ศาลผีอาถรรพ์แรง ที่มียอดชมกว่า 9 แสนวิว

เรื่องเริ่มต้นจากพี่A ซึ่งครั้งนึงคุณโบนัสเคยร่วมงานด้วย พี่A มีประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับการทำผับ ตกแต่งและออกแบบผับ ตอนนั้นพี่A มอบหมายงานหนึ่งให้คุณโบนัส ตัวผับตกแต่งภายในเรียบร้อยแล้ว คุณโบนัสมีหน้าที่ต้องไปทำการตลาดให้ โดยที่คุณโบนัสไม่รู้เลยว่าเป็นผับแบบไหน วันนั้นคุณโบนัสต้องนั่งรถตู้ไปกับทีมช่างที่เอาอุปกรณ์เครื่องเสียงและอุปกรณ์ไฟไปลง จู่ๆหัวหน้าช่างก็เอ่ยปากทักขึ้นว่า

“ศาสตามสั่ง” เรื่องเล่าผี โดยคุณโบนัส

“เออนี่ เราต้องไปอยู่3 เดือนใช่มั้ย? ไปถึงก็พยายามไหว้ๆศาลหน่อยนะ”

“ได้ๆพี่ ปกติไปไหนผมก็ไหว้ประจำอยู่แล้ว”

ระหว่างทาง หัวหน้าช่างคนนี้ก็ได้เล่าพื้นเพของผับแห่งนี้ ว่าได้รับความร่วมมือโดยหุ้นส่วน 4  คน(โดย ณ ที่นี้จะขออนุญาติใช้เป็นนามสมติ เนื่องจากมีคนเสียในเหตุการณ์นี้เยอะ) ประกอบไปด้วยพี่B อายุ35 ปี พี่C อายุราว27-28 ปี คนถัดมาคือพี่K และสุดท้ายคือเจ้าของที่ดิน

พี่B เป็นคนที่ไม่เชื่อหรือนับถืออะไรเลย แต่พี่B จะไม่ได้เข้ามาจัดการภายในร้าน เนื่องจากทางพี่B นั้นมีธุรกิจโรงแรมในจังหวัดเดียวกันนั้นอยู่แล้ว ส่วนพี่K ก็มีธุรกิจโรงงานทางบ้านที่ต้องดูแล พี่C จึงเป็นคนที่มีหน้าที่ดูแลจัดการภายในร้านนี้ ร้านนี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองราว 5  ก.ม. ร้านมีลักษณะเป็นกระจกโดยรอบไม่ใช่ผับแบบปิดทึบ โดยตัวอาคารร้านจะอยู่ตรงกลาง ทางด้านขวาจะขนาบไปด้วยโต๊ะทานอาหารและต้นไม้ ส่วนด้านซ้ายจะเป็นลานจอดรถ ถัดไปทางด้านหลังจะมีกำแพงสูงๆราวตึกสองชั้น คล้ายทำเพื่อกั้นออกจากสวนยางที่อยู่ถัดจากร้านไป

แต่สิ่งหนึ่งที่สะดุดตาคือ ‘ศาลตา-ยาย’ ซึ่งทำจากไม้สักทั้งหลัง ส่วนตัวคุณโบนัสทำงานมาหลายที่ ก็พึ่งจะเคยเห็นศาลภายในร้านที่มีขนาดใหญ่โตเท่านี้ โดยตอนสร้าง..เจ้าของที่ดินซึ่งเป็นหุ้นส่วนคนสุดท้ายของทางร้าน ถึงกับกลับมาจากต่างประเทศเพื่อกำกับตอนสร้างศาล ศาลที่จะสร้างต้องได้ตามแบบนี้ ความพิถีพิถันเป็นพิเศษมีเหตุผลมาจาก เพราะศาลตายายแห่งนี้คือศาลของบรรพบุรุษเจ้าของที่ดิน จำนวนหุ่นในศาลจึงถูกกำหนดให้มีจำนวนตรงตามผู้เสียชีวิตของบ้านเขา หุ่นแต่ละตัวจะมีถาดโลหะวางอาหารถวายครบตามจำนวนเช่นกัน โดยที่หุ่นแต่ละตัวจะมีรายละเอียดกำกับด้วยว่า..ตัวไหนชอบทานอาหารอะไร ก็ขอให้จัดการตามนั้น ลักษณะของศาลจะมีบันไดฐานปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใต้ศาลไม้สักเรือนไทย เรียกว่าใครไปใครมาเห็นเป็นต้องสะดุดตา คุณโบนัสเล่าว่าด้วยความที่ศาลนี้ได้รับความใส่ใจและพิถีพิถันในรายละเอียดเป็นพิเศษจนเกินไป ทำให้ฟังแล้วรู้สึกขนลุกชอบกล

หลังจากมาถึงคุณโบนัสก็ไหว้ศาลตามที่บอกทันที โดยที่ร้านได้พบกับพี่C เป็นครั้งแรก หลังการแนะนำตัวพี่C ก็ไหว้วานให้คุณโบนัสช่วยงานด้านการตลาด หากมีข้อเสนอแนะวิธีในการประชาสัมพันธ์และเรียกลูกค้าอย่างไร ก็ให้บอกได้เลยทุกอย่าง เนื่องจากพี่C ก็ไม่เคยทำผับมาก่อน ผ่านไป1 เดือนให้หลัง ร้านเสร็จพร้อมเปิดให้บริการ เปิดร้านมากิจการดีมาก รายได้ต่อคืนกว่าแสนกว่าบาท สำหรับผับในต่างจังหวัดเช่นนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จ

หากแต่ความสำเร็จกลับอยู่ได้ไม่นานนัก เมื่อเข้าเดือนที่3 มาได้3-4 วัน พี่B หุ้นส่วนคนที่มีกิจการโรงแรมได้เข้ามาเที่ยวที่ร้าน วันนั้นพี่B เข้ามาแตะไหล่คุณโบนัสพร้อมทักว่า

“เราเอาอะไรมั้ย เดี๋ยวพี่จะไปฮ่องกง อีก2 วันจะซื้อของมาฝาก”

“อ๋อ ไม่เป็นครับพี่ อะไรก็ได้”

คุณโบนัสตอบกลับไปด้วยความเกรงใจ กอปรกับว่าตนจะอยู่อีกแค่เดือนเดียว บทสนทนาที่เรียบง่ายในวันนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย ในขณะที่พี่B ยังมีชีวิตอยู่…

ถัดจากวันนั้นราว4 ทุ่มพี่C เข้ามาคุณโบนัสแล้วบอกว่า

“โบนัสมาเป็นเพื่อนพี่หน่อย พี่B ขับรถประสานงากับสิบล้อ”

จากคำบอกเล่าระหว่างทางไปโรงพยาบาล พี่C บอกว่าพี่B จะไปขึ้นเครื่องที่กทม. เพื่อบินไปฮ่องกง โดยขับรถไปกับครอบครัว4 คน โดยที่พี่C ก็ยังเปรยด้วยความเป็นห่วงว่า ‘ทำไมไม่ขึ้นเครื่องไปต่อเครื่องเอา’ เนื่องจากพี่B เป็นคนขับรถเร็วและเส้นทางนั้นเป็นเส้นทางที่รถสิบล้อวิ่งกันขวักไขว่ บริเวณแถวค่ายทหารก่อนหัวหินขาเข้ากทม. จะมีจุดแยกวกลับรถขณะที่รถพ่วงบรรทุกกำลังเลี้ยวกลับรถ จุดที่ว่านั่นเองรถของพี่B ก็พุ่งเข้าไปเสียบคาอยู่ใต้ท้องรถพ่วงเนื่องจากคุณโบนัสไม่ได้รู้จักคุณB มากนัก หลังได้ฟังจึงพูดปลอบขึ้นว่า ‘พี่เขาคงถึงฆาตจริงๆ แกคงขับรถด้วยความประมาท’

หลังจากที่ไปถึงโรงพยาบาล นอกจากพี่B ที่ขับรถแล้ว ยังมีภรรยาลูกสาวอายุ 12 ขวบและลูกชาย 5 ขวบรวม 4 คน โดยมีเพียงลูกสาวเท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้ในสภาพขาหักทั้ง 2 ข้าง ที่น่าแปลกอีกก็คือทุกคนในรถก็มีสภาพขาหักทั้ง 2 ข้างเช่นเดียวกัน ส่วนคอของพี่B เองก็ถูกกระจกรถบาดอยู่ในสภาพหวิดขาด (ซึ่งสภาพศพจะมีความสำคัญต่อเรื่องนี้ในภายหลัง)

ภาพตรงหน้าสร้างความวิตกให้แก่พี่C อย่างมาก…เรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นเลย จากปากคำให้การภายหลังพบว่า คนขับรถพ่วงไม่ได้หนีและก็ตกใจเช่นกัน คนที่อยู่ในเหตุการณ์คอยโบกแท่งไฟสัญญาณจุดกลับรถให้การว่า

“รถแวนคันนั้นพุ่งมาอย่างเร็วมาก ไม่มีการชะลอ ราวกับไม่เห็นรถพ่วงและสัญญาณไฟที่โบกเลย”

หลังจากที่เดินเรื่องเสร็จก็ขอนำร่างไปบำเพ็ญกุศลที่วัด ส่วน‘น้องเฟิร์น’ ลูกกสาวที่รอดมาได้นั้น ยังคงพักรักษาตัวอยู่ ยังไม่สามารถให้การอะไรได้ ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้น คุณโบนัสเล่าว่าขออนุญาตเอ่ยชื่อจริงและบางทีน้องอาจกำลังฟังเรื่องนี้ ส่วนคุณโบนัสก็กลับไปที่ร้านเนื่องด้วยไม่ได้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับทางพี่B เย็นวันที่ 2 หลังจากพิธีงานศพ คุณโบนัสขับรถเข้าร้านตอน 5 โมงเย็น เนื่องจากร้านนี้ขายอาหารด้วย ก็ได้ยินพนักงานในร้านพูดกันว่า

“เอ…ที่พี่B เสียเนี่ย จะเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวันนั้นรึเปล่า”

“ทำไมเหรอพี่B แกไปมีเรื่องกับใครเหรอ” คุณโบนัสถาม

“ไม่มีหรอกพี่ แต่วันนั้นที่พี่B มาร้านแกไปทำอะไรไม่รู้ ตอนนั้น5 ทุ่มแล้ว ผมเอารถมารอรับอยู่ด้านนอกเลยไม่เห็น เช้าวันถัดมาเข้าไปดูถึงเห็นว่า…แกคงเข้าไปในศาล ในนั้นมีหุ่นตัวหนึ่งคอหัก อีก3 ตัวขาหักหมดเลย กองกันอยู่ตรงฐานปูน”

“จากนั้นผมเลยไปแจ้งแฟนพี่C ว่า “พี่เมย์หุ่นในศาลหักชำรุด ทำยังไงดี”

หุ่นไม่น่าตกลงมาเองได้… เพราะภายในศาลหลังใหญ่ คุณโบนัสจึงไปขอดูกล้องวงจรปิดภาพในวันนั้นจากพี่เมย์ เนื่องจากกล้องไม่ได้ถูกติดตั้งให้โฟกัสจับภาพบริเวณศาล ในคลิปจึงเห็นภาพศาลค่อนข้างไกลออกไป แต่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าช่วงกลางดึกคืนนั้น… พี่B เดินเข้ามาในเฟรม แล้วค่อยๆเดินเหยียบขึ้นไปบนศาล ไม่รู้ว่าด้วยสภาพที่เมาอยู่หรือไม่ จู่ๆเขาก็ล้วงมือเข้าไปในศาล อะไรบางอย่างกลิ้งตกหลุนๆลงมาที่ฐานในสภาพไร้ซุ้มเสียง เนื่องจากกล้องไม่ได้บันทึกเสียงไว้

วันต่อมาเรื่องนี้ได้รับการขยายความเพิ่มเติมจากน้องอีกคนที่เป็น ‘บาร์น้ำ’ หรือแผนกเครื่องดื่ม ซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด หลังร้านวันนั้นพี่B เดินไปเหยียบเข้ากับถาดใส่อาหารสัมภเวสี ด้วยความโกรธจึงสบออกมาว่า ‘เกะกะชิบหายเลย’ จากตรงนั้นเดินไปที่ลานจอดรถจะต้องผ่านหน้าศาลก่อนแน่นอน จู่ๆพี่B ก็เดินขึ้นไปบนศาลแล้วพูดว่า

“กินดีอยู่ดีจังนะ เป็นแค่หุ่นแท้ๆ”

หลังจากนั้นบาร์น้ำเล่าว่า พี่B เอื้อมมือเข้าไปหยิบหุ่น ไม่รู้ว่าเพราะลื่นหลุดมือหรือตั้งใจปาลงพื้น ในที่สุดหุ่น 3-4 ตัวนั้นก็ลงมากองบนฐานปูนอย่างที่กล่าวไปแล้ว

ตรงนี้ขยายความกันในภายหลังว่า เนื่องจากพี่B เองไม่ค่อยเชื่อในเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว กอปรกับอาจจะมองว่า…นี่ไม่ใช่ศาลพระภูมิ อย่างที่ที่ทำการอื่นๆมีไว้ปกป้องดูแลสถานที่ แต่‘ศาลตา-ยาย’ ให้พูดอีกอย่างก็คือเป็นแค่ศาลผีนั่นเอง บางทีพี่B คงดูแคลนว่า ‘แล้วทำไมจะต้องไปกราบไหว้บูชา?’ อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการดูแลยังสูงมากถึงวันละเกือบพันบาท เนื่องจากหุ่นแต่ละตนก็กินไม่เหมือนกันอีก ในแต่ละถาดยังต้องมีอาหารมากถึง 4 กระทง

คุณโบนัสเล่าเรื่องนี้ให้พี่C ฟังรวมทั้งให้ดูกล้องวงจรปิด ตัวพี่C เองก็ค่อนข้างเชื่ออีกทั้งยังเล่าว่า “ตอนงานศพคืนที่4 พี่ฝันว่ะ ฝันว่าพี่B มายืนอยู่ตรงลานจอดรถแล้วชี้ไปที่ศาล แล้วบอกว่า…”

“ฝากหลานด้วยนะ ตัวเมิงเองก็ระวังด้วย…”

พี่C ยังไม่ทันจะได้ถามว่า ‘ให้ระวังอะไร’ ความฝันนั้นก็เลือนหายไปก่อน จนกระทั่งเรื่องดำเนินไปถึงวันเผาพี่C เดินมาบอกคุณโบนัสว่า

“เนี่ย ช่วงนี้พี่ฝันเห็นพี่B ทุกคืนเลย แล้วก็บอกให้พี่ ‘ระวัง’ อะไรไม่รู้ พี่ไม่กล้าออกไปไหนเลยช่วงนี้”

“งั้นพี่พักก่อนมั้ยล่ะช่วงนี้”

หลังจากนั้นพี่C จึงเรียกประชุมทุกแผนก เนื่อจากพี่C จะขอพักชั่วคราว โดยที่พี่K (หุ้นส่วนคนที่มีโรงงาน) จะเข้ามาดูแลแทน พี่K ก็บอกคุณโบนัสไว้ว่าหากมีธุระจะคุยงานเกี่ยวกับโปรโมทคอนเสิร์ตหรืออะไรให้ติดต่อกับทางพี่เมย์(แฟนพี่B) แล้วกัน พี่เขาจะเข้ามาช่วงเที่ยงๆ

โดยปกติแล้วพี่C จะรับหน้าที่ไหว้ศาล เนื่องจากทางเจ้าของที่กำชับมาว่า ‘ขอให้เจ้าของร้านไหว้เอง…แล้วร้านก็จะดีเอง’ แต่ครั้นพอพี่K มาดูแลแทน ด้วยความที่ยังอยู่ในเหตุการณ์ของความสูญเสียทำให้มองข้ามเรื่องนี้ไป และมอบหมายให้แม่ครัวเป็นผู้ดูแลการไหว้แทน เนื่องด้วยมองว่าแม่ครัวเป็นคนทำอาหารไหว้อยู่แล้ว จึงพอรู้ว่าต้องเตรียมอะไรไหว้ยังไงบ้าง

3-4 วันผ่านไป ผู้จัดการร้านถามหาพี่C กับคุณโบนัสว่า ‘เจอพี่C บ้างมั้ย’ ดูเหมือนว่าภายหลังจากวันนั้นพี่แกจะไม่ได้ติดต่อกลับมาทางร้านเลย คุณโบนัสจึงไปถามหากับพี่เมย์

“พี่เมย์ พี่C เค้าเป็นยังไงบ้างจะถามเรื่องงาน ติดต่อหาแกไม่ได้เลย”

“พี่ก็ไม่รู้นะ ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน”

เนื่องด้วยถึงแม้ว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน แต่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน วันนั้นพี่เมย์รับปากว่ายังไงก็ตามเดี๋ยวเย็นนี้จะไปดูให้แล้วกัน ว่าอยู่กินยังไงหลังจากนั้นผ่านไปร่วม 10 วัน นับจากวันที่พี่C หายหน้าไปทางร้านและคุณโบนัสก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ว่าพี่C อาการเป็นยังไง แกเครียดอะไรรึเปล่า คุณโบนัสก็ถามไถ่จากพี่เมย์อยู่ทุกวัน พี่เมย์ก็บอกเพียงว่า ‘เท่าที่ไปดูก็เห็นพี่C นั่งซึมๆตลอดนะ แกคงเครียดเรื่องที่เพื่อนเสีย แต่คงไม่มีอะไรน่าห่วง’

ผ่านไปอีก2 วัน น้องเฟิร์นผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์วันนั้น ก็ฟื้นตัวพอจะให้ปากคำกับตำรวจได้ ซึ่งตอนนี้น้องย้ายมารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลในจังหวัดเดียวกันกับผับแล้ว น้องเล่าว่า…วันนั้นที่รอดมาได้เพราะคาดเข็มขัดไว้ และยังมีตุ๊กตากับหมอนที่กอดรองหน้ารองคออยู่ จึงไม่ได้รับบาดเจ็บถึงชีวิต น้องเล่าถึงบทสนทนาระว่างพ่อกับแม่ในวันนั้น แม้ตนจะไม่ได้เห็นเหตุการณ์เองเนื่องจากนั่งอยู่เบาะหลัง… ขณะเกือบจะเข้าหัวหินคุณแม่ก็ทักขึ้นมาว่า…

“ดูสิคุณ ทำไมคนแก่มายืนอยู่ชิดถนนเลนขวาขนาดนั้น ไม่กลัวถูกรถชนเอาหรืออย่างไร”

“สงสัยอยากไปเฝ้ายมบาลน่ะสิ”

ผ่านไปอีกไม่ไกลนัก คุณแม่ก็ทักขึ้นอีก…

“ทำไมคนแก่แถวนี้เขาไม่เดินริมถนน แล้วนี่จะ5 ทุ่มแล้ว มาเดินอะไรกันตอนนี้”

“เออ เดินแบบนี้ไม่นานเดี๋ยวได้ดับ”

หลังจากนั้นไม่ถึง5 นาที น้องเล่าว่าไม่ได้สติรับรู้อะไรอีก… รถน่าจะชนเข้าไปแล้ว เรียกว่าตรงกับคำพูดของพนักงานโบกไฟฉุกเฉินที่เล่าว่า รถวิ่งมาด้วยความเร็วโดยไม่ได้เบรกและซัดเข้าไปเต็มแรง

พี่C หายไปร่วม2 อาทิตย์แล้ว ตอนนั้นคุณโบนัสก็ไม่ติดตามเรื่องนี้อีก และใกล้จะกลับบ้านแล้ว เนื่องจากจะครบกำหนดสัญญา3 เดือน เช้าวันหนึ่งคุณโบนัสได้นัดทางบริษัทเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่งมาติดป้ายไฟและทำโปรโมชั่นให้ ขณะเดินเข้ามาในร้านและคุยกันเรื่องตำแหน่งภายในร้าน ว่าจะให้ติดตั้งตรงไหน คุณโบนัสก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง… ตรงบูทดีเจที่อยู่กลางร้าน มีพี่C นั่งเอาหัวพิงกับบูทอยู่ ใบหน้าดูเศร้าหมองและซีดเซียว

“เอ้าพี่ มาตอนไหนทำไมไม่เห็น”

“มาได้สักพักละ แต่กรุเห็นคุยงานกันอยู่ก็เลยไม่ได้ทัก”

หากยืนอยู่ตรงกลางร้านย่อมจะมองเห็นทางเดิน รวมทั้งลานจอดรถ เนื่องจากร้านสร้างด้วยกระจกใสโดยรอบ ในร้านตอนนั้นควรจะมีแค่แม่บ้านคนเดียว และคุณโบนัสไม่คิดว่าเห็นใคร แม้กระทั่งพี่C เดินเข้ามาเลย แต่แล้วจู่ๆแกก็มาโผล่อยู่ที่บูทดีเจ ตอนนั้นคุณโบนัสอดคิดถึงเรื่องน่าขนลุกไม่ได้และภาวนาขอให้ไม่ใช่อย่างที่ตนคิด!

“พี่ดีขึ้นแล้วเหรอ”

“ไม่เลย แย่กว่าเดิมอีก พี่ไม่อยากอยู่เลย”

“เครียดเรื่องอะไรพี่ นี่หลานก็ฟื้นแล้ว ถ้าไม่มีพี่สักคนแล้วหลานจะอยู่กับใคร อย่าไปเครียดเลย..พี่B แกคงหมดเคราะห์แล้ว”

“กรุยังทำใจไม่ได้ว่ะ”

“ถึงยังไงก็ต้องทำใจให้ได้แหละพี่ คนเราถ้าประมาทก็ถึงฆาตได้ทั้งนั้นแหละพี่ เออ..ใช่ ก็ยังดีที่พี่กลับมา ผมก็ถามหาจากพี่เมย์ให้ไปดูพี่ตลอด เพราะติดต่อพี่ไม่ได้เลย”

“ก็ที่กรุเงียบหายไป…ก็เพราะไปงานศพเมย์มานี่แหละ!! เมิงบ้ารึเปล่า…เมิงจะคุยกับเมย์ได้ยังไง”

“พี่!! ให้ใครเป็นพยานก็ได้ คนในร้านก็เห็นกันหมด..ว่าแกมาทำงาน”

ความจริงอันน่าตกตะลึงพาลให้พี่C ยิ่งร้องไห้เศร้าโศกหนักกว่าเดิมอีก นานทีเดียวกว่าแกจะตั้งสติได้และเล่าให้ฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“เมื่อ 4-5 วันที่แล้ว พี่เมย์จะเข้าไปในเมืองเพื่อทำธุระ แต่ถูกรถกระบะพุ่งเข้ามาชนมอเตอร์ไซค์พี่เมย์กลางสี่แยก”

แล้วสรุปที่ผ่านมาเราคุยกับใคร? ที่ผ่านมาคุณโบนัสไม่ได้รู้สึกว่า ‘พี่เมย์’ ที่เจอกันในร้านมีอะไรผิดปกติเลยสักอย่าง นอกจากนี้ยังมีทั้งแม่ครัวและผู้จัดการร้านที่ยืนยันได้ว่าเจอพี่เมย์ตลอด ตามที่พี่C เล่ามา…วันที่พี่เมย์เสียน่าจะเป็นวันรุ่งขึ้นหลังจากที่คุณโบนัสกับพี่เมย์ไปเยี่ยมน้องเฟิร์นมา และนี่เองเป็นเหตุผลให้พี่C จิตตกและหายเงียบไปนานกว่า 2 อาทิตย์ ตอนนั้นพี่C ก็เอ่ยปากขอคุณโบนัสว่า ‘ขอให้อยู่ช่วยที่ร้านอีกสักเดือนได้มั้ย? เดี๋ยวพี่ขอทางพี่A ให้ เพราะถ้าโบนัสไปตอนนี้ พี่ก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร’ คุณโบนัสก็ตกลงจะอยู่ช่วยงาน โดยพี่C เอ่ยปากว่าอยากบวชและวางแผนไว้ว่าเดี๋ยวครบ 100 วันจะนิมนต์พระมาทำบุญร้านเสียหน่อย

ในที่สุดก็ผ่านไปจนเกือบจะครบร้อยวันในอีก 5 วันข้างหน้า คุณโบนัสไปถึงร้านราว 4-5 โมงเย็นก็ไปเจอเด็กในร้านกำลังล้างทำความสะอาดศาล ที่ฐานปูนเต็มไปด้วยของเหลวข้นสีแดง

“อ้าว! เกิดอะไรขึ้น”

“ก็เด็กรับรถไม่รู้ว่ามันลื่นหรือสะดุดอะไร ถึงล้มลงไปหัวฟาดกับศาล”

เด็กรับรถ…เป็นลูกชายของแม่ครัวที่ร้าน มันจะเดินไม่เห็นทางขนาดจะล้มลงไปตรงนั้นเชียวหรือ? จึงปรึกษากันว่าเดี๋ยวรอผู้จัดการมาถึงแล้วเราค่อยไปกรอดูกล้องวงจรปิดกัน ทันทีที่ผู้จัดการมาถึงก็เปิดกล้องดู ภาพที่ปรากฎเรียกว่าสร้างความสยดสยองยิ่งกว่ารอยสีแดงเข้มที่เห็นเมื่อครู่นี้อีก…ก็คือ จู่ๆ ลูกชายแม่ครัวก็เดินมายืนอยู่หน้าศาลนั่งคุกเข่า แล้วเอาหัวโขกแท่นปูน! โขกอยู่ 3-4 ครั้งก็ล้มลงหมดสติไปลงไปกองในท่าที่เอามือยื่นไปที่ศาล สภาพคล้ายทำความเคารพหรือขอขมา

ถัดจากนั้น 2 วันจึงฟื้นในสภาพที่จำอะไรไม่ได้ ถามความจากป้าว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมลูกชายแกถึงเอาหัวไปโขกกับศาลอย่างนั้น ป้าแกก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีเหตุผลอะไร คุณโบนัสนึกขึ้นได้ว่า ‘เอ…หรือมันจะไปทำอะไรลบหลู่ศาลอีกรึเปล่า’ หลังจากนั้นจึงไปตรวจดูที่ศาลแต่ทุกอย่างก็ดูปกติไม่ได้มีอะไรเสียหาย อาหารก็มี ตุ๊กตาก็อยู่ครบ รวมทั้งตัวที่เคยเสียหายก็ถูกนำตัวใหม่มาเปลี่ยนแล้ว และแล้วก่อนจะครบ 100 วันในวันถัดไป เรื่องก็ยังคงเกิดขึ้นอีก…

คุณโบนัสเข้าร้านมาก็เจอเด็กในร้านจับกลุ่มซุบซิบกัน ได้ความว่า…ขณะที่แม่ครัวกำลังทำอาหารไหว้ ในตอนที่กำลังสับๆๆๆอยู่นั้นก็พลาดไปสับโดนเอานิ้วของตนเอง ขาดกระเด็นไป 2 นิ้ว จนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

“ผมก็ไม่รู้ว่าป้าแกทำอีท่าไหนพี่ ป้าแกก็ทำอยู่ทุกวัน ทำไมถึงไปสับโดนเอานิ้วตัวเองได้”

นิ้วชี้หายไป 1 ข้อ ส่วนนิ้วกลางหายไปราวครึ่งนิ้ว ตอนสับเอามีดคงจะลงเฉียงๆพอดี… ยังโชคดีที่หมอต่อนิ้วให้ทัน พี่C ตามมาสมทบในที่สุด จึงพากันไปเยี่ยมป้า ทันทีที่เจอกันป้าก็เอาแต่ร้องไห้ยกมือไหว้แล้วพร่ำบอกว่า ‘ขอโทษๆ’

“มีอะไรป้า ค่อยๆพูดค่อยจา”

“ป้ายักยอกเงินที่ซื้อของไหว้”

ต้นเหตุจะเป็นเพราะลูกชายป้าติดหนี้จากวงไพ่หรือไฮโลสักอย่าง และไม่มีเงินไปคืนให้เจ้าหนี้

“ป้าก็ไม่รู้จะทำยังไง จึงเริ่มยักยอกเงินไปให้ลูกวันละ 500 บาท”

เท่ากับว่าเงินค่าอาหารไหว้ศาลหายไปเกินกว่าครึ่ง และเริ่มทำตั้งแต่วันที่พี่C ไม่อยู่ร้านมาตลอด

“วันนี้ที่ป้ากำลังหั่นผักเตรียมของไหว้อยู่ เหมือนกับว่ามีคนจับมือขวาป้าแล้วหั่นลงไปที่นิ้วป้า ป้าบังคับมือขวาไม่ได้เลย”

มันน่ากลัวเกินไปแล้ว… พี่C คุยกันกับคุณโบนัสว่า แล้วต้องแก้ไขยังไง ต้องขมายังไง

“แล้วที่ผ่านมาทุกวันที่ไหว้ ป้าไหว้ยังไง”

“ป้าก็ใช้ของถูกๆมาไหว้”

แสดงว่าป้าไม่ได้ทำตามคำสั่งที่วางไว้ ไม่ได้ทำตามขั้นตอนในการไหว้อะไรเลย… เงิน 500 ที่หายไปก็ถูกลูกชายนำไปจ่ายดอกทุกวันๆ ป้ายอมรับผิดโดยดีและตั้งใจลาออก พี่C เห็นใจและบอกว่าไม่ได้โกรธนะ แต่ว่าป้าควรไปทำพิธีขอขมาให้ถูกต้อง แต่ด้วยความละอายใจป้าก็ยังยืนยันที่จะขอลาออก สุดท้ายจึงต้องจ้างแม่ครัวใหม่

หลังจากนั้นผ่าน 100 วันไปราว 3-4 วันก็เกิดเรื่องขึ้นอีก แต่เดิมตั้งใจนิมนต์พระมาทำบุญให้ทั้งร้านและศาลด้วยอยู่แล้ว วันนั้นเองขณะที่พระกำลังสวดอยู่ทั้งพนักงานและเด็กในร้านก็มากันเกือบครบเลย จู่ๆไมค์ก็ร้องหอนด้วยเสียงสูงแหลมดังหวี๊ดดดด… ทั้งๆที่ไม่มีใครใช้

“เห้ย ไปปิดไมค์ที่บูทดีเจหน่อยสิ ไม่ให้มันหอน”

“พี่ มันไม่ได้เปิดนะ”

“งั้นถอดปลั๊กออกเลย”

ในจังหวะที่พระกำลังจะพรมน้ำมนต์ พี่K ก็อุ้มบาตรน้ำมนต์ให้ ก่อนหยดน้ำมนต์ชุดแรกที่ถูกพรมจะทันตกลงบนพื้น ไฟก็ดับ ‘พรึ่บ’ ทั้งร้าน ไมค์ที่เคยเงียบไปก็กลับมาหอนแหลมสูงยิ่งกว่าเดิม หอนลั่นร้านเลย พี่K ถึงกับทำบาตรน้ำมนต์หล่น แล้ววิ่งแจ้นออกไปนอนกร้าน พระยังร้องเรียก “โยมๆรออาตมาด้วย!” ก็เลยวิ่งตามๆกันออกมาหน้าร้าน พระท่านเองก็บอกว่าไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนเหมือนกัน

ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะพวกเราทำอะไรผิดหรือไม่ ในที่สุดพี่C จึงให้โทรหาพี่A ผู้ที่จ้างวานคุณโบนัสให้มาทำงานที่นี่นั่นเอง เนื่องจากพี่A มีประสบการณ์ทำผับและสถานที่ต่างๆมาเยอะพี่A จะมีซินแสหรือหมอดูชื่อดังในการช่วยดูและกำหนดฮวงจุ้ย พอลงมาดูซินแสก็บอกว่า…

“เหมือนกับว่าเขาไม่ให้ทำแล้ว” “มีทั้งการลบหลู่และทำผิดกฎเค้าด้วย แต่ถ้าทำการขอขมาครั้งใหญ่…ก็อาจกลับมาทำต่อได้”

เค้าในที่นี้ก็คงจะหมายถึงผีบรรพบุรุษในศาลนั่นเอง คุณโบนัสย้อนนึกถึงคำของเจ้าของที่ดิน “ไหว้ดีๆแล้วจะทำร้านรุ่งเลยนะ หากจะไหว้ก็ต้องไหว้ให้ครบ อย่าไปขี้เหนียว แต่ถ้ากลับกันแล้วล่ะก็…จะพังทันที” คงจะแน่ชัดแล้วว่าเหตุการณ์ประหลาดอันน่าขนลุกที่ผ่านมาคงจะเกี่ยวพันถึงศาลนี้อย่างลึกซึ้ง อยู่ๆพี่C ก็ชวนคุณโบนัสออกมา…

“อยากเห็นอะไรรึเปล่า ตามขึ้นรถมา”

“เห็นอะไรเหรอพี่?”

พี่C พาขับรถออกจากร้านแล้วเข้าไปสุดก็ที่ดินของเจ้าที่ ในทของี่ในซอยเห็นความลับนึงด้านหลังกำแพง กำแพงที่กั้นร้านด้านหลังมีบ้านไม้หลังใหญ่มากหลังหนึ่ง ที่หน้าตาเหมือนกันกับศาลไม้อย่างกับแกะ ภายในยังมีหุ่นรูปปั้นขนาดเท่าตัวจริงที่สวมเสื้อผ้าตั้งอยู่ด้วย ดูท่าจะเก่าแก่พอสมควร คงเป็นตระกูลที่ใหญ่โตมีประวัติยาวนานทีเดียว เป็นความลับที่คุณโบนัสไม่เคยรู้เลย… ตอนนี้จึงเข้าใจเหตุผลที่เจ้าของที่ดินกำชับว่า ‘ต้องสร้างศาลให้ตรงตามแบบ’ แล้ว

นอกจากเหตุการที่กล่าวมาทั้งหมดยังมีเหตุการณ์อื่นๆที่พนักงานในร้านเจออยู่เรื่อยๆ เช่นเจอคนแก่ยืนอยู่บริเวณร้านเป็นต้น แต่ไม่ขอลงรายละเอียดนัก หลังคิดย้อนกลับไปเรื่องที่พี่เมย์เสีย..ก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับศาลนี้รึเปล่า หรือเป็นเพียงแค่ความบังเอิญที่มาเกิดท่ามกลางเรื่องลึกลับอื่นๆ ตรงนี้คุณโบนัสก็ไม่อาจทราบได้ หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดผับยังคงเปิดต่อไปได้อีกราว 1 ปี แต่หลังจากนั้นก็ยุติบทบาทโดยสิ้นเชิง แม้กระทั่งศาลตา-ยายหลังนั้นยังคงอยู่หรือไม่ก็ไม่ทราบ ส่วนเหตุผลที่ร้านเลิกกิจการก็ไม่แน่ว่าเป็นเพราะถึงจุดอิ่มตัวหรือว่าพี่C ไม่มีกะใจจะทำต่อ ปัจจุบันพี่C ยังคงสามารถโทรติดต่อได้และแกก็มีภรรยาไปแล้ว ส่วนน้องเฟิร์นปัจจุบันได้ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด…

ขอบคุณที่มาเรื่องเล่าผี : ศาลตามสั่ง โดยคุณโบนัส

อ่านเรื่องเล่า เรื่องผีพันทิป เรื่องอื่นๆ >> คลิก

กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์