เรื่องเล่าคราวนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณนัท คุณนัทเล่าว่าชีวิตในวัยเด็กของเธอ เริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่เกิด แม้ตัวเธอจะคลอดก่อนกำหนดราวหนึ่งเดือนเลยต้องอยู่ในตู้อบ แต่หลังจากนั้นเธอก็เป็นเด็กที่เติบโตมาอย่างแข็งแรง จนกระทั่งวันหนึ่งตอนอายุ 4 ขวบกว่าๆ
คุณนัทบอกว่า ตอนนั้นไปเที่ยวต่างจังหวัดกันทั้งครอบครัว แต่กว่าจะถึงก็ค่ำเข้าไปแล้ว เลยทำได้เพียงเดินเล่นในย่านตลาดค้าขายแถวนั้น ระหว่างที่สามคนพ่อแม่ลูก กำลังผิดหวังที่มาถึงตอนตลาดก็เริ่มวายแล้ว ก็เดินไปสะดุดตาเข้ากับศาลเจ้าจีนเล็กๆ ที่มีแสงสีแดงฉูดฉาด ตรงสุดซอย เลยตัดสินใจว่าไปขอพรไหว้พระกันก็แล้วกัน
ทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างปกติ จนกระทั่งตอนจะเดินออกจากศาลเจ้า คุณแม่คุณนัทก็สะดุ้งตกใจขึ้นมา เพราะจู่ๆลูกสาวตัวเองก็โพล่งขึ้นมาเสียงดัง ท่ามกลางความเงียบ
“แม่ๆ ป้าเค้าเอาไก่มาให้หนูด้วย ดูสิ…ไก่ตาแดงด้วย”
คุณแม่คุณนัทมองตามสายตาลูกสาวไปที่มือ สิ่งที่เธออุ้มอยู่…ไม่ใช่ไก่เป็นๆ หากแต่เป็นตุ๊กตา/รูปปั้นไก่สีทอง คล้ายกับวัตถุมงคลตามศาลเจ้านั่นเอง เว้นซะแต่ว่า…ดวงตาของมัน ดูปูดโปนซ้ำยังแดงก่ำแวบวับจนเห็นชัดในความมืด ชวนให้ขนลุก
“ลูกเอามาจากตรงไหน เอาไปวางคืนที่เดิมๆ อย่าเอาของเค้ามา”
คุณนัทในวัยสามขวบก็ทำตามอย่างว่าง่าย เอากลับไปวางที่เดิมโดยไม่ได้โต้แย้งใดๆ แล้วก็กลับที่พักกัน นี่คือเรื่องราวที่คุณนัทเองก็ลืมไปแล้ว แต่ได้ฟังมาจากคุณแม่
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ก็ตาม หลังจากค่ำคืนนั้นคุณนัทก็มีพฤติกรรมที่แปลกไป คือชอบนอนละเมอตอนกลางคืน ไม่ใช่อาการละเมอธรรมดาๆ อย่างการพูดอะไรงึมงำคนเดียวบนเตียง แต่หนักถึงขั้นเคยลุกเดินไปมากลางบ้านอยู่หลายครั้ง ครั้งที่หนักสุดคือละเมอเดินไปเข้าห้องน้ำชั้นล่างทั้งที่หลับตา นั่งส้วมในชุดนอน แล้วจู่ๆตัวก็ล้มฟุบลงหัวแทบจุ่มลงส้วม ยังดีว่าเสียงดังพอที่พ่อแม่ของเธอจะได้ยิน แล้วลงมาดู เลยกลายเป็นความกังวลใจในความปลอดภัยขึ้นมา
ครอบครัวเลยพาไปพบแพทย์ แต่ก็ได้ความว่าอาจจะเกิดจากตัวคุณนัทนอนไม่พอ นอนน้อย จนทำให้มีพฤติกรรมนอนละเมอ คุณแม่คุณนัทก็งง ลูกอยู่ในวัยเรียนเข้านอนแต่หัวค่ำเสมอ คืนนึงคุณแม่คุณนัทเลยแอบสอดส่องดูพฤติกรรม หลังจากส่งคุณนัทเข้านอนไปแล้ว ช่วงเกือบๆเที่ยงคืนก็ได้ยินเสียงพูดดังออกมาจากห้องนอนลูกสาว ทีแรกแม่คุณนัทก็เข้าใจว่า เป็นส่วนนึงของอาการละเมอ แต่พอตั้งใจฟังดู…ในเนื้อความเหมือนคุยกับใครบางคนมากกว่า…
“คุณป้า…มาหา…นัททุกวัน…แบบนี้ ไม่เบื่อเหรอ”
“หนู หนูยัง…ไม่อยากไป…ค่ะ คุณป้า หนูยัง…ต้องเรียนหนังสือ ต้องไปโรงเรียน”
คุณแม่เริ่มตกใจเลยเปิดเข้าห้องไป พบว่าคุณนัทลุกมานั่งบนเตียงในสภาพหลับตาสนิท แต่เหงื่อท่วมไปทั้งตัวราวคนพึ่งตื่นจากฝันร้าย อย่างไรก็ตาม…คุณนัทจำเรื่องราวตอนที่เธอละเมอพูดไม่ได้เลย
หลังจากหาหมออยู่พักหนึ่ง อาการไม่ดีขึ้นนัก แถมคุณนัทเองเริ่มมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ จากการพักผ่อนไม่เพียงพอ กลายเป็นคนป่วยง่ายไปเลย สุดท้ายคุณแม่เลยพาคุณนัทไปหาพระที่วัดดังแห่งหนึ่ง
พอลงจากรถยังไม่ทันเดินไปไหนไกล ก็ถูกพระหนุ่มที่กวาดลานวัดอยู่แถวนั้นทักขึ้นมาพอดี “ไปสัญญาอะไรเอาไว้ล่ะหนู เค้าถึงได้ตามติดเป็นเงาเลย”
คุณแม่ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็กลืนคำนั้นลงคอ เพราะท่านชี้มือไปอีกทาง “หลวงพ่อท่านรออยู่ รีบไปพบเถอะโยม”
หลังจากได้พบหลวงพ่อ ท่านก็พูดคล้ายกับที่หลวงพี่พระหนุ่มทักไป คือมีวิญญาณตามติดคุณนัทเนื่องจากเคยไปรับคำสัญญาอะไรเอาไว้ คุณแม่คุณนัทก็งง ว่าลูกของตนไม่เคยเข้าร่วมพิธีกรรมอะไร ถามไปถามมาก็เลยรู้รูปพรรณของวิญญาณที่ตามติด ว่าเป็นอาม่าอายุราว 70 สวมชุดคล้ายกี่เข้าดูจีนๆสีขาวเลื่อมทอง ทีนี้คุณแม่คุณนัทก็นึกขึ้นได้ทันที… ราวครึ่งปีที่ผ่านมา เคยไปเที่ยวศาลเจ้าจีน แล้วลูกพูดจาแปลกๆ ก็เล่าเหตุการณ์วันนั้นให้พระท่านฟัง
พระท่านก็ว่า…แม้คุณนัทไม่ได้รับของ (ไก่ตาแดง) มาแต่ตอนเอาไปวางที่เดิม ก็ไม่ได้มีคำพูดถอน หรือคำขอคืนแต่อย่างใด ทางนั้นเค้าก็ทึกทักเอาแล้วว่ารับของจากเค้าไป เค้าชอบใจคุณนัท เค้าอยากเอาไปอยู่เป็นลูกเป็นหลาน คุณแม่คุณนัทได้ฟังมาถึงตรงนี้ก็หน้าซีด ถามพระว่ามีทางไหนจะแก้ไขเรื่องนี้บ้าง
พระท่านก็ว่า…ตอนนี้เค้ารู้จักรูปร่าง หน้าตา ชื่อเสียงเรียงนามคุณนัทแล้ว และเค้าชอบคุณนัทมาก คงไม่ยอมเทง่ายๆ สิ่งที่พระท่านแนะนำ แม้แต่คุณแม่ก็ยังตะลึง ท่านว่าให้ทำการ “หลอกผี” ซะ ตัวคุณแม่เองเกิดมากว่า 40 ปี เคยได้ยินแต่คำว่าถูกผีหลอก แต่นี่พระกลับแนะนำให้หลอกผี หลังจากนั้นก็แนะนำวิธีเตรียมตัวต่างๆให้
เย็นวันเสาร์ ปฏิบัติการลับสุดยอดก็เริ่มต้นขึ้น คุณพ่อคุณนัทพาเธอไป “หมอชิต” พร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางแปะชื่อคุณนัท ที่ใส่เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ของคุณนัทไปด้วย เมื่อถึงเวลาใกล้รถออก คุณพ่อจุดธูปขึ้นมาดอกนึง แล้วกล่าวว่า…
“อยากได้ลูกกรุนักใช่มั้ย ถ้าอยากได้ก็จะให้…แต่ตามไปเอาเองนะ!”
ใช่แล้ว! พระท่านแนะนำให้หลอกผี ด้วยการหลอกพามันไปให้ไกลที่สุด คุณพ่อคุณนัทก็จัดตั๋วรถทัวร์ “กรุงเทพ – เชียงใหม่” ให้เลย ไกลสะใจ จากนั้นก็ขึ้นไปบนรถพร้อมทั้งสัมภาระข้าวของ แล้วบอกคนขับจอดตรงหน้าทางออกจากหมอชิต ก่อนจะพาคุณนัทลง โดยที่ทิ้งข้าวของไว้บนรถให้ผีมันตายใจ Go to Chiangmai กันไปเลย
หลังจากนั้น คุณนัทก็ไม่ได้ใช้ชื่อเดิมอีกต่อไป เปลี่ยนทั้งชื่อจริง และชื่อเล่น นามสกุลก็ใช้นามสกุลแม่แทน และแน่นอนว่า “นัท” ก็ไม่ใช่ชื่อเล่นดั้งเดิมของเธอ
อย่างไรก็ตาม ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ อาการคุณนัทก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากการรักษา หรือแผนจารกรรมปล้นลูกคืนจากผีอาม่าในครั้งนั้นกันแน่ จนถึงปัจจุบันคุณนัทกับครอบครัวก็ไม่แวะเวียนไปจังหวัดดังกล่าวตอนต้นเรื่องอีกเลย กลัวว่าเดี๋ยววันนึง บังเอิญไปเจอกับอาม่าอีก แล้วจะมองหน้ากันไม่ติด นี่คือเรื่องราวทั้งหมด…