ประสบการณ์สยองขวัญในวันนี้เป็นเรื่องผีเดอะช็อคจาก “คุณปุ้ย” ซึ่งได้โทรเข้าไปบอกเล่าเหตุการณ์ชวนขนหัวลุกใน the shock radio ในชื่อเรื่อง “เมิงใส่พระเหรอ” โดยเป็นครั้งเมื่อตนและเพื่อนร่วมวงดนตรีเดินทางไปทำงานที่ภูเก็ต แล้วระหว่างทางก็เจอวิญญาณผู้หญิงร่างๆบิดๆเบี้ยวๆตามติด โดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน หรือมีวัตถุประสงค์อะไร จนกระทั่งเรื่องทุกอย่างเฉลยออกมา…
เรื่องผี เดอะช็อค เรื่องนี้…มีอยู่ว่า!
เรื่องนี้เกิดกับคุณปุ้ย ซึ่งมีอาชีพเป็นนักดนตรีแบ็คอัพ เมื่อราวห้าปีที่ผ่านมา ตอนนั้นคุณปุ้ยได้เดินทางจากสงขลาไปเล่นดนตรีด้วยรถตู้ซึ่งก็มีสมาชิกอีกเกือบสิบคน และเขาได้ที่นั่งเป็นเบาะท้ายสุด โดยมีจุดหมายปลายทางคือจังหวัตภูเก็ต โดยที่ไม่คาดคิดย่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์เรื่องเล่าผี
พอตอนราวๆ 4 ทุ่ม คุณปุ้ยเกิดอยากยิงกระต่าย ก็เลยบอกให้คนขับหยุดรถ สองข้างทางเป็นป่าครึ้ม ขณะที่ออกเดินเลียบไหล่ทาง และมองหาพงหญ้าเพื่อปัสสาวะ จู่ๆคุณปุ้ยก็รู้สึกเหมือนเดินไปเฉี่ยวกับอะไรบางอย่างแล้วล้มลงไป แต่เนื่องด้วยความมืดและพงหญ้าที่ขึ้นสูงจึงมองไม่เห็นอะไร คุณปุ้ยก็เพียงแต่ทำธุระจนเสร็จแล้วขึ้นรถไป
แต่หลังจากนั้นผ่านไปสักพักใหญ่ ขณะที่คนอื่นๆในรถพากันหลับไหลกันหมด คุณปุ้ยสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ พรางมองออกไปที่กระจกด้านข้าง ก็พบสิ่งที่คล้ายกับใครบางคนในชุดเก่าขาดปอน กำลังนอนหงิกงออยู่กลางถนน ดูคล้ายกับประสบอุบัติเหตุ คุณปุ้ยเลยทักถามคนขับด้วยความตื่นตระหนก “พี่ๆ เมื่อกี้เห็นอะไรมั้ย?” …. “เปล่า ไม่เห็นนะ แล้วปุ้ยเห็นอะไร?” คุณปุ้ยเลิ่กลั่กสำทับไปว่าตนคงตาฝาดไปเอง แต่หลังจากระผ่านไปได้ไม่นานนัก ก็ยังเจอกับสิ่งที่ว่าอยู่อีก คราวนี้คุณปุ้ยปลุกรุ่นน้องที่นั่งหลับอยู่ข้างกัน
“พี่ว่าพี่เจอผีว่ะ”
รุ่นน้องได้ฟังแล้วดูไม่ยี่หร่ะนัก พร้อมแนะนำให้หลับตานอนไปดีกว่า และอย่าไปทักก็พอ คนก็อยู่ส่วนคน ผีก็อยู่ส่วนผี อย่างไรก็ตาม คุณปุ้ยก็ไม่อาจหลับลงจนกระทั่งผ่านไปสักพักก็ยังเจออีก เห็นดังนั้นก็ความหาสร้อยพระบนคอขึ้นมากำแล้วสวดมนต์อยู่หลายบท ผู้หญิงตัวหงิกงอหันหน้ามามองทางคุณปุ้ย นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นได้ชัดเจนว่าร่างนั่นเป็นผู้หญิง
กระทั่งถึงที่พักโดยที่จะแบ่งกันพักกันห้องละ 2 คน ทั้งหมด 5 ห้อง ขณะที่เพื่อนๆคนอื่นๆออกไปสังสรรค์กัน แต่คุณปุ้ยขอตัวเข้าห้องไปพักผ่อนเอาแรง เนื่องจากไม่ได้นอนเลยตอนที่นั่งรถมา หลังอาบน้ำเสร็จแล้วเข้านอนได้สักพัก คุณปุ้ยก็ได้ยินเสีงใครบางคนเคาะประตูเบาๆดังมา คุณปุ้ยรีบลุกขึ้นไปเปิดทันทีด้วยเข้าใจว่าอาจเป็นรุ่นน้องที่กลับมาจากสังสรรค์กัน แต่ปรากฎว่าก็ไม่พบใคร เลยเข้าใจไปว่าเสียงเคาะดังกล่าวคงเป็นเสียงห้องข้างๆกัน กระทั่งจะกลับขึ้นเตียงก็ได้ยินเสียงเคาะอีก และเมื่อเดินเข้าไปใกล้ประตูก็มั่นใจว่าเสียงนั่นกำลังเคาะประตูห้องที่ตนอยู่ คุณปุ้ยชะโงกไปส่องดูที่ตาแมวบนประตู แล้วก็ต้องผงะถอยหลัง ตกใจอย่างรุนแรง เนื่องจากสิ่งที่พบเจอคือ ตาใครบางคนที่แดงก่ำจ้องกลับมาจากอีกฝั่งของประตู! คุณปุ้ยตัดสินใจเปิดประตูสวนกลับไปทันที แต่กลับไม่พบอะไรอยู่ตรงนั้น ดวงตาที่ว่าหายไปทันควันยังกับภูตผี
คุณปุ้ยปิดห้องล็อคประตู และใส่กุญแจอย่างแน่นหนาแล้วกลับมานั่งสวดมนต์ที่เตียง ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนหลับไป กระทั่งผ่านไปนานแค่ไหนไม่ทราบ คุณปุ้ยรู้สึกอึดอัดเลยสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา แล้วก็ต้องได้ยินเข้ากับเสียงประตูที่กำลังถูกเปิดแง้มออกดัง “แอ๊ด..ด” คุณปุยจำได้ว่าตนเองได้ปิดและล็อคจากด้านใน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครเปิดเข้ามา ด้วยความสงสัยเลยหรี่ตามองในความมืด แสงบางส่วนที่ส่องเข้ามาจากด้านนอก เผยให้เห็นร่างของเพศหญิง ที่มีลำตัวบิดเบี้ยว แขนงอหัก โผล่ออกมาจากมุมมืดข้างห้องน้ำ! ร่างนั้นค่อยๆใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาที่เตียงแล้วกระซิบกระซาบว่า…
“เมิงใส่พระเหรอ…”
จบคำพูดนั้นร่างของผีผู้หญิงคนนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไป ทิ้งให้คุณปุ้ยนอนเหงื่อแตก กระทั่งเหตุการณ์สงบ ตนจึงรีบวิ่งออกไปรวมกับเพื่อนที่สังสรรค์รวมกันในอีกห้องหนึ่ง แม้ว่าหลังจาก เล่าเรื่องผี ให้ใครๆฟัง ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า…เอ็งแค่ตาฝาด! บ้างก็ว่าพักผ่อนน้อยจนคิดไปเอง ดูเหมือนจะมีเพียงคุณปุ้ยเพียงคนเดียวที่กำลังเผชิญหน้ากับเรื่องสยองขวัญตามลำพัง แต่อย่างไรก็ตามคุณปุ้ยยังนั่งอยู่ด้วยจนตี 4 โดยไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องผีผู้หญิงนั่นอีกเลย
คุณปุ้ยเล่าผ่านรายการ the shock ว่ากระทั่งวันถัดมาได้พากันย้ายโรงแรมไปพักอีกที่หนึ่ง และในคืนนั้นเองที่คุณปุ้ยได้พบกับหญิงคนนั้นอีก ขณะที่ตนเองกำลังเล่นดนตรีบนเวทีคอนเสิร์ตอยู่นั้น ก็ได้พบเห็นเธอคนเดิมในสภาพร่างบิดเบี้ยว ผลุบโผล่อยูในกลุ่มผู้ชมซ้ายทีขวาที เห็นอยู่ 6-7 ครั้ง คืนนั้นทำเอาคุณปุ้ยโดนตำหนิในหน้าที่อย่างมาก เนื่องจากเล่นผิดพลาดบ่อย แต่ก็นั่นแหละ เขาไม่กล้าที่จะเล่า เรื่องผี ผู้หญิงออกไปแล้ว เกรงว่าจะถูกหัวเราะเยาะเอาเปล่าๆ
หลังเลิกงานกลับที่พัก คืนนี้คุณปุ้ยไหว้วานให้น้องรูมเมทนอนเป็นเพื่อนที ไม่ต้องออกไปสังสรรค์ในคืนนี้ รุ่นน้องได้ยินดังนั้นก็ตอบว่าได้ แต่ว่า…พี่พอจะมีของดีไว้ให้อุ่นใจบ้างไหม คุณปุ้ยจึงแบ่งของขลังเป็นเขี้ยวเสือไว้ให้พกติดตัว หัลงจากนั้นแม้ว่าจะไม่เห็นตัวเป็นๆ แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จะได้ยินเสียงของหล่น เป็นรีโมททีวีบ้าง ขวดครีมอาบน้ำบ้าง ราวกับถูกรบกวน
กระทั่งกลางดึกราวตี 2 คุณปุ้ยก็ต้องสะดุ้งลุกขึ้นตื่นเพราะตกใจเสียงร้องของรุ่นน้องที่อยู่ด้วยกัน
“เห้ยยยย! พี่..ลุกเร็ว!”
คุณปุ้ยตกใจกับสิ่งที่เหิดขึ้นแม้จะยังไม่ทราบว่ามันเรื่องอะไร รุ่นน้องก็ชวนออกจากห้องแล้วลงไปที่ล้อบบี้โรงแรมทันที
“โรงแรมนี้มีผีรึเปล่าครับ”
นั่นคือสิ่งที่รุ่นน้องถามกับพนักงานต้อนรับ แต่คุณปุ้ยรู้ดีว่าไม่ได้อะไร เพราะผีไม่ได้อยู่ในโรงแรม แต่มันตามเขามา… แล้วรุ่นน้องก็เล่าให้ฟังว่า ขณะที่นอนอยู่นั้น เขาได้ยินเสียงเปิดประตูและเดินในห้อง ทีแรกเข้าใจว่าเป็นคุณปุ้ยลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่พอลุกขึ้นมาดูดีๆก็ต้องหน้าซีด เพราะมีแขกไม่ได้รับเชิญ ยืนชี้นิ้วหงิกงออยู่หน้าเตียงคุณปุ้ยพร้อมพึมพำว่า…
“เมิงทำกรุ! เมิงทำกรรรรุ…”
จนรุ่นน้องร้องด้วยความตกใจนั่นแหละ ร่างนั้นก็หายไปเลย
คุณปุ้ยยังเล่า เรื่องผี เดอะช็อค ต่อไปอีกว่าหลังจากวันนั้นทางคณะก็เดินทางกลับสงขลาโดยใช้เส้นทางเดิม ขณะที่มีโอกาสได้พักทานอาหารกันระหว่างทาง คุณปุ้ยจำได้ว่าแถวนั้นใหล้กับจุดที่คุณปุ้ยเห็นร่างนั่นครั้งแรก เลยลองเรียบเคียงถามแม่ค้าดู ได้ความว่าไม่กี่วันก่อนมีคนทำศาลเพียงตาที่ห่างออกไปที่ข้างทางล้มจนหักพัง เรื่องนี้ย้อนความทรงจำของคุณปุ้ยทันที อา…ใช่แล้ว เป็นเราเองนั่นแหละที่ดันไปเดินเฉี่ยวจนล้มตอนแวะชิ้งฉ่องข้างทาง แม่ค้าเล่าอีกว่า เมื่อก่อนมีผู้หญิงคนหนึ่งยืนรอรถอยู่ข้างทาง ถูกรถขับชนแล้วหนีไป นางค่อนข้างจะของแรงมาก ทำให้ชาวบ้านต้องตั้งศาลเพียงตาขึ้น มีคนเห็นอยูบ่อยๆ
อย่างไรก็ตาม คุณปุ้ยไม่ได้เล่าเรื่องที่ตนเองเป็นตัวการทำศาลล้มให้ใครรู้ แล้วจะกลับไปที่ศาลเพื่อซ่อมแซมก็ทำไม่ได้ เนื่องจากมากันเป็นหมู่คณะก็เกรงจะทำให้คนอื่นเสียเวลา เสียการงานได้ จนกระทั่งกลับมาถึงสงขลา ขณะที่คุณปุ้ยกำลังจะเดินเข้าบ้านอยู่นั่นเอง เสียงพ่อคุณปุ้ยก็ร้องทักขี้นว่า…
“เดี๋ยว! เอ็งพาใครมาด้วย…”
คุณปุ้ยถึงกับสะดุ้งด้วยถูกทักในเรื่องที่มองไม่เห็นได้ด้วยตา นี่ยังตามมาอีกถึงบ้านเลยหรือเนี่ย! ซึ่งหากใครได้ฟัง the shock ในวันนั้น ต้องพลอยขนลุกตามไปด้วยแน่นอน…
“พรุ่งนี้เอ็งไปวัดแต่เช้าเลยนะ เค้าตามเอ็งมาแต่เข้าบ้านไม่ได้เพราะมีเจ้าที่อยู่”
บทสรุปความพยาบาทของ เรื่องผี เดอะช็อค โดยคุณปุ้ย
คืนนั้นเป็นอีกคืนที่คุณปุ้ยต้องทนอยู่กับความหลอน และพบเห็นผู้หญิงคนนั้นมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่นอกรั้วบ้านทั้งคืน จนเช้ารุ่งขึ้นไปวัดและเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลวงพ่อฟัง ท่านได้ฟังก็กล่าวว่า
“เอาแบบนี้นะ คือเค้าไม่ยอม เค้าโกรธที่เอ็งไปพังบ้านเขา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ เอ็งต้องกลับไปทำศาลให้เขา”
ในวันเดียวกันนั้นเอง คุณปุ้ยจัดแจงรีบกลับไปยังจุดที่เคยเป็นที่ตั้งของศาลนั้นพร้อมกับเพื่อนอีกคน ภาพที่เห็นคือมีกองซากศาลไม้ขนาดเล็กที่ผุกร่อน กับถาดไม้และกระถางปักธูป คุณปุ้ยตั้งศาลให้ใหม่พร้อมทั้งยังนิมนต์หลวงพ่อมาทำพิธีและขอขมาลาโทษ
ในภายหลังคุณปุ้ยยังคงพบเจอผู้หญิงคนนี้อยู่ แต่เป็นในฝัน เธอมาในสภาพดูดี ไม่ใช่ร่างที่บิดเบี้ยวแขนขางอๆ เหมือนที่แล้วมา นัยว่า…คงได้รับการอภัยแล้ว และนี่ก็คือเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งนำมาเล่าสู่กันฟังใน เรื่องผี เดอะช็อค
ขอขอบคุณที่มา อ่านกระทู้ผี : เรื่องสยองของแอนนี่
อ่านเรื่องผี the shock เรื่องอื่นๆ >> คลิก
กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์