5 ประสบการณ์ผวาในร้านอาหาร | ผีสั่งพิซซ่า ผีลวกเย็นตาโฟ ฯลฯ
1. เรื่องเล่าเขย่าขวัญ : เย็นตาโฟ
เท่าที่จำความได้ ผมเติบโตมากับ “ก๋วยเตี๋ยวพี่พจน์” เลยทีเดียว เนื่องจากแกจะตระเวนเข็นขายในละแวกนี้มาตลอดหลายสิบปี ผมกินมาตลอดตั้งแต่สมัยยังเป็นนักเรียนกระทั่งปัจจุบันเรียนจบทำงานแล้วก็ตาม เนื่องจากปัจจุบัน 2-3 ปีที่ผ่านมาผมทำงานเป็นฟรีแลนซ์และใช้บ้านเป็นออฟฟิศ ทำให้มีโอกาสได้ฝากท้องมือกลางวันไว้กับก๋วยเตี๋ยวของพี่แกเป็นประจำ ด้วยความที่เป็นคนไม่ทำอาหารทานเอง และรถแกก็มักจะผ่านหน้าบ้านผม เป็นตัวเลือกหนึ่งที่หากินได้ง่ายและสะดวก เรียกได้ว่าช่วงนั้นผมเป็นลูกค้าประจำของแกเลย
แต่หลังจากนั้น ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ผมจำเป็นต้องออกไปทำงานต่างจังหวัด เลยไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ผมก็เลยห่างหายจากก๋วยเตี๋ยวของเฮียแกไปพักใหญ่ กระทั่งคืนหนึ่งที่ผมได้กลับบ้านในรอบหลายเดือน ขณะกำลังนอนเล่นพักผ่อนอยู่ในห้องส่วนตัวที่ชั้นสอง ผมก็ได้ยินเสียงร้องเรียกที่คุ้นเคย
“ก๋วยเตี๋ยวมาแล้วว ก๋วยเตี๋ยวมาแล้วครับบ”
ผมเหลือบมองนาฬิกาแขวนที่ผนัง มันบอกเวลา 3 ทุ่มแล้ว ผมอดแปลกใจไม่ได้นิดหน่อย เนื่องจากปกติพี่พจน์แกจะเข็นขายช่วงกลางวัน อย่างไรก็ตาม ด้วยยุคสมัยและเศรษฐกิจที่เปลี่แปลงไป ทำให้คนเราก็ต้องขยันหาเงินกันมากกว่าเดิม เป็นไปได้ว่าแกก็คงไม่ต่างกัน ประกอบกับผมรู้สึกหิวขึ้นมาพอดี เลยรีบลงไปดักรอพร้อมกับชามสีขาวจากในครัว
เนื่องจากละแวกบ้านผมนั้นค่อนข้างจะสงบเงียบกันอยู่แล้ว ประชากรส่วนใหญ่ก็จะเป็นครอบครัว อีกทั้งแต่ละหลังก็จะปลูกห่างกันออกไปพอสมควร ทำให้ในช่วงกลางคืนแบบนี้ มันยิ่งเงียบซะจนเสียงลมพัดก็ยังดังชัดเจน คืนนี้อากาศก็เย็นเยียบพิกล ผมยื่นชามที่พกออกมาให้พี่พจน์ก่อนจะสั่งเส้นเล็กเย็นตาโฟหนึ่งที่
“พักนี้ไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตานะ”
พี่พจน์ออกปากทักอย่างเงียบขรึม ออกจะผิดวิสัยของแกไปบ้าง เนื่องจากปกติแกจะออกตุ้งติ้ง มักจะทักทายอย่างจีบปากจีบคอราวกับผมเป็นหนุ่มหล่อก็ไม่ปาน
“ช่วงนี้ออกต่างจังหวัดตลอดเลย ไปเรื่องงานน่ะพี่”
“แม่ก็ไม่ค่อยเจอนะ…”
“อ๋อ ช่วงนี้แม่ผมเค้าไม่ค่อยอยู่ติดบ้านหรอก แกก็ไปเที่ยวกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันน่ะ”
พี่พจน์ส่งชามเย็นตาโฟให้ผม ขณะที่ผมกำลังเตรียมจะตักเครื่องปรุงที่วางเรียงรายอยู่หน้ารถเข็นนั้น พอดีว่าได้ยินเสียงรถขายโอเลี้ยงเลี้ยวเข้ามาพอดี ผมเลยหันไปมองแว้บหนึ่ง ปรากหันกลับมา รถเข็นก๋วยเตี๋ยวของพี่พจน์ก็หายไปซะแล้ว “อ้าว รีบไปซะแล้ว ยังไม่ทันได้ปรุงเลย” ผมอดที่จะบ่นอุบอยู่คนเดียวไม่ได้ ก่อนที่จะกลับเข้าไปในครัวเพื่อหาซองเครื่องปรุงที่ยังพอหลงเหลืออยู่บ้าง แต่พอเดินกลับมาหาชามที่วางเอาไว้บนโต๊ะ สิ่งที่อยู่ในชามทำเอาผมสะดุ้งโหยง สิ่งที่ควรจะเป็นเย็นตาโฟรสเลิศที่คุ้นเคย มันกลับคลาคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหม็นคาวของของเหลวค้นคลั่กสีแดงชาดในชาม
เมื่อตั้งสติได้ผมก็ยกชามออกมายืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าบ้าน เตรียมจะเททิ้งแต่ก็มองหาภาชนะรองรับก่อน พี่คนขายกาแฟโอเลี้ยงคงเห็นผมหน้าตาตื่นจึงถามผมว่ามีอะไรหรือ
“ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ผมซื้อจากพี่พจน์แก พอยกเข้าบ้าน ไหงกลายเป็นชามเลือดทั้งชาม”
“โดนแล้ว” พี่คนขายกาแฟร้อง เมื่อเห็นผมหน้าตางุนงง จึงอธิบายเพิ่มเติม “พี่พจน์แกเสียมาสองเดือน แล้วมั้ง”
ผมร้องอุทานตาโต “ตะกี้แกยังขายก๋วยเตี๋ยวให้ผม อยู่เลย”
“ผมก็ว่า เห็นคุณยืนพูดอยู่คนเดียว ยังนึกแปลกใจ” พี่คนขายกาแฟพูดต่อ “มีคนเจอหลายคนแล้ว บางทีก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตกก็กลายเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือเลือก บะหมี่แห้งก็กลายเป็นชามหนอน”
ผมไม่ค่อยอยากฟัง แต่แกคงอยากเล่าต่อ “คุณรู้ไหมแกเสียยังไง หลายเดือนก่อนมีสิบล้อเข้ามาซอยของเราแล้วเกิดเบรกแตก แกจอดขายอยู่ดีๆ เลยถูกทับ โน่น หน้าโกดังขายของเก่าพอดี น่าสงสารแกมาก นี่คุณไม่รู้เลยหรือ เรื่องออกดัง”
ผมเดินเข้าบ้านอย่างนึกสงสารทั้งแกและตัวเอง ไม่น่าเลยพี่พจน์ เล่นผมแรงจริงๆ ระหว่างนั้นแม่ผมก็โทร.เข้ามา ผมเล่าให้แม่ฟังเรื่องผมโดนพี่พจน์หลอก แม่ตอบเสียงเรียบ “แกโดนสองเด้งแล้ว ไอ้คนขายโอเลี้ยงมันก็ตายพร้อมอีพจน์นั่นแหละ มันหลอกแกแท็กทีมเลย”
ผมวางสายแม่ ไม่กล้าออกไปหน้าบ้านตอนกลางคืนอีกนานแน่นอน
Cr. ข่าวสด
2. เรื่องเล่าเขย่าขวัญ : บะหมีเกี๊ยวโต้รุ่ง
ขอเกริ่นนำก่อนครับ เรื่องนี้ผมได้รับฟังมาจากติวเตอร์จากที่เรียนพิเศษแห่งหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงแถวสยาม สมัยผมอยู่ ม.4 (2550) ติวเตอร์ท่านนี้จบวิศวกรรมโยธา สอนวิชาคณิตศาสตร์ ม.4 ซึ่งตอนนั้นผมยังเรียนอยู่ (ปัจจุบันผมก็ประกอบวิชาชีพนี้เหมือนกัน)
เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนของ ติวเตอร์ท่านนี้ จบใหม่ๆ ไปทำงานเป็นวิศวกรโยธา คุมหน้างาน (Construction site) ที่จังหวัดแห่งหนึ่งแถวภาคกลางตอนบน ควบคุมงานก่อสร้างอาคารสำนักงาน ของหน่วยงานรัฐ
ด้วยความที่ต้องมาทำงานต่างจังหวัด ซึ่งไกลบ้าน จึงต้องพักแถวที่ทำงาน ในบริเวณไซต์งาน ก็จะมีบ้านพักชั่วคราวให้อยู่แล้ว แต่ด้วยความอึดอัด ไม่อยากอยู้ใกล้สถานที่ก่อสร้างเกินไป และอยากอยู่ใกล้ย่านชุมชน วิศวกรท่านนี้ เลยมาหาที่พักข้างนอกแทน จนมาได้ที่พักเป็น Apartment ใกล้ๆ ตลาด ข้างหน้า Apartment มีร้านรถเข็นบะหมี่เกี๊ยวอยู่หนึ่งร้าน (ร้านโต้รุ่ง)
คืนแรก คืนแรกที่เข้าพักวิศวกรท่านนี้ก็เเวะกินมื้อเย็นที่ ร้านบะหมี่เกี๊ยว (20.00 น)
“บะหมี่สองชามครับ”
เมื่อกินเสร็จ จึงเดินไปจ่ายเงิน อาเเปะก็ทักขึ้นว่า “กินคนเดียวสองชามเลยนะ ไม่เเบ่งให้แฟนเลย”
“ผมมีแฟนที่ไหน มาทำงานไกลขนาดนี้”
หลังจากนั้นจึงกลับขึ้นห้องพัก ซึ่งอยู่ชั้น 3 >> อาบน้ำ ดูTV และล้มตัวปิดไฟนอน ในคืนนั้นได้มีเสียงประหลาดเกิดขึ้น ดัง “แปก แปก….แปก” ไม่มีจังหวะ เดียวหายเดียวติดกัน ทางวิศวกรท่านนี้ก็ไม่ได้คิดอะไร นึกว่าเป็นเสียงเครื่องปรับอากาศ จึงหลับตานอนไป
คืนที่สอง คืนนี้วิศวกรตื่นขึ้นกลางดึกเพราะว่า เสียงลึกลับดังกล่าว ได้ดังขึ้นอีกครั้ง เเต่คราวนี้ นอกจากมันไม่เป็นจังหวะแล้ว มันยังเคลื่อนย้ายไปรอบๆ ห้องด้วย จนบางครั้งเหมือนมาอยู่ข้างๆ บ้างก็อยู่ปลายเตียง ดัง “แปก แปก….แปก” วิศวกรจึงลุกขึ้นมา และเปิดไฟในห้องพยายาม หาที่มาของเสียงให้ได้ เเต่เสียงนั้นก็หายไป และเขาก็สรุปได้ว่า มันไม่ใช่เสียงแอร์แน่นอน
คืนที่สาม คืนนี้วิศวกรท่านนี้ไม่นอน เพราะจะหาที่มาของมันให้ได้ เลยเปิดไฟ ทุกห้อง (ซึ่งมีแค่ห้องนอน และห้องน้ำ) และดู TV จะต้องหาที่มาของมันให้ได้ จนกระทั้งมาถึง ตี 2 ก็ไม่มีเสียงลึกลับนั้น จึงถอดใจนอน จึงเดินไปปิดไฟที่ห้องน้ำก่อน ทั้นใดนั้น เสียง “แปก แปก….แปก” ก็ดังขึ้น บริเวณใต้อ่างล่างหน้า ในห้องน้ำ วิศวกรท่านนี้ จึงก้มหน้าไปดู
พบเป็นหญิงสาว ผมรุงรัง ใส่กางเกงยีนขาสั้น เสื้อสายเดี่ยวสีดำ กำลังนั่งกอดเข่า เล่นไฟเซ็กอยู่ ไฟเซ็กซึ่งไม่มีไฟ
ทั้นนั้นเองหญิงสาวผู้นั้นก็เงยหน้าขึ้นมาสบตากับวิศวกร วิศวกรท่านเล่าต่อๆ มาว่า เเววตาน่ากลัวมาก อาฆาต สยองที่สุดในชีวิตแล้ว เพราะไม่มีตาขาวเลย ออกดำๆขุ่นๆ
ด้วยความกลัว วิศวกรจึงพยามนำตัวเองออกนอกห้อง วิ่งยังไงก็วิ่งไม่ออก ขาก้าวไม่ออก ได้แต่เดินอย่างช้าๆ พร้อมหยิบกุญแจ และกระเป๋าเงิน เมื่อออกมาถึงนอกห้องแล้ว ก็หันกลับมาล็อกห้องอย่างใจเย็น แล้วก็เดิน คือก้าวขาแทบจะไม่ออกเลย ในใจอยากจะวิ่งมาก ขณะที่พยามนำตัวเองออกไปให้ไกลจากสถานการณ์นี้ให้มากที่สุด (พยามลงไปข้างล่าง) ระหว่างนั้นเองหญิงสาวดังกล่าวก็วิ่งชนประตูจากข้างในห้อง ดัง “ปัง………..ปัง……..ปัง”
เมื่อวิศวกรลงมาถึงข้างล่างแล้ว ทำอะไรไม่ถูกจึงไปสั่งหมี่เกี๊ยว “บะหมี่ชามครับ”. . . . . “ขออีกชามครับ” . . . . . เมื่อกินชามที่สองหมด อาแปะเข้าไปทักทาย
“ทำไม ลงมากินตึกจัง นี้ก็ตีสองกว่าละนะ แล้วแฟนไม่มาด้วยหรอ”
“ผมไม่มีครับ”
“อ้าว แล้วผู้หญิงที่นั่งด้วยกันวันนั้น ล่ะ”
“ใครครับ”
“ก็วัยรุ่นหน่อยอะ ที่ใส่สายเดี่ยว กางเกงขาสั้นอะ”…