เรื่องเล่าผี เรื่องนี้มาจากสมาชิกเฟสบุ๊คท่าหนึ่งที่ใช้ชื่อว่าคุณ “หาญ ใจสิงห์” ได้ออกมาเล่าเรื่องประสบการณ์สุดสะพรึง เนื่องจากตนได้ไปค้นเจอ “ผอบ” ที่เคยซื้อมาจากฝั่งลาวในครั้งที่ไปเที่ยวผ่านช่องเม็ก ทำให้นึกย้อนไปถึงเรื่องราวอันพิลึกพิลั่นที่เคยเกิดขึ้นกับครอบครัวอันมีที่มาจากผอบอันนี้…
“มันตามมาจากฝั่งลาว” เรื่องเล่าผี อุธาหรณ์คนชอบซื้อของเก่า
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ก่อนที่จะ เล่าเรื่องผี ให้ฟัง ผมขอท้าวความก่อนว่า จู่ๆผมก็นึกถึงขึ้นมาได้เพราะผมได้ไปทำความสะอาดห้องในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แล้วได้ไปเจอกับผอบ…(ตลับใส่ของขนาดเล็ก มีเชิง และฝาครอบมียอด) ซึ่งเป็นที่มาของเรื่องที่ผมนะเล่าต่อไปนี้อยู่ที่หลังของรูปปั้นบูชาพระแม่กวนอิม ช่วงราวๆ 7-8ปีก่อน ผมและแฟนมีโอกาสได้ลางานกลับบ้านที่ต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลหลายวัน
โดยที่ตอนนั้นผมและแฟนเดินทางด้วยรถกระบะของพี่เขย ออกตั้งแต่เช้ามืดตี5 กว่าจะถึงที่หมายก็ประมาณ 5-6โมงเย็น โดยในคืนนั้นหลังจากได้อยู่ทานอาหารกับครอบครัวของแฟน ทางครอบครัวก็ได้ชักชวนกันไปเที่ยวพร้อมหน้าพร้อมตากัน โดยสถานที่ที่ตกลงกันคือ “ช่องเม็ก” ชายแดนระหว่างไทยลาวที่สามารถข้ามไปมาหาสู่กันได้โดยบริเวณนั้นจะมีลักษณะเหมือนชุมชนตลาดค้าขาย ซึ่งตัวผมเองก็สนใจที่จะไปเที่ยวลาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องมาจากว่าได้ยินกิติศัพท์เกี่ยวกับสาวลาวว่าสวยและขาว จนอยากไปพิสูจน์ให้เห็นด้วยตา
ในเช้าวันนั้นเราออกกันตั้งแต่6โมงเช้า แวะทานอาหารเช้ากันที่เขื่อนอุบลรัตน์จนกระทั่งไปถึงช่องเม็กราวๆ 10 โมงเช้า ลักษณะที่นั่นจะเป็นตลาดที่มีของกินใช้สะสมหลากหลายอย่าง จะว่าไปก็คล้ายๆกับตลาดนักสวนจตุจักรบ้านเรานี่เอง ตอนนั้นแฟนผมแยกไปเดินกับทางญาติ ส่วนผมเดินดูคนเดียวมาจนกระทั่งไปสะดุดตากับร้านร้านหนึ่งซึ่งมีเจ้าของร้านเป็นคุณป้าที่แม้จะมีอายุอานามแต่ยังคงเหลือร่องรอยแห่งความสวยอยู่ ร้านของป้าเป็นร้านขายของเก่าที่มีของแปลกๆตั้งแต่ตุ๊กตานางรำ กระจกโบราณ ไปจนถึงของป่าอย่างงูดองในโหล เขี้ยวหมูป่า ผมไปยืนดูงกๆเงิ่นหน้าร้าน ป้าจึงทักผมขึ้นว่า
“โดย มีหยังให้ซอยหยังบ่ อยากได้หยังบ่” (มีอะไรให้ช่วยมั้ย อยากได้อะไรรึเปล่าจ๊ะ)
ผมได้แต่ตอบกลับไปเพียงว่าขอดูก่อน จนกระทั่งสักครู่แฟนผมก็ตามมาสมทบที่ร้านพอดี แฟนผมไกสะดุดตาเข้ากับกระจกโบราณบานหนึ่ง จึงได้หยิบขึ้นมาส่องดู แต่ไม่ทราบว่าเธอได้เห็นหรือพบเข้ากับอะไร ถึงได้สะดุ้งตกใจจนแขนไปปัดเข้ากับผอบที่ถูกกล่าวถึงในตอนต้น ซึ่งวางอยู่ใกล้ๆกันหล่นลงไปกองกับพื้น เธอพยายามจะเก็บผอบขึ้นมาแล้วสังเกตเห็นว่า ฝาของผอบนั้นเปิดแง้มอยู่เผยให้เห็นผงควันสีขาวลอยคุ้ง เธอก้มลงไปเก็บและได้กลิ่นของควันแล้วบอกว่ากลิ่นหอมดี คล้ายกลิ่นของดอกไม้ป่า ป้าเจ้าของร้านจึงบอกว่าผอบนี้เก็บเครื่องหอมกำยานจากดอกไม้ในป่า ถ้าหากว่าอยากได้จะลดให้ คิดราคาไม่แพง จึงได้จ่ายเงินซื้อมาพร้อมกับสินค้าอย่างอื่นอีก ขากลับกลับบ้านเธอถือผอบกำยานที่ได้มาติดมือตลอด คงจะถูกใจมากทีเดียว และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์ เรื่องเล่าผี ที่ผมและครอบครัวพบเจอ…
จนกระทั่งช่วงแวะปั้มระหว่างทางขากลับ แม่ยายผมเข้ามาแอบกระซิบกับผมว่าตัวลูกสาวดูแปลกๆ เอาแต่พุดภาษาลาวมาตลอดทาง ซึ่งผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร และตอบไปว่าคงเพราะภาษาลาวกับอีสานมันคล้ายๆกันเท่านั้น จนกลับถึงบ้าน แฟนผมออกไปจ่ายตลาดและเตรียมอาหาร ไม่เื่อก็ต้องเชื่อว่า อาหารที่แฟนผมทำออกมานั้นเป็นกับข้าวที่ผมไม่เคยกินมาก่อน ไม่ใช่ทั้งอาหารอิสาน อาหารเหนือหรือใต้ ถึงแม้ผมจะไม่เคยทานอาหารลาวแต่ก็เคยเห็นมาบ้าง แต่ก็ยังดูต่างออกไปอยู่เหมือนกัน ถึงกระนั้นอาหารมื้อนั้นกับรสชาติดีอย่างน่าประหลาดใจ โดยเฉพาะแกงเทา ที่ทานกันเกลี้ยงจนหม้อขึ้นเงา
หลังทานอาหารกันเสร็จ คำที่แฟนผมทักขึ้นทำเอาทั้งพี่ป้าน้าอาเขยถึงกับหันหน้ามองผมสลับกันไปมา อย่างพยายามจะค้นหาคำตอบ เพราะเธอพูดว่า “โดย..แซ่บบ่จ้า กินได้บ่” ครอบครัวแฟนจึงกระซิบถามผมว่า ปกติแล้วเวลาอยู่ด้วยกันพูดแบบนี้กันเหรอ ผมได้แต่ตอบรับไปแบบส่งๆโดยที่ผมก็ยังงง จนคืนนั้นแฟนผมนุ่งผ้าซิ่นที่ซื้อมาจากฝั่งลาว หลังผมอาบน้ำเสร็จและขึ้นเตียงนอน ผมเอามือโอบแฟนไว้จนครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมก็สะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ
“โด๋ย สินอนแล้วบ่อ้าย…”
ผมสังเกตุเห็นรอยบางอย่างแดงๆอยู่ในผมของแฟนจากด้านหลัง จึงตกใจนึกว่าไปโดนอะไรมาเป็นแผล แต่พอผมค่อยๆแหวกผมเธออกดู ก็ตกใจจนแทบไม่มีเสียงร้อง เพราะรอยแดงๆที่ว่า…แท้จริงแล้วคือริมฝีปากแดงฉาน!! สายตาผมจ้องเลยขึ้นไปเหนือริมฝีปากที่ว่าแล้วพบเข้ากับนัยน์ตาคู่หนึ่งจ้องเขม็งตรงมา ริมฝีปากนั้นก็ค่อยๆยิ้มสแหยะให้
“!!! เห้ย”
ผมตะโกนอยู่ในลำคอ และภาพสุดท้ายที่จำได้คือผมกลิ้งตกลงจากเตียงแล้วภาพดีบสนิทไป มารู้ตัวอีกทีก็ตอนเช้าที่ลูกชายมาปลุกบอกว่าครอบครัวญาติมาตามให้ไป เขาพาพระมาจะทำบุญสู่ขวัญให้ ตอนนั้นผมยังคิดอยู่ว่า…เรื่องเมื่อคืนเป็นแค่ความฝันรึเปล่า? จนกระทั่งพระจากวัดป่าที่นิมนต์มาถึง ท่านนั่งลงตรงข้ามกับแฟนผมซึ่งแต่งตัวผิดหูผิดตาไปจ่กปกติ เธอใส่เสื้อขาวแขนกระบอก เกล้าผมมวย นุ่งผ้าซิ่น และสิ่งที่พระป่าท่านทักขึ้นมาคือ…
“ผู้สาวทางได๋ล่ะ มาแฝงร่างเขาอยู่นี่!”
สิ้นคำทำเอายาติโกโหติกาแตกตื่นย้ายไปนั่งเบียดกันอยู่อีกมุมนึงทันที ใครบางคนในร่างแฟนผมก็พูดออกมาว่า เธอคือ “พิมทะสร” เธอมาจากปากเซ ครั้นอกหักจากรักก็คิดสั้นไปพูกคออยู่ในป่า ไม่มีผู้ใดได้รู้หรือพบเห็น จนกระทั่งร่างเริ่มเปื่อยคราบน้ำจากศพก็ไหลนองลงมารดดอกไม้ป่าที่ขึ้นอยู่ด้านล่าง จนนานวันไปจิตของเธอก็ได้ผูกพันและย้ายเข้าไปสิงอยู่ในดอกที่ว่านั้น กระทั่งมีคนมาเก็บของป่า เก็บดอกไม้ดอกนั้นไปทำกำยานที่อยู่ในผอบนั่นเอง
พระป่าท่านก็เมตตาบอกว่าออกจากโยมผู้หญิงคนนี้เสียเถิด แล้วจะพาไปสถิตอยู่ที่วัดป่าของท่าน วิญญาณหญิงสาวจึงยอมออกแต่โดยดีโดยไม่มีการขัดขืน หลังเหตุการณ์ในวันนั้น แฟนผมยังเก็บผอบนั้นไว้โดยใส่เส้นผมและฟันของยายที่เสียไปไว้แทน และหลังจากนั้นมาก็ไม่เคยเกิดเรื่องชวนขนลุกหรือเรื่องผีๆขึ้นอีกเลย และนี่ก็คือ เรื่องเล่าผี ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ขอบคุณที่มาจาก : คุณหาญ ใจสิงห์
อ่านเรื่องเล่า เรื่องผีเดอะช็อค เรื่องอื่นๆ >> คลิก
กลับสู่หน้าแรก สยองสแควร์