เรื่องแบบนี้..มันมีจริงๆนะ เคยได้ยินกันมาบ้าง ประมาณว่าพลเมือง(เกือบ)ดีบางคนก็เกิดเปลี่ยนใจเป็นโจรกันแบบชั่วอึดใจ เพราะว่าดันเหลือบไปเห็น สร้อย แหวน นาฬิกา ของมีค่าบนตัวผู้ประสบเหตุเข้า… อย่างไรก็ตาม อะไรที่ไม่ใช่ของของเรา ไม่ควรจะไปหยิบฉวย เพราะว่า…ถึงแม้คนอื่นอาจจะไม่เห็น แต่ผีเห็น…คุณก้อยเล่าเรื่องขนหัวลุกจากแหวนผีสิงเอาไว้ว่า…
“แหวนในที่เกิดเหตุ” รูดแหวนทองจากคนประสบเหตุมา…เขาตามทวงถึงบ้าน
เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวดิฉันเอง บ้านเราจ้างแม่บ้านมาคนหนึ่ง เธอชื่อตาล ตาลเป็นสาวอีสานวัย 25 จากเมือง 101 ด้วยความที่ตาลยังสาวเธอจึงมักอยู่ในชุดแฟชั่นตามสมัย กระทั่งมาทำงานตั้งแต่เช้ามืดก็ยังไม่ลืมที่จะแต่งหน้าเขียนคิ้วมา เรียกว่าหากมีพัสดุมาส่งที่บ้านทีไร พนักงานเป็นต้องเข้าใจผิดว่าน้องตาลเป็นคุณหนูประจำบ้าน ส่วนดิฉันคือสาวใช้ไปเสียทุกที!
อย่างไรก็ตาม ดิฉันไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยเลยค่ะ เอาเป็นว่าหากลูกจ้างมีพฤติกรรมอยู่ในลู่ในทาง ไว้ใจได้ สื่อสัตย์ และปฏิบัติตามหน้าที่อย่างไม่ตกบกพร่องเป็นใช้ได้ แม้ภายนอกเราจะแตกต่างกัน อีกทั้งอายุก็ห่างกันราว 20 ปีได้! แต่มีอยู่อย่างที่เราเหมือนกันและคุยกันถูกคอคือ เราชอบเรื่องเล่าผี
วันหนึ่ง หลังจากสามีออกไปส่งลูกๆที่โรงเรียน ก่อนที่จะตรงไปที่ทำงานต่อ ดิฉันใช้เวลาช่วงเช้าของวันนั้นจัดแจงชั้นหนังสือ โดยที่มีตาลเป็นผู้ช่วย ระหว่างนั้นเธอก็เล่าเรื่องผีชวนขนลุกให้ฟังไปพลาง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตาลเคลมว่าใกล้ตัวเธอมาก เพราะตัวละครเอกคือน้องชายของเธอเอง
ความน่ากลัวคือเรื่องที่ว่านี้เกิดขึ้นสดๆร้อนๆ เพียงเดือนเดียวที่ผ่านมา ‘ตี๋’ น้องชายในวัยสิบแปดของตาล ขับมอเตอร์ไซค์คันเก่งของตัวเองเพื่อกลับบ้าน เส้นทางที่ว่านี้ค่อนข้างเปลี่ยว และเป็นทางที่แยกมาจากถนนใหญ่ซึ่งก็ไม่ค่อยมีใครผ่านไปมามากนัก วันนั้นก็เช่นกัน ถนนร้างผู้คน แต่ตี๋ก็ไปพบมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งล้มคว่ำอยู่ข้างทาง
ตี๋สังเกตเห็นรอยยางถูกเบิร์นจากการเบรคกระชั้นชิดเป็นรอยยาวอย่างชัดเจน สงสัยว่าจะถูกชนแล้วหนีกระมัง เพราะตี๋ไม่เห็นร่องรอยของรถคันอื่นที่เป็นคู่กรณี จึงจอดรถแล้วเข้าไปดูสถานการณ์ ก็พบว่าเจ้าของรถที่ล้มอยู่เป็นหญิงสาวร่างบาง แต่งตัวคล้ายตาล บางทีคงอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือของเหลวหนืดสีแดงชาดที่เริ่มจะแข็งตัวเปื้อนเต็มผมและศีรษะของเธอคนนั้น ในขณะที่บางส่วนก็ยังคงไหลพลั่กๆออกมาตามจมูกและปาก เหมือนเธอยังคงรู้สึกตัว จึงส่งสายตาวิงวอนขอความช่วยเหลือมาทางตี๋ มนุษย์คนเดียวบนถนนเส้นนั้น
ระหว่างที่ตี๋เลิ่กลั่กกับสถานการณ์ที่เกิดขั้นตรงหน้า ยังไม่ทันได้คิดหรือทำอะไร สายตาเมื่อครู่ก็เหลือกคว้างขึ้นบน จนเห็นแต่ตาขาว! เธอเริ่มเกร็งและกระตุกอย่างรุนแรงอยู่ไม่นานก็นิ่งไป ไม่ไหวติงใดๆ ยิ่งทำให้ตี๋แทบสติแตก เนื่องด้วยในชีวิตนี้ไม่เคยเห็นใครเสียต่อหน้าต่อตามาก่อน แถมยังมาเกิดขึ้นในระยประชิด…บนถนนเส้นเปลี่ยวและโดดเดี่ยว ทีแรกตี๋ก็กะจะรีบกลับไปที่มอเตอร์ไซค์ของตน แล้วรีบไปตามคนหรือแจ้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นให้ทราบ
แต่ตาของตี๋ก็ดันไปเหลือบเห็นแหวนทองคำวงเล็ก สีเหลืองสุกสะกาวเป็นประกายวิบวับยามต้องแสงอาทิตย์ บนนิ้วมือที่ขณะนี้หงิกเกร็งแข็งทื่อของผู้ประสบเหตุ
ความโลภที่เป็นความอ่อนแอของมนุษย์ทำให้คิดว่า ถ้าทิ้งไว้คนอื่นก็ต้องมาเอาไปแน่ๆ อย่ากระนั้นเลย นึกเสียว่าเป็นค่าป่วยการที่จะต้องไปแจ้งตำรวจ หรือผู้ใหญ่บ้านให้มาช่วยจัดการละกัน คิดได้อย่างนั้น ตี๋ก็รูดแหวนจากนิ้วศพ… มันก็แค่สองสลึงละมั้ง? แต่เบาะๆ ก็ขายได้หมื่นบาท! แค่นี้ไม่บาปหรอก ไม่ได้ขโมยนี่…เจ้าของก็หมดลมไปแล้วนี่นา!
คืนนั้นหมาหอนค่ะ…ตี๋อยู่กับแม่, ยายและพี่สาวอีกคนชื่อแตง ทุกคนไม่รู้หรอกว่าตี๋ได้อะไรมา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ทันใดนั้นยายก็เขม้นมองไปที่ประตูรั้วแล้วร้องว่าเดี๋ยวนะ! ตี๋มองตามก็ไม่เห็นใคร หมายังหอนโหยหวน ตี๋หนาวเยือก แหวนคนตายยังอยู่ในกระเป๋าเสื้อ…สักพักยายก็เรียกตี๋ให้ไปหา
“ใครน่ะยาย?” ตี๋ร้องถาม ใจสั่นคล้ายจะเป็นลม ยายเดินกลับมา…พลางพูดคุยกับอากาศว่างเปล่าข้างๆ กาย
“คุณคนนี้เขาว่าจะเอาของอะไรที่แก…อะไรนะ? แหวนเหรอ!”
ตี๋ล้มตึง หน้ามืดวูบ…พอรู้ตัวอีกทีก็ค่อยๆ ลืมตา ภาพเบื้องหน้าพร่าพราย หมุนวน มองหน้ายาย หน้าแม่ หน้าพี่แตง…และหน้าซีดขาวของผู้หญิงผมยาวที่ไม่มีตาดำ…
ตี๋แผดร้องสุดเสียง สิ้นสติไปอีกครั้ง!
เช้ามืด น้องชายตัวแสบของตาลฟื้น แต่จับไข้สูง แถมมองเห็นแต่ผู้หญิงผมยาวเนื้อตัวเปื้อนมอมแมมมาเดินวนเวียนอยู่รอบๆ เตียง…เดี๋ยวหายไป เดี๋ยวก็โผล่มา
ตี๋แทบสติแตก ทนไม่ไหวอีกแล้ว…ร้องไห้สารภาพว่ารูดแหวนมาจากนิ้วคนรถล้ม โถ! น้องชายนิสัยดีเชื่อฟังพี่สาว แต่ตอนนั้นมันคิดอะไรก็ไม่รู้ ถึงได้ลงมือทำเรื่องน่าละอายขนาดนั้นไปได้ลงคอ
ยายกับแม่จุดธูปขอขมา บอกกล่าววิญญาณของสาวตายโหง สัญญาว่าจะนำแหวนไปคืนให้ถึงบ้านเลย!
คราวนี้ลำบากละซิ ต้องสืบถาม ได้ความว่าเธอเป็นคนโพนทองยังเป็นนักศึกษาเข้ามหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ แล้วกลับมาเยี่ยมบ้าน ถึงคราวชะตาขาด โดนรถชนดับข้างถนนสายเปลี่ยว
แม่, ยาย, แตงและน้องตี๋ต้องถ่อไปถึงงานฌาปนกิจของสาวคนนั้น เอาแหวนไปคืนและขอโทษขอโพยญาติๆ จนเรียบร้อย โล่งอกโล่งใจไปตามๆกัน
ตาลสรุปท้ายว่าสมน้ำหน้าไอ้ตี๋มันจริงๆ แต่โชคดีของมันที่ผีมาทวงของคืน มันจะได้เข็ด…ไม่งั้นต่อไปคงต้องสะสมนิสัยไม่ดีจนกู่ไม่กลับแน่นอน
แล้วตาลก็แถมท้ายว่า…ผีดุขนาดหวงแหวนวงเดียว เธอคงจะติดตามไปทวงชีวิตจากเจ้าคนที่ชนเธอแล้วหนีแน่ๆ เพราะไม่มีอะไรที่คนเราจะหวงแหน…มากไปกว่าชีวิตของตัวเอง จริงไหมคะ?
ขอบคุณที่มา : ข่าวสด ออนไลน์
อ่านเรื่องผีน่ากลัว เรื่องอื่นๆ >> กดที่นี่
กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์