เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับคุณซัน ที่ได้โทรมาเล่าผ่านรายการ The Shock FM
โดยตัวคุณซันนั้นนับถือศาสนาคริสต์ ที่ไม่ได้มีความเชื่อตามแบบพุทธอยู่แล้ว และคุณซันมีอาชีพเป็นนายแบบก็จะไป-กลับ
บ้านที่คุณซันอาศัยอยู่นั้นเป็นบ้านเดี่ยวและอาศัยอยู่คนเดียวเพราะครอบครัวอาศัยอยู่ตปท.กันหมด
คุณซันเองก็สนิทกับน้องข้างบ้านที่ชื่อก้อยและกิ๊ฟ จนนับถือเป็นพี่เป้นน้องกัน โดยห้องของก้อยอยู่ชั้นบนจะตรงกับห้องคุณซันพอดี คือถ้าหากว่าเปิดหน้าต่างห้องมาก้จะชนกันพอดี คุณซันและก้อยก็มักจะชอบพูดคุยกันผ่านทางหน้าต่างเป็นประจำ
และในวันนั้นคุณซันจะต้องเดินทางไปถ่ายแบบที่ตปท. เมื่อขึ้นเครื่องไปแฟนก็บอกกับแฟนรู้สึกใจไม่ดียังไงไม่รู้ รู้สึกแค่มันไม่ดี บ้านของคุณซันนั้นจะไม่มีคนอยู่ แต่จะจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดทุกวัน คือเข้างานตั้งแต่8โมงเช้า เลิกงาน5โมงเย็นเขาก็จะกลับบ้านไป
พอกลับจากตปท.มาถึงเมืองไทยก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่ พอกลับมาถึงบ้านก็มีข้อความจากก้อยส่งมา
‘กว่าจะกลับมาได้นะ นานเหลือเกินรอตั้งนาน’
พอคุณซันทำอะไรเสร็จก็ขึ้นไปบนห้องเพื่อจะคุยกับก้อย ก็เห็นห้องของก้อยเปิดไฟอยู่เป็นไฟจากพัดลมเพดานจะมีสีเหลืองๆส้มๆ ก็เห็นก้อยเดินออกมา ก็ทักทายกันตามปกติถามสารทุกข์สุขดิบเหมือนเคย พอคุณซันมองไปที่โรงรถบ้านก้อยก็ไม่เห็นรถพ่อกับแม่ของก้อยอยู่ คุณซันก็เลยถามว่าพ่อแม่ไม่อยู่หรอ ก้อยก็บอกว่าพ่อกับแม่ไปงานศพแล้วก้อยก็ถามคุณซันว่า
‘พี่ซัน ถ้าหนูทำอะไรไม่ดีพี่จะโกรธมั้ย’
ด้วยความเป็นห่วงคุณซันก็บอกว่า ‘ถ้าไม่ดีมากก็โกรธแหละแต่ไม่มากหรอก แต่มีอะไรก็ต้องบอกพี่นะ’ ก้อยก็ตอบว่า ‘หนูก็อยากบอกนะ แต่พี่ไม่อยู่’
คุณซันก็เลยบอกว่า ‘นี่ไงพี่กลับมาแล้วมีอะไรก็บอก’ ก้อยก็ตอบว่า ‘ยังอ่ะ ยังไม่บอกหรอก ไว้ค่อยบอกทีหลัง’
หลังจากนั้นก็ไม่ได้อะไรก็คุยกันปกติ พอสักประมาน3ทุ่มแฟนคุณซันก็โทรเข้ามา พอคุณซันหันกลับมามองไปที่หน้าต่างก็เห็นก้อยปิดม่านแต่ไฟยังเปิด ภาพที่เห็นก็จะเป็นเงาของก้อนเดินอยู่ในห้อง คุณซันก็คุยกับแฟนอยู่แต่สายตาก็เห็นก้อยเดินขึ้นไปบนเตียงและยืนอยู่อย่างนั้นไม่ไปไหน
คุณซันก็ว่าทำไมก้อยมายืนบนเตียง ไม่ยอมไปนอนก็เลยส่งข้อความไปแกล้งแซวว่า ‘ยืนทำไรไม่นอน ยืนไปก็ไม่สวยหรอก’ แต่ก็ไม่มีข้อความตอบกลับ สักพักไฟก็ดับไปแต่คุณซันก็ไม่เห็นว่าก้อยจะเดินไปปิดไฟหรืออะไรเลย
แฟนคุณซันถามว่าได้ให้ผ้าพันคอน้องก้อยไปรึยัง น้องก้อยนั้นเป็นคนชอบผ้าพันคอมาก เวลาคุณซันไปเที่ยวหรือไปถ่ายงานก็มักจะซื้อผ้าพันคอมาให้ตลอด พอตอนตี5 คุณซันก็ได้ยินเสียงของก้อยมาตะโดนเรียก ‘พี่ซัน’ คุณซันได้ยินเสียงก็ตื่นแล้วก็เดินไปถามว่ามีอะไร ก้อยก็บอกว่าไม่มีอะไรแค่มาปลุก
คุณซันเลยขอตัวไปอาบน้ำเพราะมีนัดกินข้าวเช้ากับแฟน พอลงมาก็ยังไม่เจอแม่บ้านเพราะแม่บ้านเข้า8โมงเช้า พอกลับมาถึงบ้านก็ดึกอีก พอขึ้นมาข้างบนห้องก็เห็นก้อยนั้งอยู่ คุณซันก็ถามกับก้อย ‘อ้าวก้อย พ่อกับแม่ไปงานศพอีกแล้วหรอ’ ก้อยก็ตอบว่า ‘ใช่’
‘แล้วกิ๊ฟอ่ะ’ ก้อยก็ตอบว่า ‘ไปกันหมดเลย’ คุณซันเองก็แปลกใจว่าทำไมก้อยถึงอยู่บ้านคนเดียวไม่ไปงานศพด้วยแต่ก็ไม่สนใจอะไรมาก คุณซันก็เลยบอกกับก้อยว่า ‘เนี่ยพี่ซื้อผ้าพันคอมาให้ เดี๋ยวเอาลงไปให้’ ก้อยก็บอกว่า ‘ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยให้ก็ได้’
ก็คุยกันไปสักพักก้อยก็เดินหายเข้าไปในห้องแล้วก็หยิบผ้าพันคอมา2ผืน แล้วก็ถามคุณซันว่าพี่จำผ้าพันคอนี้ได้มั้ย คุณซันก็บอกจำได้ ก้อยบอกว่ามันเป็นผืนแรกที่พี่ให้ก้อยส่วนอีกผืนเป็นผืนที่ก้อยชอบมากที่สุด คุณซันก็แซวว่าพี่ซื้อให้ก้อยก็บอกว่าชอบหมดแหละ
ก็คุยกันสักพักคุณซันขอตัวลงไปข้างล่าง พอขึ้นมาบนห้องก็เป็นเวลา3ทุ่ม ก็เห็นว่าก้อยปิดหน้าต่างปิดม่านแล้วแต่ยังเปิดไฟที่ติดกับพัดลมอยู่ ก็จะเห็นเป็นเงาของก้อยอยู่ในห้อง ภาพที่เห็นก็ยังคงเป็นแบบคืนก่อนคือก้อยขึ้นไปยืนอยู่บนเตียงสักพักแล้วไฟก็ดับไป คุณซันเห็นแบบนั้นก็ไม่อยากกวน เลยโทรศัพท์คุยกับแฟนก็เลยคุยถึงเรื่องเมื่อเช้าที่ยังคงบ่นกับแฟนว่ายังรู้สึกไม่ดีอยู่ นอนก็ไม่ค่อยหลับ
พอตอนเช้าตื่นมาก็ประมาน7โมงกว่าๆ อาบน้ำลงมาข้างล่างก็เห็แม่บ้านทำความสะอาดอยู่ คุณซันก็คุยกับแม่บ้านว่าเนี่ยข้างบ้านเค้าไปงานศพ 2 วันติดเลย แม่บ้านก็บอกว่า
‘คุณซันไม่รู้หรอว่าลูกสาวบ้านนั้นเค้าเสีย’
คุณซันตกใจก็คิดว่าเป็นกิ๊ฟน้องของก้อย แต่ไม่ใช่กลายเป็นก้อยเองที่เสียชีวิต คุณซันไม่เชื่อก็แย้งว่าจะเป็นไปได้ไงเพราะก็เพิ่งคุยกับก้อยมาเอง คุณซันรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องแล้วตะโดนไปที่ห้องของก้อยก็ไม่มีใครตอบรับ คุณซันเลยรับวิ่งไปที่บ้านของก้อยไปตะโดนเรียกแม่กับพ่อของก้อย ก็ได้ความว่าก้อยผูกคอในห้องนอนของตัวเอง
คุณซันแทบไม่อยากเชื่อเลยวิ่งขึ้นไปที่ห้องของก้อยก็เห็นผ้าพันคอที่คุณซันซื้อให้ผืนแรกกับผืนที่ก้อยชอบคล้องเป็นห่วงอยู่ที่พัดลมเพดาน พัดลมเพดานนี้ก้อยก็ติดตั้ง ตามที่คุณซันแนะนำ ที่ตัวพัดลมจะมีไฟอยู่ด้วยพอเปิดก็จะเป็นแสงสีส้มๆนวลๆ สรุปได้ว่าก้อยใช้ผ้าพันคอนั้นผูกคอกับพัดลม
ในวันที่คุณซันกลับมาถึงวันแรกที่ก้อยส่งข้อความมาหานั้นก้อยเสียไปแล้ว5วัน คุณซันเลยไปวันที่เผาก้อย ก่อนที่จะเผาก็จะมีเปิดโลงศพให้ดูเป็นครั้งสุดท้าย คุณซันก็ได้ใส่ผ้าพันคอลงไปในโลงของก้อยแล้วก็พูดว่า
‘มันเป็นผืนสุดท้ายที่พี่จะให้แล้วนะ’
‘แล้วพี่ก็ไม่ได้โกรธด้วย แต่ทำไมถึงไม่รอพี่’ คุณซันก็เอาผ้าพันคอใส่ลงไปในโลงของก้อยแล้วก็ยกโลงเข้าเตาเผาไป…
ในทุกๆวันเวลา3ทุ่ม คุณซันจะเห็นว่าห้องของก้อยเปิดไฟอยู่และเงาของก้อยจะยืนอยู่บนเตียงอย่างนั้นแล้วไฟก็ดับไป คุณซันไม่ได้กลัวกับสิ่งที่เห็น แต่เป็นความสงสารก้อยมากกว่า ที่จะต้องมาตายทุกวันเวลาเดิม จนกว่าจะครบ 100 วัน ตามความเชื่อที่ว่า…วิญญาณจะอยู่ในโลก 100 วันก่อนที่จะเดินทางไปปรโลก หรือแย่กว่านั้นก็จนกว่าหมดอายุขัยตัวเองจริงๆ
การที่จะต้องมาตายซ้ำๆนี้ คุณซันก็รู้มากจากเพื่อนที่เป็นคนพุทธว่าจะต้องทำซ้ำๆแบบนี้และจะไม่มีทางแก้ได้เพราะเป็นกรรมหนัก จนคุณซันทนดูภาพนั้นทุกๆวันไม่ไหวบวกกับยังทำใจไม่ได้เลยออกไปอยู่คอนโดแล้วก็ไม่กลับไปที่บ้านนั้นอีกถ้าไม่จำเป็น คุณซันเล่าด้วยเสียงสั่นเครือ… เรื่องราวก็มีเพียงเท่านี้