้วบอกอยากทำโซนๆเนี้ยให้เป็นลานเบียร์สด คุณโบนัสก็พอที่จะรู้เรื่องคอนเซ็ปของเจ้าของโรงแรมละ คุณโบนัสก็เลยพูดว่า ยังไงเดี๋ยวจะลองๆหาดูนะพี่ แม้กระนั้นเขาบอกอีกว่า ให้หาเร็วๆหน่อยนะ ไม่เกิน 15 วัน คุณโบนัสก็พูดว่า คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าภายใน 15 วัน ก็จะต้องลาออกจากที่เก่าก่อน แล้วพอดิบพอดีที่เจ้าของโรงแรมที่คุณโบนัสทำงานอยู่ นั้นกับเจ้าของโรงแรมที่ภาคใต้ก็สนิทกัน เจ้าของโรงแรมที่กรุงเทพก็พูดว่า ช่างเถอะ ถ้าเกิดเอ็งหาได้ เดี๋ยวจะอนุมัติให้ คุณโบนัสก็งงมากว่าเพราะอะไรเจ้าของโรงแรมดูเหมือนให้ไปง่ายจัง

จากนั้นคุณโบนัสก็ไปหาคนอื่นเพิ่ม แล้วก็พอดิบพอดีว่าแฟนของคุณโบนัสเป็นนักร้องอยู่อีกผับนึง คุณโบนัสก็เลยถามว่า สนใจลงไปมั๊ย แฟนก็พูดว่า พอดีวงจะหมดสัญญาอยู่แล้ว ก็เลยลงไปด้วย แล้วคุณโบนัสก็ถามบุคลากรในโรงแรมบางคน แล้วทุกคนที่ไปถามก็พร้อมใจกันลงไป รวมทั้งได้ผู้จัดการมา 1 คน คุณโบนัสก็เป็นผู้ช่วยของผู้จัดการ แล้วหลังจากนั้นก็ลงไปทำงานที่โรงแรมในภาคใต้กันทั้งสิ้น 14 คน มีวงดนตรี 4 คน คนที่เหลือก็จะเป็นพวกแม่บ้าน เด็กหิ้วกระเป๋า เฝ้าล็อบบี้ ครบทุกตำแหน่ง

แต่ว่าอยากให้ทั้ง 14 คนนี้เข้ากะช่วงกลางคืน เหมือนกับว่าอยากที่จะไม่ให้โรงแรมเงียบ เจ้าของโรงแรมเคยบอกไว้ว่า โรงแรมเปิดมาได้ปีกว่า อยู่ลึก คุณโบนัสก็บอกช่างเถอะ เจ้าของโรงแรมก็ถามคำถามว่า อยากได้เงินเดือนเท่าไร คุณโบนัสก็บอกเงินเดือนของแต่ละคนที่เรียกมาให้เจ้าของฟัง แล้วเจ้าของโรงแรมไม่ต่อค่าจ้างซักบาท และจ่ายเงินเดือนล่วงหน้าอีกคนละ 1 เดือน รวมทั้งจองตั๋วเครื่องบินให้ทั้งสิ้น 14 คน

วันเดินทางสู่โรงแรมสยองขวัญ

พอถึงวันเดินทางก็นัดพบกันที่ท่าอากาศยาน ได้ไฟล์ทบินตอน 3 ทุ่ม แล้วก็ถึงที่จังหวัดๆนี้ตอน 4 ทุ่มกว่าๆพอมาถึงก็มีรถมินิบัสจากโรงแรมมารับไปที่โรงแรม โดยที่เจ้าของโรงแรมซื้อรถเก๋งป้ายแดงไว้ให้ใช้ และก็รถยนต์มอเตอร์ไซด์ใหม่ไว้ให้อีก 2 คัน ระหว่างทางคุณโบนัสก็ถามคนขับถามว่า จากท่าอากาศยานไปโรงแรมมันไกลมั๊ย คนขับก็พูดว่า ราวๆ 40 กิโล

จากทางเข้าถนนใหญ่ เลี้ยวเข้าไปในซอกซอยราวๆ 2 กิโล มืดตลอดทาง ไปถึงก็จะมีตรอกเล็กๆแยกไปอีก และจากนั้นก็มีรถยนต์ของพนักงานของผู้หญิงที่น่าจะเป็นของบุคลากรสำนักงานที่โรงแรม แต่เขาไม่ได้หยุดคอยในโรงแรม แต่กลับหยุดรถยนต์รออยู่ข้างถนน เพื่อจะเอากุญแจรถเก๋ง แล้วก็กุญแจมอเตอร์ไซด์ที่เจ้าของโรงแรมซื้อไว้ให้ รวมทั้งกุญแจประตูโรงแรม แล้วก็กุญแจห้องพักบุคลากรทั้งหมด แล้วก็บอกว่า ห้องพักบุคลากรอยากอยู่ตรงไหนเลือกเอาเลย แล้วหลังจากนั้นก็แยกจากกัน แต่ก็ต้องนั่งรอต่อเข้าไปอีกราวๆเกือบจะๆกิโลนึงกว่าจะถึงโรงแรม

พอเข้าไปถึงโรงแรม ประตูโรงแรมจะอย่างกับประตูสวนสนุกเลย เป็นเหมือนเสาโรมัน ที่จอดรถใหญ่มาก ในโรงแรมก็เปิดไฟไว้อย่างละนิดอย่างละหน่อย เวลาขณะนั้นก็ราว 5 ทุ่ม ก็มียามที่อยู่หน้าโรงแรมพูดว่า ห้องพักบุคลากรเดินไปด้านหลังนะพวกคุณโบนัสก็ไปกัน 14 คน นอนห้องละ 2 คน 7 ห้อง คุณโบนัสก็เปิดเข้าไปในห้องพักของตนเอง เปิดเข้าไปห้องคือดีงาม ห้องพักบุคลากรมีห้องรับแขกด้วย มีTVตรงห้องรับแขกเครื่องนึง ในห้องนอนอีกเครื่องนึง ในตอนนั้นทั้งหมด 14 คนรู้สึกดีใจกันมาก งานอะไรมันจะแฮปปี้ขนาดนี้ ผู้จัดการก็พูดว่า นอนพักกันก่อน ไว้พรุ่งนี้ตอนเช้าตื่นมาค่อยมาคุยงานกัน

ตื่นมารุ่งเช้า เปิดประตูห้องมาจะพบสระว่ายน้ำเลย ที่สระว่ายน้ำจะมีสไลด์เดอร์สูงราวๆซักอาคาร 5 ชั้นได้ สระว่ายน้ำจะมีทั้งหมด 4 สระ สระเด็กสระนึง สระคล้ายจากุชชี่สระนึง สระคนโตสระนึง และก็สระที่เอาไว้เล่นสไลด์เดอร์อีกสระนึง คุณโบนัสเดินออกมาคุยงานกับคนอื่นแบ่งภาระหน้าที่กันว่าคนไหนอยู่ที่ไหน ทำอะไรบ้าง โดยที่กลุ่มของคุณโบนัสจะรับกะต่อตอน 4 โมงเย็น จนกระทั่งตอนเช้า แต่วงดนตรีจะอยู่ถึงตี 2 พอแบ่งตำแหน่งกันพร้อมสรรพ คุณโบนัสก็จะมีน้องอยู่ 2 สนิทๆคนนึงชื่อ เจ อีกคนชื่อ น้อย ที่เป็นเด็กเสริฟและก็เป็นบาร์น้ำ คุณโบนัสก็นั่งคุยกับ 2 คนนี้ว่า เพราะอะไรโรงแรมมันเงียบจัง ขนาดช่วงกลางวันนะเนี่ย จังหวัดก็เป็นจังหวัดท่องเที่ยว

ในกะตอนกลางวันพนักงานก็จะเป็นคนจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคนทำสวน หรือพนักงานคนอื่นๆไม่มีคนไทย คุณโบนัสก็ลองเดินสำรวจรอบบริเวณกับเจ วันแรกก็ยังเดินไม่ทั่ว พอเข้ากะค่ำ ทุกคนก็ต่างไปปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง โรงแรมนี้นั้นจะมีห้องอาหารมีโต๊ะอยู่ราว 100-200 โต๊ะ คุณโบนัสก็เดินเข้าไป ก็จะมีแม่ครัวทำกับข้าวไว้เลี้ยงพวกคุณโบนัส แล้วก็เลี้ยงพนักงานกะตอนกลางวัน

คุณโบนัสก็เลยถามแม่ครัวว่า ป้า ทีนี่เขาเงียบอย่างงี้อยู่แล้วหรอ ป้าพูดว่า ป้าก็อยู่ตั้งแต่เปิด ก็เป็นอย่างนี้ล่ะ แล้วเราตั้งใจจะมาอยู่กันกี่วันล่ะ โดยที่ป้านั้นถามเป็นวันด้วย ไม่ใช่ถามเป็นเดือน คุณโบนัสก็สงสัยๆและตอบไปว่า พวกเราก็คงจะทำไปเรื่อยๆล่ะนะครับ ด้วยเหตุว่าเจ้าของโรงแรมค่อนข้างจะนิสัยดี ป้าก็พูดว่า ใช่ แต่เขาคงจะไม่เข้ามาหรอก เพราะเขาคงจะไม่ว่างเข้ามา

ช่วงดึก แม่บ้านที่เป็นคนทำอาหาร 4 โมงเย็น เขาก็กลับกันหมด หลังจาก 4 นาฬิกาเย็น ก็จะมีเพียงแค่พวกคุณโบนัส 14 คน ทั้งโรงแรม บุคลากรที่อยู่กะช่วงกลางวันทั้งหมดกลับกันหมดเลย และที่สำคัญ ไม่มีลูกค้ามาเข้าพักเลยแม้กระทั้งคนเดียว ถ้าหากมองในแง่ดี โรงแรมบางทีก็อาจจะอยู่ลึกไป คนเลยไม่เข้ามา กลางคืน

ประสบการณ์นอนโรงแรมผี คืนแรก…

คืนแรกก็ไม่มีอะไร แต่ที่ผิดสังเกตอยู่อย่างนึงก็คือ เวลาที่ถามแม่บ้านหรือบุคลากรอยู่กะตอนกลางวัน ถามว่า ทำไมโซนตรงนี้ถึงปิด ทำไมถึงให้เดินเพียงแค่โซนนี้โซนเดียว ก็มีคนบอกว่า โซนที่ปิดไว้ก็ไม่ต้องเข้าไปเดินหรอก เนื่องจากตรงนั้นยังทำไม่เสร็จ คุณโบนัสก็ไม่สงสัยอะไร แล้วก็อีกจุดนึงที่น่าสงสัยก็คือ สไลด์เดอร์ไม่เปิดให้ใช้ ปิดบันไดทางขึ้นหมดเลย คุณโบนัสก็รู้สึกว่า คงเพราะไม่มีลูกค้ามั๊ง ก็เลยปิดไว้

วันที่ 2 คุณโบนัสก็ขับรถออกไปข้างนอก ไปเซอร์เวย์กัน ขับออกไป รอบๆโดยรอบของโรงแรม ไม่มีชุมชน ไม่มีบ้านคนอยู่เลย ในระยะทาง 2 กิโลที่เข้ามา มีบ้านคนอยู่เพียงแค่ กิโลแรกแค่นั้น รอบๆจะเป็นป่าหมดเลย ทีนี้มันเริ่มแปลกก็ตอนเมื่อเข้าวันที่ 3 น้องคุณโบนัสที่ชื่อน้อยนั้น หายไปจากโรงแรม พอไปถามน้องที่อยู่ห้องเดียวกับ น้อย น้องเขาก็เล่าว่า ไม่รู้เรื่องนะพี่ พี่น้อยแกเดินออกไปด้านนอกตั้งแต่ตี 4 หนูก็คิดว่าแกคงไปเดินเล่นหรือไปวิ่ง

จนกระทั่งเวลาที่ต้องทำงานแล้ว ก็ยังคงหาน้อยไม่พบ ออกไปดูที่รถ รถยนต์ก็ยังอยู่ครบหมด คุณโบนัสก็นึกในใจว่า หรือมันจะเดินหลงเข้าไปข้างหลังที่เขาห้ามเดิน …

Admin

18/05/2018

30 เรื่องเล่าผี จาก “กระทู้ผีพันทิป” รวมฮิตตั้งแต่ปี 53 – ปัจจุบัน

ในเว็บไซท์พันทิป นับว่าเป็นเว็บบอร์ดยอดนิยมของชาวไทย เป็นศูนย์รวมของเรื่องราวหลากหลายแง่มุมที่ผู้คนมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็นกัน หนึ่งในเรื่องราวเหล่านั้นก็คือ “เรื่องเล่าผี” เรื่องเล่าสยองขวัญจากประสบการณ์จริงของสมาชิกพันทิป หรืออาจจะได้ยินได้รับฟัง แล้วนำมาเล่าสู่กันฟังในเว็บไซท์แห่งนั้ หากใครเป็นแฟนคลับของที่นี่ น่าตะรู้จักกันดีกับแท็ก “เรื่องเล่าสยองขวัญ” ที่ในแต่ละวันจะมีเรื่องราวชวนขนลุก มาให้อ่านกันจนตาแฉะ และนี่คือ 30 กระทู้ผีพันทิป ที่คัดมาว่า “เด็ดจัด ปลัดบอก” จากสมาชิกในพันทิปที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ส่วนใครอยากอ่านภาคสองไปอ่านได้ตามลิงก์นี้ครับ รวม 5 เรื่องเล่าผีจาก ‘กระทู้ผีพันทิป’ รวมฮิตความหลอนตั้งแต่ปี 2553 – ปัจจุบัน

รวมกระทู้ เรื่องเล่าผี จาก Pantip ในอดีตถึงปัจจุบัน ที่ไม่ควรพลาด

1. ไปเกาะกูดเจอผีเขมร

เจ้าของกระทู้ : ปีกทองแท้
กระทู้จากปี : 2557

เรื่องย่อ…. เรื่องราวของพนักงานสายการบิน ทั้งแอร์โฮสเตสและสจ๊วด ที่มีโอกาสได้ไปพักที่บ้านพักรีสอร์ตแห่งนึงบนเกาะกูด สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจ.ตราด แต่สิ่งที่ได้เจอกลับไม่ใช่บรรยากาศชวนพักหย่อนผ่อนใจ หากแต่เป็นความอาฆาตของวิญญาณครอบครัวเขมร ที่ยังคงวนเวียนอยู่ที่นั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ…

ลิงค์ : https://pantip.com/topic/31926641

2. เรื่องเล่าวิญญาณ ผีเขมร

เจ้าของกระทู้ : สมาชิกหมายเลข 2326851
กระทู้จากปี : 2559

เรื่องย่อ…. เรื่องราวของหญิงสาวชาวไทยที่ได้ไปเที่ยวกัมพูชา แต่กลับมีวิญญาณทหารเขมรตามติดเธอมาด้วย! เรื่องนี้เล่าไปในทางว่าวิญญาณทหารดังกล่าวมีเหตุผลในการติดตามเธอมา คือในอดีตชาติ ทั้งเธอและเขาเคยมีความสัมพันธ์กัน ในสมัยที่มีสงครามล้างพันธุ์เขมรในอดีต

ลิงค์ : https://pantip.com/topic/35301065

3. ประสบการณ์ “โดนของ” ที่ต้องจำไปตลอดชีวิต

เจ้าของกระทู้ : สมาชิกหมายเลข 2601631
กระทู้จากปี : 2558

เรื่องย่อ…. นี่เป็นกระทู้ผีพันทิปที่ผู้เล่ายืนยันหนักแน่นว่า “เป็นความจริง” เมื่อสมาชิกพันทิปรายหนึ่งออกมาเล่าถึงประสบการณ์วิบากกรรม ที่พ่อถูกคุณไสย์มนต์ดำทำลายชีวิตจนครอบครัวที่ควรมีความสุขทลายลงต่อหน้า โดยเพื่อนร่วมงานเก่า หากใครเคยมีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้มาบ้าง น่าจะมีอารมณ์และนึกภาพตามได้ไม่ยาก ที่สำคัญ…เรื่องนี้เคยได้ออนแอร์รายการเรื่องผีและบำบัดกรรมชื่อดังของเมืองไทยมาแล้ว

ลิงค์ : https://pantip.com/topic/34220167

4. ชุดครุยเช่า มีหัวใครอยู่ในนั้น

เจ้าของกระทู้ : SKY_K
กระทู้จากปี : 2557

เรื่องย่อ…. ชุดเช่าชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าต้องเคยมีคนมากหน้าหลายตาผ่านชุดเหล่านั้นมาไม่น้อย โดยเฉพาะกับ “ชุดครุย” ที่ผ่านนักศึกษามารุ่นแล้วรุ่นเล่า มันจะไม่มีปัญหาอะไรเลย หากชุดที่คุณเช่ามา..ไม่ได้บังเอิญไปพบว่า มีบางอย่างคล้ายศีรษะใครบางคนโผล่ออกมาจากใต้ชุดในวันรับปริญญา

ลิงค์ : https://pantip.com/topic/32660371

5. กระทู้ผีพันทิป ผีปอบในค่ายลูกเสือ

เจ้าของกระทู้ : สมาชิกหมายเลข 3626889
กระทู้จากปี : 2560

เรื่องย่อ…. ในค่ายลูกเสือมักจะต้องมีกิจกรรมหนึ่งที่ไม่เป็นทางการคือการ “เล่าเรื่องผี” อยู่เสมอ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เรื่องที่เพื่อนๆต่างห้องเอามาจับกลุ่มเล่ากัน ใครจะไปคิดว่าค่ายลูกเสือที่มีนักเรียนและครูกว่าร้อยคน จะมาพบเจอกับเหตุการณ์ประหลาด เมื่อมีนักเรียนคนหนึ่งถูกผีปอบเข้าจนร้องทุลนทุราย ยายปอแก่กำลังกินอะไบางอย่างภายในตัว แล้วกล่าวชื่นชมความอร่อย!

ลิงค์ : https://pantip.com/topic/36292779

6. เล่าเรื่องผี..ในโรงแรมต่างจังหวัด

เจ้าของกระทู้ : Gleaming28
กระทู้จากปี : 2557

เรื่องย่อ….  นี่เป็นกระทู้ผีพันทิปที่แตกต่างไปจากธรรมเนียมปกติ เรื่องราวของสมาชิกที่ต้องเดินทางไปพักแรมที่โรงแรมในต่างจังหวัด แต่เจ้ากรรมคือดันไปพักมนโรงแรมที่มีผี ความแปลกคือเจ้าของเรื่องสามารถเล่าออกมาได้มีความสนุกและตลกร้ายอยู่ภายในเรื่องเล่า จากการบรรยายถึงเหตุการณ์แบบช็อตต่อช็อต

ลิงค์ : https://pantip.com/topic/31558376

7. ประสบกาณ์สยองบ้านพักที่หัวหิน

เจ้าของกระทู้ :
กระทู้จากปี :

เรื่องย่อ…. เรื่องเล่าผีชวนขนลุก เหตุเปิดในบ้านพักแห่งนึงในที่เที่ยวยอดนิยมชาวกรุงอย่าง “หัวหิน” เมื่อหลานวัย 8 ขวบของเจ้าของเรื่องจู่ๆก็หายตัวไปจากห้องพัก และมาพบอีกทีลงมาเล่นน้ำอยู่กลางสระ โดยสอบถามใจความได้ว่า…น้องถูกคนชนมาเล่น หากเป็นคนทั่วไปที่มีร่างกายคงกลายเป็นคดีลักพา แต่ถ้าหากว่าคนๆนั้นเป็นเพียงชายในรูปถ่ายที่จากไปแล้ว ซึ่งเป็นสามีของเจ้าของที่พักล่ะ?!

ลิงค์ : https://pantip.com/topic/35113856

8. คำสาบแช่งจากผีตายโหง ความแค้นสุดสะพรึง

เจ้าของกระทู้ : สมาชิกหมายเลข 2325385
กระทู้จากปี : 2558

เรื่องย่อ…. เป็นเรื่องราวที่มีพื้นหลังเป็นชนบทบ้านๆ ได้อารมณ์เหมือนหนังผีไทยสมัยก่อน เรื่องราวของความสุดแค้นเพราะแสนรัก ชายหนุ่มคนนึงหลงรักเพื่อนสาวอย่างไม่อาจหาอะไรมาทดแทนได้ เมื่อถูกปฏิเสธรัก แล้วทิ้งคำสาปแช่งเอาไว้ก่อนที่จะคิดสั้น จดหมายที่ทิ้งไว้เป็นจุดเริ่มต้นของความทุกทรมานชั่วชีวิตของหญิงสาว ซึ่งเป็นญาติของผู้เล่าเรื่อง

ลิงค์ : https://pantip.com/topic/33730104

9. ธี่หยด…เรื่องเล่าผีที่ฮิตที่สุดบนพันทิป

เจ้าของกระทู้ : Rhythm in the Air
กระทู้จากปี : 2558

ถ้าพูดถึงเรื่องเล่าผีที่เป็นตำนาน โด่งดังที่สุดเรื่องนึงของพันทิป ต้องมีเรื่องนี้อยู่ในลิสท์แน่นอน ด้วยการคอมเมนท์และแชร์มหาศาล จนกระทั่งได้รับการตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ชื่อดังเป็นรูปเล่มในภายหลัง

เรื่องย่อ…. เรื่องราวประสบการณ์ที่จำติดตาที่สุดตั้งแต่เด็กของสมาชิกผู้เล่าเรื่อง เรื่องของน้าสาวที่ถูกอะไรบางอย่างกัดกินจนต้องทุกข์ทรมานอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นแรงปรารถนาจากบางคนที่ใช้อวิชชา เรื่องนี้ยาวมากแต่มีการเขียน เรียบเรียงที่ดี มีหลายรสชาติ หลายอารมณ์ เต็มไปด้วยวามระทึกและกดดัน กระทู้ผีพันทิปที่มีคนติดตามแบบเรียลไทม์ขณะที่คนเขียนมาคอยอัพเดทเป็นระยะ

ลิงค์ : https://pantip.com/topic/33718556

10. มหาลัยกลางหุบเขา ภาคเหนือ

เจ้าของกระทู้ : สมาชิกหมายเลข 2418632
กระทู้จากปี : 2559

เรื่องย่อ…. รวมเรื่องเล่าประสบการณ์สยองขวัญชีวิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในภาคเหนือ กับเรื่องเล่าสยองขวัญต่างๆที่ได้พบเจอมา หากใครเคยเรียนที่นี่หรือแม้กระทั่งรู้จักเคยเห็น คงจะเห็นภาพตามได้เป็นอย่างดี

ลิงค์ : https://pantip.com/topic/35416426

11. เรื่องเล่าผี วิญญาณกับเครื่องบิน

เจ้าของกระทู้ : Keichun
กระทู้จากปี : 2557

เรื่องย่อ…. เริ่มต้นจากการเป็นกระทู้คำถาม ที่ผู้ใช้รายหนึ่งอยากฟังเรื่องเล่าสยองขวัญบนเครื่องบิน จนกระทั่งมีสมาชิกท่านอื่นๆมาช่วยเติมเต็มด้วยการแชร์ประสบการณ์กละเรื่องเล่าให้ฟังยาวเหยียดจากหลายสาขาอาชีพ ที่ได้พบมาจากบนเครื่องบิน ทั้งเรื่องรอยเท้าเด็กบนเบาะผู้โดยสาร เหตุการณ์ที่ไม่เคยมีคนเล่าของอาคารสนามบินชื่อดัง แม้กระทั่งเหตุการณ์นั่งบินติดกับศพ จนกลายเป็นกระทู้ผีพันทิป ที่สมาชิกนำเรื่องราวต่างๆมาเล่าสู่กันฟัง

ลิงค์ : https://pantip.com/topic/32358837

12. เที่ยวบินสุดท้าย TG 311

เจ้าของกระทู้ : สมาชิกหมายเลข 2464512
กระทู้จากปี : 2559

เรื่องย่อ…. เหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินไทยตกครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งเมื่อ 20กว่าปีที่แล้ว เมื่อเครื่องบินตกที่เนปาล ผู้โดยสารนับร้อยที่มาจากต่างที่ต่างถิ่นกันต้องพบจุดจบ พวกเขาอยากกลับบ้าน… จนกระทั่งได้เที่ยวบินที่จะนำร่างไร้วิญญาณของพวกเขาส่งกลับ แต่เหตุการณ์บนเครื่องบินลำนั้น ย่อมไม่เหมือนลำไหนๆที่คุณเคยบินมาแน่

ลิงค์ : https://pantip.com/topic/34816301

13. ไฟล์ทบินสยองขวัญ

เจ้าของกระทู้

Admin

26/03/2018

เรื่องเล่าผี | หมู่บ้านสยองโคราช อยู่มา 2 ปี มีงานศพแทบทุกวัน!

เรื่องเล่าผี เรื่องนี้..เริ่มต้นขึ้นจาก มีผู้หญิงคนนึงโทรมาเล่าประสบการณ์สุดหลอน ผ่านทางรายการวิทยุ EFM 104.5 “อังคารเช็คดวง” ซึ่งออกอากาศสดเมื่อ 19 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา เรื่องแปลกๆที่ “คุณพลอย” เจ้าของสายเจอมากับบ้านโครงการหนึ่งในจ.โคราช ที่มีคนตายแทบทุกวันจนหมู่บ้านร้าง ไม่เว้นแม้กระทั่งสัตว์จรจัดที่ไปหากินในพื้นที่หมู่บ้าน ล้วนมีอันเป็นไปกันทั้งสิ้น ส่วนคนที่ยังอยู่ หากไม่ประสบปัญหาทางการเงินก็มักจะมีเรื่องให้ทะเลาะเบาะแว้งกันภายในครอบครัว โดยหลายคนเชื่อกันว่าเป็นอาถรรพ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ (คำเตือน…“เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน”)

ประสบการณ์เกือบ 2 ปี ที่อยู่ร่วมบ้านกับผี! – เรื่องเล่าผี

เรื่องราวของหมู่บ้านผีสิงในจ.นครราชสีมา มีอยู่ว่า…

คุณพลอยเล่าว่า…มีเรื่องราวประหลาดเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้เสมอ จนอยู่ไม่ได้

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้น… เมื่อคุณพลอยและครอบครัวตั้งใจจะย้ายจากบ้านเดิมมาอยู่บ้านหลังใหม่ที่พึ่งซื้อ ด้วยราคกว่า 4 ล้านบาท เป็นบ้านโครงการหรูสไตล์อังกฤษ ในวันแรกก่อนจะย้ายเข้านั้น บังเอิญญาติถอยรถไปโดนหมาตัวหนึ่งบาดเจ็บ คุณพลอยเลยเอาน้องเขามาเลี้ยงที่บ้านใหม่ด้วย ซึ่งปกติคุณพลอยก็เลี้ยงอยู่แล้วหลายตัว

หลังจากวันนั้น.. เมื่อย้ายเข้ามาอยู่… คุณพลอยเล่าว่ามีบรรยากาศมันแปลก มันมีความเศร้า ทั้งที่ๆหมู่บ้านหรูและสวยมาก ตอนย้ายเข้ามาวันแรกสามีที่เป็นทหารก็มีคำสั่ง ถูกย้ายให้เข้ากทม. กระทันหัน ทำให้ครอบครัวไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าอย่างที่ตั้งใจ

ผ่านมาหนึ่งเดือน… จู่ๆสุนัขที่คุณพลอยเลี้ยงไว้ (จากทั้งหมด 11 ตัว) ก็ได้เริ่มตายเป็นตัวแรก หลังจากเข้าโรงพยาบาลได้ 2 อาทิตย์ หลังจากนั้นสุนัขก็เริ่มทยอยล้มหายตายจากไปเรื่อยๆอีก รวม 7 ตัว ติดต่อกันภายในเวลาแค่ 2 เดือน รวมทั้งตัวที่เคยเก็บมาก่อนจะเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ด้วย… อย่างไม่มีสาเหตุ คุณพลอยเล่าว่ามันนอนตายไปซะเฉยๆ จนคุณพลอยร้องไห้ไม่ทัน เป็นจุดเริ่มต้นของความอาถรรพ์ของหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าผีๆ

หลังจากนั้น… ไม่ใช่แค่สุนัข คนสวนในหมู่บ้านที่คุณพลอยจ้างพิเศษมาทำงานสวน จู่ๆก็เกิดอุบัติเหตุรถประสานงา เสียชีวิตไปถึง 3 คน ซึ่งหลังจากตอนนั้น คุณพลอยเล่าว่า ลูกของเธอทักว่ามีคนแอบดูเราอยู่ในบ้าน มีคนแอบคุยข้างๆหู ซึ่งลูกคุณพลอยอยู่ ม.1 แล้ว ไม่ใช่เด็กไม่ประสีประสา ที่จะไม่รู้เรื่อง

แม้แต่เพื่อนเองก็ไม่กล้ามาบ้านแล้ว เพราะ…ในบ้านจะมี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ วันหนึ่งซึ่งเพื่อนนั่งอยู่ในห้องนึงหน้าตู้เสื้อผ้าที่มีกระจกบานใหญ่ … จู่ๆเธอก็บอกกับคุณพลอยว่า “เห้ย ต่อไปนี้ไม่มาบ้านเธอแล้วนะ” จนคุณพลอยตกใจและสงสัยว่าทำไม เพื่อนบอกว่า “ตอนหวีผมอยู่ดีๆ มีผู้หญิง…แมร่งมาหวีผมอยู่ข้างหลัง”!!

ตัวสามีคุณพลอยเองไม่เคยบอกเลย ว่าทุกครั้งที่มาบ้านจะเจอเหมือนกัน จนวันที่คุณพลอยและลูกตัดสินใจย้ายออก เขามาขอโทษที่ไม่เคยบอกเราเลย แล้วให้อยู่กับลูกว่าเห็นผู้หญิงนั่งอยู่ที่ชิงช้าหน้าบ้าน เป็นเหตุให้ทุกครั้งที่สามีมาบ้านจะไม่ชอบอยู่ติดบ้าน จนคุณพลอยเคยสงสัยว่าแอบมีบ้านเล็ก

แม้แต่บ้านอื่นในหมู่บ้านนี้ ก็ประสบเคราะห์กรรมไม่ต่างกัน…

มีเคสนึง เป็นนักเรียนนอกกำเงินมาเป็น 10 ล้าน และตั้งใจมาเป็นครูพิเศษ เงินเดือนสูงเลย แต่หลังจากอยู่ไปเพียง 4-5 เดือน ก็ตกงานเพราะอยู่ๆก็ประสบอุบัติเหตุ ขาพิการใช้การไม่ได้ จึงไปทำงานไม่ได้

เรื่องเล่าผี หมู่บ้านอาถรรพ์เริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคุณพลอยเล่าต่อว่า เพื่อนตนเอง อยู่หมู่บ้านเดียวกัน บ้านเลขที่ 444/42 ก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แล้วไฟครอกทั้งๆที่คนในรถยังได้สติ และเนื่องจากเป็นรถเติมแก๊ส พอเกิดเพลิงไหม้ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย แม้ว่าเพื่อนเธอพยายามจะร้องขอความช่วยเหลือจากในซากรถ!! และต่อมาคนสวนของบ้านนั้นก็เล่าให้ฟังว่า… เห็นเพื่อนเธอยืนรดน้ำต้นไม้ที่บ้าน หลังจากที่ตายแล้วอยู่ สร้างความตกตะลึงให้กับพิธีกรในรายการอย่างมาก

คุณมดดำย้ำกับคุณพลอยว่า..คนในหมู่บ้านนี้ดูเหมือนถ้าไม่ล้มละลายก็มีอันเป็นไป จนดูเหมือนคนในหมู่บ้านนี้มีอาชีพจำเป็นอย่างนึงคือ “ไปงานศพเป็นกิจวัตร” คุณพลอยก็ยืนยันว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ

จนผ่านมากว่า 2 ปี ในช่วงปี 58 จึงมีรายที่ 4 เกิดขึ้น… คนสวนคนสุดท้ายนั้นเกิดรถชนกับกระบะคาที่ สมองเปิด จนคุณพลอยคิดว่าถึงเวลาต้องตัดใจทิ้งบ้านราคากว่า 4 ล้านบาทและย้ายออกไปอยู่บ้านคุณพ่อคุณแม่

มีอยู่วันนึง ใช่วงปี 58 นั้นเอง เนื่องจากครัวที่บ้านเป็นครัวแบบตะวันตก ซึ่งจะยกพื้นหนึ่งสเต็ป ขณะเดินผ่าน..จู่ๆก็ได้ยินเสียงกระซิบ “4..8..3..” ผีบอกเลขให้ตรงๆสามตัวเลย! แต่ทว่า..ทุกครั้งที่ถูกหวยจะต้องมี 1 ชีวิตที่ถูกสังเวย!!

คุณพลอยบอกว่าไปดูดวงดูหมอมาหลายที่ ก็ถูกทักว่าที่บ้านมีผี มีปอบนะ ไม่ดีนะ มีผีจะเอาชีวิต อะไรแบบนี้ ตอนแรกตนเองยังไม่มั่นใจ จนกระทั่งคุณพลอยแน่ใจว่าเราโดนแน่แล้วก็ตอนได้พบกับหญิงท้องเดินทะลุกำแพงเข้ามาในบ้าน มีแต่ตัว..หัวไม่มี!

คุณพลอยเคยนิมนต์พระ 9 รูป เคยเชิญสินแสมาเขียนฮู้ตรงราวบันได เพราะที่ราวบันไดมีของเหลวสีแดงชวนสยองไหลออกมา หยดๆๆลงมา ซินแสเลยมาเขียนให้ตรงบริเวณหัวของราวบันได ซึ่งเราก็ไม่รู้ที่มาที่ไป เข้าใจว่าเป็นแค่ของประดับเพื่อความสวยงาม แต่ก็มีบางคนบอกว่าเคยมีคนแขวนคอที่กำแพงตรงนั้นมาก่อน! รู้สึกกลัวจนแทบอยู่ไม่ได้แล้ว คุณพลอยบอกว่า..ตนไม่ได้กลัว เรื่องเล่าผี ๆนะคะ แต่กลัวกับเรื่องประหลาดๆที่เกิดขึ้นจนนำซินแสมาแปะยันต์ หมอดูมาช่วยทุกวิธีแล้ว แต่ก็มิได้นำพา

คุณพลอยเหนื่อยกับเรื่องราวที่ประสบพบเจอจนวันนึงก็ลองดีด้วยความโมโห ทั้งๆที่ตนเป็นเจ้าของบ้าน คนอื่นหรือสิ่งอื่นจะมามีปากเสียง จะมายิ่งใหญ่กว่าเราไม่ได้ ก็ได้จุดธูปแล้วท้า..บอกว่า “ถ้าแน่จริง เมิงออกมาหากรูเลย” หลังจากนั้นก็มาจริงๆ แต่ไม่ได้มาเป็นตัว มาเพียงลมแผ่วเบาและเสียงกระซิบข้างหูว่า…”จำไว้ กรูชื่อจัน!” ทำเอาวันนั้นตนต้องแอดมิดเข้าโรงพยาบาลเลย

คุณพลอยเล่าว่าอีกเรื่องเล่าผีที่ประหลาดคือ เวลาตนอยู่บ้านต้องมีความรู้สึกว่าอยากแต่งหน้า จำเป็นต้องแต่งหน้าอยู่ตลอด โดยเฉพาะวันไหนที่ใช้ลิปสีแดงจะมีความรู้สึกสั่นร้อน จนไปถามปรึกษาเพื่อนบ้านว่าตนจะโดนผีเข้ารึเปล่า แม้กระทั่งวันที่เข้าโรงพยาบาล ล้างหน้าหน้าสดแล้วยังเอ่ยถามแม่ตนว่า “แม่..มีอายไลน์เนอร์ เขียนตามั้ย”

เคสนึงที่ได้ฟังจากรปภ. เรื่องของเพื่อนร่วมหมู่บ้าน กระโดดระเบียงลงมาเพราะน้อยใจสามี หวังปลิดชีพ แต่ไปตายที่โรงพยาบาล ซึ่งบ้านที่เกิดเหตุก็อยู่ไม่ไกลจากคุณพลอย ห่างไปไม่กี่หลังเท่านั้น

นอกจากนี้บ้านหลังเลขที่ 444/27 ก็เคยมาถามว่า เคยเจอมั้ย เป็นผู้หญิงมาลากเตียงเลื่อนเตียงในห้อง คุณพลอยเล่าว่าตนเจอเป็นผู้หญิงท้อง เพื่อนบ้านบอกตนไม่แน่ใจเพราะเห็นจากด้านหลัง

คืนนึงอยู่กับลูกสองคน ได้ยินเสียงกดกริ่ง ออกไปก็เจอผู้หญิงเปียกโชกไปทั้งตัว ยืนอยู่ในรัวบ้านแว่บแรกคิดว่าคงเป็นใครที่ตกน้ำแถวนี้แล้วมาขอความช่วยเหลือรึเปล่า แต่เธอผู้นั้นเข้ามาในบ้านได้อย่างไร กำแพงสูงถึง 5 เมตรและรั้วก็ล็อคแน่นหนา ต้องใช้บันได้ปีนพาดเข้ามาเลยนะ คุณพลอยก็ถามว่าใครแต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับมา…

คุณพลอยสรุปให้ฟังว่าตั้งแต่อยู่มาเกือบๆ 2 ปี ได้เห็นคนตายไปแล้ว 3 ที่เป็นเจ้าของบ้าน กับคนสวนอีก 4 นี่คือตัวเลขแน่นอนเท่าที่คณพลอยทราบ นอกจากนี้ยังไม่นับรวมอุบัติเหตุอื่นๆอีกด้วย แต่ที่เห็นชัดๆที่สุดคือล้มละลาย ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยมาก ข้างบ้านหลังนึง จากที่เคยมีเงินกว่า 11 ล้าน หมดได้ภายใน 6 เดือนจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน

หลังจากคราวเรื่องเล่าผีผู้หญิงท้อง เรื่องก็ผ่านไปจนสามีคุณพลอยก็กลับมาแล้ว แต่เจอหนักกว่าเดิม ในคืนหนึ่งสักสามทุ่มมาหอนกันทั่ว เหมือนกลัวอะไรบางอย่าง ลมก็พัดแรง ขณะที่สามีจอดรถ หลังจากที่พวกเราไปข้างนอกกันมา

สามีเอ่ยขึ้นว่า “คุณ…! ใครอยู่ข้างหลังเรา?” พอคุณพลอยหันไปดูก็พบใครบางคนหน้าตึงๆ ไรขนที่ใบหน้าตั้งชูชัน ในดวงตามีนัยน์ตาที่ประหลาด เป็นสีขาวดวงเล็กๆ สามีดูตื่นกลัวแต่ยังรู้สึกตัว และเขย่าตัวคุณพลอยพร้อมบอกว่า “คุณ! ข้างหลังเรา มันจะเข้าสิงเรา” 

คุณพลอยก็รีบวิ่งเข้าบ้านไปอุ้มพระ เป็นพระแก้วมรกตลงมา ด้วยความตกใจคุณพลอยก็สวดมนต์เท่าที่นึกออก วนๆไป แล้วบอกว่าพระแก้วช่วยลูกด้วยๆ! สักสามนาทีลมก็สงบ จนสามีตะโกนให้เข้าบ้านๆ ได้จังหวะก็รีบพากันวิ่งเข้าบ้านไปเลย

นั่นเป็นครั้งแรกที่คุณพลอยรู้ว่า..คนผีเข้ามันเป็นยังไง จากนั้นคุณพลอยก็เล่าว่า…ได้ยินเสียงคนทุบกระจก เพราะเป็นบ้านสไตล์อังกฤษที่มีกระจกเยอะ แต่มันแปลกตรงที่ มันจะเป็นไปได้ไงที่จะมีคนไปเคาะกระจกถึงบนห้องนอนชั้นสอง จนสั่นสะเทือนดังทั่วบ้าน

จุดสิ้นสุดความอดทน

Admin

07/03/2018

“ห้องสนิม” เรื่องเล่าผีล้านวิว ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในปี 2018

ห้องสนิม” หากใครที่รักการอ่านเรื่องเล่าผีเป็นชีวิตจิตใจน่าจะผ่านหูผ่านตาเรื่องนี้มาบ้าง เพราะมันคือเรื่องเล่าผีที่น่ากลัวที่สุดเรื่องนึงในปีที่ผ่านมา โดยถูกเล่าผ่านรายการวิทยุผีชื่อดัง เจ้าของเรื่องคือคุณแป้งซึ่งนำประสบการณ์ชวนหลอนสุดในชีวิตของรุ่นพี่คนนึงชื่อ จิรา มาเล่าสู่กันฟัง และทันทีที่เรื่องนี้ถูกออนแอร์ก็ได้รับการเข้าชมคลิปและแชร์ออกไปอย่างถล่มทลาย ด้วยความน่ากลัว ความโหดดาร์คของเนื้อเรื่อง ที่ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นในมุมหนึ่งของสังคมไทย

“ห้องสนิม” เรื่องเล่าผี ที่มียอดวิวมากที่สุดเรื่องนึงในประวัติศาสตร์

เรื่องเล่าผีเรื่องนี้ย้อนกลับไปเมื่อ 33 ปีที่แล้ว ในตอนนั้นคุณจิรา รุ่นพี่ของคุณแป้งเป็นนักศึกษาปี 3 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และกำลังลงเรียนในวิชาที่ศึกษาวิจัยด้านภาษาท้องถิ่น นอกจากนี้วิชาที่ว่ายังจำเป็นต้องลงภาคสนามเพื่อไปเก็บข้อมูลถึงสถานที่จริง โดยคุณจิราและเพื่อนอีก 3 คน คือ กิ๊บ นุช และวิรุณ ตกลงกันว่าจะเลือกพื้นที่หนึ่งในจ.สระแก้วเป็นเป้าหมายการค้นคว้า

เมื่อถึงวันที่ต้องออกเดินทาง คณะนักศึกษาทั้ง 4 เดินทางแต่เช้ามืดและถึงที่หมายในช่วงสายของวัน แล้วจัดแจงเช็คอินเพื่อเข้าพักในโรงแรม วันถัดมาก็ตกลงกันลงขันจ้างรถที่ทางโรงแรมให้บริการ โดยที่มีแพลนว่าจะลงภาคสนามเพื่อรวบรวมข้อมูลกันใน 2 พื้นที่คืออ.อรัญประเทศ ซึ่งมีพื้นที่ติดชายแดนและเป็นที่ตั้งของตลาดชื่อดังอย่าง “โรงเกลือ” กับอีกพื้นที่นึงคืออำเภอข้างเคียงกัน ซึ่งที่นี่เองเป็นที่มาของเรื่องเล่าอันน่าสะพรึงเกินกว่าจะจินตนาการได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆลงความเห็นกันว่าเราจะไปยังอำเภอ “ข้างเคียง” ดังกล่าวมาก่อน แล้วค่อยไปจบที่อรัญประเทศ โดยคาดหวังว่าจะได้เดินตลาดซื้อของฝากกันหลังจากเสร็จกิจธุระตอนขากลับ

หลังไปถึงอำเภอที่ว่าแล้ว จุดสำรวจแรกคือวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะจัดงานผ้าป่ากฐินอยู่ จึงแวะลงไปสักการะบูชาและทำรีเสิร์ชกันอยู่ราว 2 ช.ม. ก็ผละออกมา จนกระทั่งพบหมู่บ้านแห่งหนึ่งไม่ไกลออกไปนัก ก็นัดแนะกับคนขับรถที่จ้างมาว่า จะอยู่ทำงานที่หมู่บ้านแห่งนี้ 2-3 ช.ม. สักสี่โมงเย็นค่อยกลับมารับพวกตนใหม่ที่จุดนัดหมายซึ่งนัดแนะกันไว้ล่วงหน้า เพราะกว่า 30 ปีที่แล้ว ระบบโทรคมนาคมยังไม่สะดวกรวดเร็วเหมือนกับตอนนี้ ยิ่งด้วยเป็นพื้นที่ห่างไกลเมืองด้วยแล้ว การนัดหมายให้ชัดเจนจึงสำคัญ

คณะนักศึกษาพากันเดินเข้าไปยังหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากวัด อย่างไรก็ตามหมู่บ้านที่ว่านับว่าเป็นชุมชนขนาดใหญ่เอาเรื่อง เมื่อผ่านเข้าไปจะพบกับเรือนผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นที่ทำการประกอบกิจของหมู่บ้านด้วย หากเดินเข้าไปตามทางก็จะพบว่าบ้านแต่ละหลังในหมู่บ้านนี้มีสัมมาอาชีพเป็นช่างต่างๆกัน ไม่ว่าจะเป็นช่างไม้ ช่างเหล็ก และงานผลิตสินค้าที่ใช้ความชำนาญ ดูแล้วเป็นชุมชนตัวอย่างเลยทีเดียว นับว่าเป็นโชคดีของกลุ่มนักศึกษาที่เลือกจะมาเก็บข้อมูลวิจัยกันที่นี่ เพราะนอกจากมีวัตถุดิบข้อมูลที่สะท้อนความเป็นอยู่ของคนในชุมชนแล้ว ลูกบ้านต่างก็ยิ้มแย้มทักทายอย่างเป็นกันเอง

หลังคณะวิจัยขอความร่วมมือศึกษาและรวบรวมข้อมูลผ่านการสัมภาษณ์ผู้คนในท้องที่ ผู้ใหญ่บ้านก็มีน้ำใจชวนคณะไปรับประทานอาหารกลางวัน ตั้งวงกับข้าวกับปลากันบริเวณชานเรือนอย่างเรียบง่ายเป็นกันเอง ขณะที่เวลามีแขกไปใครผ่านมา ผู้ใหญ่ก็จะโบกมือเรียกมาแบ่งแกงพะโล้ของแกไปทาน จิราและเพื่อนเห็นภาพแบบนี้ก็รู้สึกว่าคืดไม่ผิดที่ได้มาที่นี่

กระทั่งการมาของชายคนหนึ่ง จิราและนักศึกษาสังเกตเห็นชายร่างผอมสูงท่าทางมอมแมมในชุดขาดวิ่นเป็นริ้ว ผมเพ้ากระเซิงราวคนจรจัด เดินผ่านมาจากทางเข้าหมู่บ้าน แล้วมานั่งอยู่ที่ข้างบ้านหลังหนึ่ง ไม่ไกลจากที่คณะนักศึกษานั่งทานข้าวอยู่นัก ผู้ใหญ่ที่ร่วมวงอยู่ด้วยกันคงสังเกตเห็นว่าคณะนักศึกษากำลังเพ่งความสนใจไปที่ชายนิรนามที่ว่า จึงเอ่ยปากขึ้นแม้ไม่มีใครทักถาม

“หมอนี่มันชื่อเมืองมน… เมืองมนคนผีบ้าน่ะ”

“เป็นลูกชายของหมอขวัญใกล้วัดแถวๆนี้แหละ เมื่อก่อนมันก็ดูดีเป็นผู้เป็นคนอยู่หรอก”

“แต่ก่อนนับว่ามันหล่อเหลาเอาการ กระทั่งมันไปชอบพอนางโนรี ลูกสาวป้าคล้าย ช่างทำเสื่อที่นั่งอยู่ตรงนั้น แต่อกหักกลับมา…”

“ก็เพราะว่านางโนรีมีเสี่ยสิบ นายหน้าค้าที่ดินที่บังเอิญมาทำกิจธุระแถวนี้มาชอบพอเค้าน่ะสิ สุดท้ายก็ตกลงปลงใจไปอยู่ด้วยกัน ลงเอยด้วยดี จนตอนนี้นางโนรีมันคงสบายไปแล้ว”

“แต่ไอ้เมืองมนน่ะสิ คงจะเฮิร์ทเอาเรื่อง ทำใจไม่ได้จนเสียผู้เสียคน เพี๊ยนจนเลเะเลือนไปเลย…”

เนื่องจากจิราและเพื่อนๆเป็นนักศึกษา ยังหนุ่มยังสาวอยู่จึงสนใจในเรื่องรักๆใคร่ๆเป็นธรรมดา เลยชวนคุยกันอย่างออกรส หนึ่งในนั้น..นุชก็ถามขึ้นแทนใจของทุกคนว่า

“แม่โนรีคนนี้คงจะสะสวยมากเลยนะ ถึงกับทำหนุ่มหลงหัวปักหัวปำ อกหักจนเป็นบ้าเป็นหลังได้ขนาดนั้น”

ทันใดนั้นเองภรรยาของผู้ใหญ่บ้านก็พูดขึ้นมาอย่างรู้งาน…

“หน้าตาพิลึกสิไม่ว่าหนูเอ๊ยย ไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมือง”

“เป็นผู้หญิงแท้ๆแต่สูงชะลูด แขนขาเก้งก้าง ผมก็แดงยังกับอิฐ ตาเหลืองผิวซีดๆ มีกระๆขึ้นเต็มหน้า”

จิราก็กับเพื่อนก็พูดแทบจะเป็นเสียงเดียวกันว่า… นี่มันลักษณะของฝรั่งต่างชาติ ลูกครึ่งชัดๆ ภรรยาผู้ใหญ่ก็อธิบายเสริมเติมความว่า… ยายคล้ายแม่ของโนรี อุ้มท้องโย้ย้ายมาจากสัตหีบเมื่อหลายปีก่อนมาอยู่ที่นี่ เดิมทีบ้านนั้นยังมีตาพุ่มอาศัยอยู่ แต่หลังคลอดได้ปีนึง ตาพุ่มก็มาเสีย จนยายคล้อยต้องตกระกำเลี้ยงลูกตัวคนเดียวด้วยการหาของป่าขาย

“พอตอนหลังนางโนรีมีผัวเป็นเสี่ยนั่นแหละ ถึงได้มีเงินมาปลูกบ้านใหม่อย่างที่เห็น”

ขณะที่นั่งฟังเรื่องเล่าเมื่อครั้งอดีตของสาวผู้เป็นต้นเหตุให้ชายคนหนึ่งเสียสติ จิราก็สังเกตเห็นคนในบ้านช่างตีเหล็ก เอากับข้าวในชามไปให้ผู้ชายคนที่ว่า แต่จู่ๆเมืองมนก็เกิดร้องโหวกเหวกคุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างกับเห็นผีร้าย ปัดชามคว่ำกระเด็น แล้ววิ่งหนีหายเข้าไปด้านในที่ที่ใช้เก็บข้าวของเครื่องมือช่าง ชาวบ้านต่างพากันวิ่งไปเพื่อคุมตัวเมืองมน เนื่องจากเกรงว่าหากปล่อยทิ้งไว้อาจจะเผลอไปทำร้ายคนอื่นๆได้

วิรุณชายหนุ่มคนเดียวในคณะนักศึกษาก็เข้าไปช่วยด้วย เลยได้เห็นอย่างชัดเจน ว่าเมืองมนอยู่ในสภาพที่น่าอดสูเพียงใด เขานั่งขดตัวซุกอยู่กับมุมหนึ่งในห้องที่คล้ายกับตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกจับด้วยสนิมเป็นสีแดงน้ำตาลคล้ำหนา จนดูเผินๆคล้ายกับกล่องเหล็กขนาดใหญ่ที่ถูกฉาบไปด้วยสีชาด เมื่อสังเกตดูดีๆจะพบว่ามันถูกสร้างขึ้นจากการนำแผ่นเหล็กมาก่ออย่างหยาบๆเหนือพื้นดิน โดยที่พื้นยังคงเป็นดินเปลือย ภายในห้องดูเหมือนใช้เป็นที่เก็บอุปกรณ์ช่างต่างๆที่ทำจากโลหะกองสุมกันอยู่ แต่มีสิ่งที่สะดุดตาในห้องสนิมเขลอะคือ ตรงกลางห้องแท่นปูนขนาดประมาณโต๊ะเล็กๆถูกก่อขึ้นมา ด้านบนนั้นมีอาวธของมีคมอย่างมีดและดาบวางสุมไขว้กันเป็นกระโจมย่อมๆ แม้ห้องที่ว่าจะดูแปลกประหลาดแต่ก็ไม่ได้ถึงกับติดใจอะไรเขาไปมากกว่า สถานการณ์ของเมืองมนชายสติฟั่นเฟือนตรงหน้า ในที่สุดก็ดูเหมือนจะสงบลง ทุกคนจึงปล่อยให้เขานั่งร้องไห้อย่างเงียบๆอยู่ในห้องนั้นคนเดียว

จุดเริ่มต้นของเรื่องเล่าผีที่น่ากลัวที่สุด… “คนบ้ากับห้องสนิมประหลาด”

หลังเสร็จงานเรียบร้อย ก็นั่งรอรถมารับกระทั่งได้เวลานัดหมาย แต่จนแล้วจนเล่าเวลาล่วงเลยไป 6 โมงเย็นก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีรถมารับ จึงขอยืมโทรศัพท์โทรไปยังโรงแรมจากบ้านผู้ใหญ่ วิรุณคุยกับทางนั้นได้ความว่ารถเกิดเสียกระทันหัน และจะส่งรถคันอื่นออกไปรับแทน เนื่องจากดูท่าว่าจะใช้เวลาซ่อมแซมนานกว่าที่คิด ยังไม่ทันจะได้ข้อสรุปผู้ใหญ่บ้านก็เชิญชวนด้วยอัธยาศัยว่าทำไมไม่อยู่ค้างคืนซะที่นี่เลยล่ะ เนื่องจากหมู่บ้านชุมชนแห่งนี้อยู่ห่างจากโรงแรมกว่า 30 ก.ม. อีกทั้งคืนนี้จะมีงานสังสรรค์กันภายในชุมชน เพื่อนๆฟังแล้วก็รู้สึกว่าน่าสนุก จึงตัดสินใจค้างกันที่นี่คืนนึง โดยนัดให้โรงแรมมารับในเช้าวันรุ่งขึ้นแทน

คืนนั้นคณะนักศึกษาอยู่กินเลี้ยงกับชาวบ้านกันบริเวณลานหน้าบ้านผู้ใหญ่ กระทั่งตกดึกต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน โดยที่คืนนั้นจิราและเพื่อนๆได้ภรรยาผู้ใหญ่เป็นธุระจัดห้องหับให้นอนรวมกันที่บ้านหลังหนึ่งใกล้กับเรือนผู้ใหญ่ กลางคืนที่นี่เงียบสงัดจนแทบได้ยินเสียงหายใจชัดเจน อย่างไรก็ตามก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาทำลายความเงียบนั้น จิราได้ยินเสียงบางอย่างกระทบกันดังตุบๆๆเป็นจังหวะช้าๆ ราวกับมีคนใช้ค้อนทุบกับผนังหรือพื้นอะไรสักอย่าง เสียงนั่นยังคงดังต่อไป และดูเหมือนต้นกำเนิดเสียงจะอยู่ห่างออกไป จิราไม่ได้รู้สึกแปลกอะไรหากจะมีเสียงใครลุกขึ้นมาทำงานกลางดึก ในหมู่บ้านของช่างฝีมือเช่นที่นี่ จึงคล้อยหลับไป จนมาตื่นอีกทีเพราะอยากเข้าห้องน้ำ แต่ครั้นจะไปเข้าคนเดียวก็เกิดนึกกลัวขึ้นมา เนื่องจากห้องน้ำแยกอยู่ข้างนอกตัวบ้าน เลยปลุกนุชที่นอนอยู่ใกล้ๆลุกออกไปเป็นเพื่อน ด้านนอกทั้งมืดและเย็นเยียบ แต่สิ่งที่ปลุกเร้าสัมผัสของทั้งคู่กลับเป็นเสียงตุบๆๆ ที่ยังคงดังอยู่ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่

ถึงแม้จะสงสัยอยู่ในที แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะทักขึ้นหรือถามออกไป ความอยากรู้อยากเห็นบางทีก็นำมาซึ่งเรื่องยุ่งยาก กระทั่งพบว่าทางไปห้องน้ำต้องผ่าน “ห้องสนิม” ที่ทั้งคู่เห็นเมื่อกลางวัน พอมาดูอีกทีในตอนกลางคืนเช่นนี้ มันดูน่าสยดสยองกว่าเดิมมาก ตู้เหล็กผุกร่อนสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ที่ปกคลุมไปด้วยคราบสนิมหนาเตอะจนเหมือนถูกสาดไปด้วยสีชาดของโลหิต จนอดคิดไม่ได้ว่ามันดูไม่น่ามองเอาเสียเลย ทำไมเขาถึงไม่หาอะไรมาคลุมมาปิดมันหรือจะรื้อแล้วลงทุนทำให้มันดูดีเป็นกิจลักษณะกว่านี้ 

หังกลับจากเสร็จธุระห้องน้ำ ขากลับทั้งคู่เดินผ่านห้องสนิมอีก แต่คราวนี้ทั้งคู่กลับสังเกตเห็นรอยอะไรบางอย่างที่ผิวผนังของกล่องเหล็ก พอจ้องมองดูดีๆก็เกือบจะลืมหายใจ เพราะรอยที่บ่ามันดูราวกับเป็น “ใบหน้ามนุษย์” ที่ใหญ่โตกว่าปกติเป็นเท่าตัว ปูดโปนยื่นออกมาอย่างกับดูหนังผีสามมิติ ใบหน้านั้นดูเหมือนกับรวมเป็นแผ่นเดียวกับผนังสนิมสีชาด อ้าปากหวอแล้วส่ายไปส่ายมาเหมือนกับอะไรบางอย่างด้านในตู้พยายามที่จะทะลุออกมา ภาพที่ไม่น่าเป็นไปได้ตรงหน้าทำเอาสองสาวนักศึกษาได้แต่ยืนอึ้งงัน แม้แต่นิ้วก็ไม่อาจกระดิกกระเดี้ยวตามใจคิดได้ แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่แทบล้มทั้งยืน คือการปรากฏตัวโดยไม่คาดคิดของ “เมืองมน” ชายวิกลจริตที่ดูจะผูกพันกับตู้เหล็กพิศดารนี่ โผล่ออกมาจากในตู้ เขาเดินหัวเราะร่าอย่างอารมณ์ดีราวเสียสติ ก่อนที่จะเดินหายลับไปในความมืดบนถนนยามค่ำคืน จิราส่งเสียงกรีดร้องสุดแรง แต่มันดังอยู่แต่เพียงในลำคอของเธอ ก่อนที่จะหันมาเจอนุชที่ตอนนี้นอนสลบล้มพับขาแข้งอ่อนจนลงไปกองกับพื้น

ความพยายามครั้งถัดมาของจิราสำฤทธิ์ผล เสียงร้องของเธอดังไปทั่วทุกซอกในหมู่บ้านแห่งนั้น จนชาวบ้านต่างแตกตื่นลุกขึ้นมาดูเหตุการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกัน อย่างไรก็ตามนุชถูกหามตัวเข้าไปปฐมพยาบาล ส่วนจิรายังช็อคจนตัวสั่นไม่อาจให้การณ์อะไรได้ กระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก นุชรู้สึกตัวและกำลังพักผ่อน จิราก็ถูกถามถึงต้นสายปลายเหตุจึงเล่าทุกอย่างตามที่พบเห็นตามลำดับ หลังเล่าเรื่องประหลาดสุดสะพรึงจบ ปรากฎว่าเป็นฝ่ายผู้ใหญ่และชาวบ้านที่ดูจะออกอาการมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ มีบางอย่างเกิดขึ้นที่นี่..มีบางเรื่องที่เราไม่รู้ จิรานึกคำอธิบายออกได้เพียงเท่านี้ กระทั่งเจ้าบ้านช่างเหล็กก็พูดแทรกขึ้นมาทำลายความเงียบว่า 

 “จะอะไรซะอี๊กกก ก็ไอ้เมืองมนมันเลี้ยงผีน่ะสิ พอมันถูกหักอกจากนังโนรี ก็เล่นของทำคุณไสย คงนึกว่าจะทำให้นังโนรีกลับมารักกลับมาชอบมันได้ล่ะมั้ง แต่สุดท้ายของเข้าตัว จนเสียสติไปแล้วไงล่ะ!”

จิราฟังแล้วรู้สึกตำหนิลุงบ้านตีเหล็กอยู่ในที นี่เป็นเรื่องหน้าเศร้าเกินกว่าที่จะพูดล้อเลียนด้วยน้ำเสียงดูแคลนมนุษย์กันแบบนั้น มันไม่ชวนขำเลยสักนิด แต่ลุงแกยังพูดต่อไปอย่างสนุกปาก 

“เขาเอาของกินดีๆให้ก็ไม่เอา แต่กลับชอบเอาหนูกบไปนั่งกินในห้องสนิมเขลอะนั่น แปลกคนมั้ยล่ะ”

กระทั่งผู้ใหญ่ส่งสายตาตำหนิมา ลุงแกถึงได้สงบปากสงบคำ บางทีอาจจะกังวลอยู่ในที ว่าตาลุงนี่จะเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกมาก็เป็นได้ ก่อนจะออกปากสรุปเหตุการณ์ว่า คงทำอะไรไม่ได้ เพราะจะไปห้ามไปปรามมันตลอดก็ไม่ได้ มันก็เดี๋ยวไปเดี๋ยวมา ไม่เป็นหลักแหล่ง แล้วมันก็มักจะแอบมาทำพิธีคุณไสยมนต์ดำของมันเป็นประจำ ปกติคนแถวนี้ไม่ค่อยไปยุ่งแล้วก็ไม่เคยเจออะไรแบบที่หนูว่า บางทีอาจจะเพราะแปลกที่แปลกถิ่นก็เลยพบเจออะไรแปลกๆ อย่างไรก็ตาม ผู้ใหญ่แนะนำให้กลับไปนอนพักผ่อนกัน จะเปิดไฟเอาไว้ทั้งคืนก็ไม่ว่าอะไร เดี๋ยวฟ้าสางแล้วค่อยว่ากันใหม่ จิราและเพื่อนที่เหลือก็ต้องใช้ความพยายามเต็มที่ที่จะหลับ โดยเฉพาะกับคนที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อสักครู่ มันทำให้เรื่องราวดีๆที่ผ่านมาทั้งวันพลันให้วับไปกับตา กระทั่งเช้าวันถัดมารถจากโรงแรมก็มารับกลับ โดยที่ไม่รู้เลยว่าเรื่องราวในวันนี้จะได้กลายมาเป็นเรื่องเล่าผีสุดสยองที่ถูกเล่าผ่านรายการชื่อดังในอีก 30 …

Admin

16/02/2018
1 2 3