เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ13-14 ปีที่ผ่านมา เรื่องมีอยู่ว่าคุณโบนัสซึ่งมีอาชีพเป็นดีเจเปิดเพลงร่วมกับวงดนตรีได้รับงานจากจังหวัดในภาคใต้(ซึ่งเป็นจังหวัดเดียวกันกับในเรื่องโรงแรมนิรนามด้วย) โดยได้ตกลงงานกับทางนายจ้างว่าให้จัดวงลงมาด้วยหากออดิชั่นผ่านก็จะได้ร่วมงานกันที่ผับด้วยโดยที่ค่าใช้จ่ายในการเดินทางทางนายจ้างจะเป็นผู้ออกให้
เรื่องเล่าผี: วงออดิชั่น โดย: คุณโบนัส
แต่ในระหว่างทางทางวงดนตรีที่มาด้วยขอแวะออดิชั่นอีกที่หนึ่งในจังหวัดทางผ่านโดยมีนัดออดิชั่นกันตอนเที่ยงคืนคุณโบนัสจึงรับหน้าที่หาและจองโรงแรมเพื่อค้างคืนกันก่อนที่จะเข้าถึงตัวเมืองจังหวัดนี้นั้นก็ได้เจอโรงแรมแห่งหนึ่งและตั้งใจค้างกันที่นี่โรงแรมแห่งนี้มีลักษณะเป็นอาคาร2 ชั้นคล้ายกับตึกเรียนคุณโบนัสเข้าไปจอดรถที่หน้าตึกขณะนั้นเป็นเวลา5 ทุ่ม
ทันทีที่เข้าไปก็พบคนต้อนรับที่ล็อบบี้เป็นคุณป้าท่านึงคุณโบนัสจึงแจ้งว่าต้องการห้องพักคุณป้าก็ทักถามว่ามากันกี่คน
“มากัน9 คนฮะ”
“งั้นก็4 ห้องใช่มั้ยหรือจะเอา3”
“เอา3 ละกันฮะจะได้เซฟค่าใช้จ่าด้วย”
ในขณะที่ทุกคนจัดแจงหอบสัมภาระขึ้นห้องแต่ก็ต้องสะดุดตากับบันไดทางขึ้นบันไดดังกล่าวจะมีทางแยกออกเป็นสองทางแต่ที่ผนังเหนือขึ้นไปกลับมีภาพกรอบใหญ่ติดอยู่เป็นภาพของเจ้าของโรงแรมชายสูงอายุในชุดไทยกับไม่เท้าขนาดเท่าตัวจริงชวนให้นึกถึงท่านขุนหรืออะไรทำนองนั้น
หลังจากเข้าห้องพักกันเรียบร้อยเวลาล่วงเลยไปจนวงดนตรีไปออดิชั่นเสร็จกลับมาจึงเข้านอนกันกระทั่ง9 โมงเช้ามีคนมาเคาะประตูห้องทั้ง3 ห้องดังปังปังปังเป็นผู้จัดการโรงแรมที่มาเคาะ
“พวกคุณขึ้นมานอนตึกนี้ได้ยังไง”
“หืมอ้าวก็พวกเราก็เช็คอินเข้ามาน่ะ”
“คือตึกนี้เรากำลังอินโนเวทอยู่ไม่ได้เปิดให้เข้าพักเราให้พักอีกตึกด้านหลัง”
หลังจากได้ฟังทั้งคณะได้แต่มองหน้ากันด้วยไม่เชื่อมันไม่น่าเป็นไปได้จึงลงมาดูที่ชั้นล่างกัน
“ทำไมจะไม่มีก็เมื่อคืนผมมาเปิดห้องที่เคาเตอร์ด้านล่างเมื่อคืนผมยังเจอคุณป้าอยู่เลย”
แต่แทนที่เรื่องจะจบลงด้วยแค่เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดคำพูดต่อมาของพนักงานโรงแรมกลับสร้างความขนลุกให้ทุกคน
“คุณ…ฟังนะตึกนี้ผมล็อกเอาไว้นะแล้วพวกคุณจะเข้ามานอนได้ยังไง”
เมื่อคืนตอนที่พวกคุณโบนัสมาถึงขณะเข้ามาในบริเวณโรงแรมด้านหน้าจะมีประตูรั้วเหล็กเลื่อนมันเปิดอยู่แต่เช้านี้มันกลับถูกปิดล็อคอยู่อย่างแน่นหนาด้วยแม่กุญแจไว้เรื่องนี้สร้างความสับสนที่ไม่อาจอธิบายได้…แล้วเราเข้าไปได้ยังไง? มานึกย้อนดูทีหลังตอนแรกที่พนักงานโรงแรมมาเคาะห้องเพราะเข้าใจว่าพวกคุณโบนัสงัดแงะเข้ามานอนกันแต่พอได้ยินเรื่องของ“คุณป้า” ปฏิกิริยาเปลี่ยนไปดูเหมือนตกใจและอาจจะรู้ว่าป้าเป็นใครแม้ไม่ได้บอกอะไรก็ตาม
ในภายหลังคุณโบนัสออกไปดูด้านหลังก็พบอีกตึกที่ว่าจริงๆเป็นอาคารหลังใหม่อยู่ในซอยเข้าไปหากแต่เมื่อคืนไม่รุ้ทำไมกลับไม่เห็นและเลือกผ่านรั้วเหล็กเข้ามาจอดหน้าอาคารเก่าหลังนี้หลังจากที่รถเคลื่อนขบวนออกมาแล้วเพื่อนๆก็อดคุยติดตลกกันว่า“สงสัยป้าแกอยากได้เงินมั้งเลยแอบมาเปิดโดยที่ไม่มีใครรู้” ในขณะนั้นไม่มีใครคิดถึงทำนองเรื่องผีสางเลย
ในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทางเป็นโรงแรมแห่งหนึ่งโดยที่แห่งนี้จะมีผับอยู่ใต้โรงแรมในเรื่องงานของคุณโบนัสก็ได้ถูกว่าจ้างให้ทำงานเป็นดีเจทางวงก็สามารถเคลียร์และตกลงกันได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยได้จองห้องพักให้ค้างคืนกันในตึกเจ้าของผับเปิดให้นอน4 ห้องที่ชั้น3 หลังจากได้กุญแจห้องกันครบก็พากันขึ้นลิฟท์เพื่อไปห้องดังกล่าวที่ชั้น3 แต่ไม่รู้ว่าทำไม…ลิฟต์กลับไปหยุดและเปิดออกที่ชั้น4
คนในลิฟท์ก็ได้แต่มองหน้ากันใครกด? ป่าว..ไม่นี่บางทีอาจจะมีคนที่ชั้นนี้กดเรียกเพื่อจะไปชั้นอื่น? ตอนนั้นเบื้องหน้าประตูลิฟต์ที่เปิดออกไม่มีใครยืนอยู่ที่นี่ถูกปิดไฟมืดแต่ยังเผยให้เห็นทางแยกรูปตัวY มุ่งออกไปทางซ้ายและขวาโดยที่ลิฟต์จะตั้งอยู่ที่สุดทางตรงของตัวY ดังนั้นที่แห่งนี้จึงดูน่าขนลุกนักเพราะคล้ายกับทาง“สามแพร่ง” ในขณะนั้นเป็นช่วงกลางวันและถึงแม้จะเจอเรื่องไม่ชอบมาพากลแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรและกดลิฟต์ลงมาชั้น3
คืนแรกผ่านไปได้ด้วยดีโดยในส่วนของวงดนตรีมีสัญญาจ้างงาน1 สัปดาห์ดังนั้นตลอดทั้งอาทิตย์ทุกคนจึงพักกันที่โรงแรมนี้เช่นเดียวกับคุณโบนัสซึ่งหลังจากนั้นทางนายจ้างจะไปเช่าบ้านให้อยู่ต่างหาก
ทีน่าแปลกคือตลอดเวลาที่อยู่โรงแรมแห่งนี้เวลาขึ้นลิฟต์เป็นต้องขึ้นไปชั้น4 ตลอดและมันยังคงมืดมิดทั้งชั้นจนมีอยู่คืนนึงที่ขึ้นมาแล้วไม่สามารถกดกลับลงมาชั้น3 ได้เพราะประตูไม่ปิดให้คุณโบนัสจึงต้องออกมาที่ชั้น4 แล้วเดินลงบันไดหนีไฟเพื่อกลับไปชั้น3 แม้เหตุการณ์จะไม่ปกติเอาซะเลยแต่ด้วยความที่มากันหลายคนจึงไม่ได้ติดใจอะไรแล้วกลับไปนอนกัน
มีอยู่วันนึงช่วงนั้นโรงแรมแห่งนี้มีแขกเข้าพักเยอะแทบทุกห้องจึงถูกจองขณะที่คุณโบนัสกำลังจะเดินเข้าตึกก็เหลือบขึ้นไปมองหน้าต่างทุกชั้นสว่างสไวด้วยแสงไฟยกเว้นเพียงชั้น4 ที่เรียกได้ว่ายังคงมืดทั้งชั้นโดดออกมาจากแนวหน้าต่างแถวอื่นๆด้วยความอยากรู้คุณโบนัสจึงถามรปภ.
“ชั้น4 ไม่เปิดให้พักเหรอครับ”
“อ้อชั้นนั้นแอร์มันเสีย”
ออกจะเป็นคำตอบที่ฟังดูขอไปทีแต่ก็ไม่ได้คิดจะเล้าหรืออะไรจนผ่านไปคืนที่4 หลังเลิกงานกลับจากผับกลางดึกคุณโบนัสได้ยินเหมือนมีเสียงเด็กๆวิ่งเล่นอยู่บนชั้น4 เป็นเสียงกระพรวนดังกริ๊งๆกริ๊งๆเป็นระยะเข้าใจเอาเองว่าแขกคงเข้าพักเยอะจนในที่สุดชั้นนี้ก็เปิดใช้งาน
ในคืนวันที่5 หลังเลิกงานประมาณตี2 นักร้องนำวงดนตรีอยู่นั่งกินกันต่อกับลูกค้าคุณโบนัสและคนที่เหลือจึงกลับห้องพักก่อนแต่ในเช้าวันถัดมานักร้องคนนั้นไม่ได้กลับมาที่ห้องเขาหายตัวไปจนกระทั่ง3 ทุ่มวันนั้นก็ยังไม่พบสรุปว่าวันนั้นหน้าที่ร้องนำจึงต้องให้คนอื่นมาร้องแทนตอนนั้นเข้ากันไปว่าตัวนักร้องอาจไปกับสาวในคืนก่อนนั้นแต่ถึงอย่างไรก็ไม่น่าทิ้งงานไปแบบนี้จนเข้าวันที่6 เช้านั้นมีคนมาเคาะประตูเป็นแม่บ้าน
“คุณๆมานี่หน่อย…เพื่อนหายไปรึเปล่า”
“??! ใช่ๆครับ”
จากนั้นคุณโบนัสจึงตามแม่บ้านไปแม่บ้านเดินนำขึ้นไปหยุดณห้องๆหนึ่งที่ชั้น4 ห้องนั้นดูเหมือนจะมีขนาดใหญ่ถึง3 ห้องตีรวมกันคล้ายเป็นห้องสูทภายในมีม่านรูดกั้นห้องไว้คุณโบนัสพบนักร้องนำที่หายตัวไปนอนอยู่ในห้องแอร์เย็นเฉียบทันทีที่นักร้องได้สติก็เอ่ยคำถามฟังดูแปลกประหลาดด้วยอาการสะลึมสะลือ
“อ้าวเอ้อตกลงน้องเขาไปรึยัง”
“น้อง? น้องไหน”
“ก็น้องที่เป็นเด็กผู้หญิง2 คนในนี้น่ะว่าแต่พ่อแม่เขารับกลับไปรึยัง”
“ก็เมื่อคืนนี้ตอนกลับเจอน้องเขายืนอยู่หน้าทางขึ้นบอกว่าช่วยขึ้นมารอพ่อเป็นเพื่อนหนูที่ด้านบนได้มั้ย”
ทันทีที่สิ้นเสียงป้าแม่บ้านก็ตกใจแล้วถามว่า“ใช่เด็ก2 คนนี้มั้ย” พร้อมกับรูดม่านผืนนึงออก…
หลังม่านนั้นมีโลงศพเย็นซ่อนอยู่ด้านบนคลุมไว้ด้วยผ้าลายการ์ตูนขณะนั้นสิ่งที่เย็นกว่าแอร์ในห้องก็คงจะเป็นมือของคุณโบนัสในสภาพที่ช็อคกับสิ่งที่เห็นนั่นเอง…
ป้าแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่เล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่าว่ามีอยู่วันหนึ่งที่ไฟฟ้าดับทั้งจังหวัดเลย พ่อแม่ของน้องทั้งสอง ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมไม่อยู่เนื่องจากไปทำธุระที่กรุงเทพเด็กน้อยสองคนกดลิฟต์เล่นกันจนเกิดเหตุการณ์น่าเศร้าเมื่อไฟดับจึงถูกของไว้ในลิฟต์ที่ชั้น4 จนขาดอากาศหายใจโดยที่ไม่มีใครรู้บังเอิญว่าตอนนั้นเป็นช่วง9 โมงถึงเที่ยงเวลาที่แขกในโรงแรมจะเช็กเอาต์ออกไปกันหมดพนักงานก็ออกไปเที่ยวส่วนป้าแม่บ้านเข้าใจว่าน้องอยู่กับพี่เลี้ยงจึงไม่ได้นึกเอะใจที่ไม่พบเห็นทั้งคู่จนกระทั่งไฟมาจึงไปพบน้องทั้งสองเป็นศพไปแล้ว
ในภายหลังนักร้องที่หายตัวไปเล่าให้ฟังว่าเจอน้องนั่งจับมือกันอยู่หน้าเคาท์เตอร์ด้านล่างบอกว่า“หนูรอพ่อกับแม่มารับ” จึงเสนอไปว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่รอเป็นเพื่อนเนื่องจากนึกสงสารน้องคนโตห้าขวบ ส่วนน้องคนเล็กก็เพียงแค่สามขวบครึ่ง เมื่อย้อนคิดดูเมื่อราว15 ปีที่แล้วระบบความปลอดภัยอาจไม่ได้พัฒนาจนดีเหมือนในสมัยนี้จึงไม่มีกล้องวงจรปิดหรืออาจจะเป็นได้อีกว่าเพราะไฟดับจนมืดกล้องวงจรปิดเลยไม่สามารถแสดงภาพภายในได้
หลังเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นป้าแม่บ้านก็ยังคงนำอาหารและน้ำมาผลัดเปลี่ยนให้ที่ห้องเก็บโลงนั้นทุกวันมาตลอดด้วยความที่ยังห่วงหาอาลัยของเจ้าของโรงแรมจึงได้เก็บร่างไร้วิญญาณของทั้งคู่ไว้ที่ชั้น4 นั่นเอง
คุณโบนัสยังทิ้งท้ายไว้อีกว่าเคยมีดาราดังรุ่นใหญ่มาพักแล้วเจอเช่นกันอีกทั้งยังได้ไปอยู่ในห้องนั้นด้วยป้าแม่บ้านเล่าให้ฟังได้ความว่าครั้งนั้นดาราท่านนี้มาถ่ายละครก่อนหน้านี้ไม่ถึงปีก็เกิดเหตุการณ์คล้ายๆกับในวันนี้สร้างความตกใจให้ดาราท่านั้นโดยที่ทางเจ้าของโรงแรมขอความร่วมมือให้ช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เนื่องด้วยตนยังคงเสียใจอยู่
ผ่านไป5 ปีคุณโบนัสมีโอกาสได้กลับไปเยือนโรงแรมแห่งนี้อีกปรากฎว่าลิฟต์ที่เดิมเป็นลิฟต์คู่ได้ถูกเปลี่ยนใหม่แล้วตัวหนึ่งโดยที่ยังคงเก็บลิฟต์อีกตัวที่เกิดเหตุการณ์ไว้ในสภาพเดิมส่วนชั้น4 ก็ยังคงมืดมิดปิดตายเช่นกันโดยที่ไม่ทราบได้ว่าห้องนั้นยังคงเก็บน้องทั่งคู่ไว้รึเปล่า
คุณโบนัสสังเกตเห็นว่ารปภ.เป็นคนใหม่จึงแอบแกล้งถามว่า “ทำไมชั้นสี่ถึงมืดทั้งชั้นล่ะ” ทางยามตอบกลบเกลื่อนกลับมาแบบคงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่า “อ๋อ พี่เอกชัยเหมาทั้งชั้นไว้แล้ว”
ขอบคุณที่มาเรื่องเล่าผี : วงออดิชั่น โดยคุณโบนัส
อ่านเรื่องเล่า เรื่องผีเดอะช็อค เรื่องอื่นๆ >> คลิก
กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์